วางขายกันเรียบแล้ว สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ซึ่งจนถึงตอนนี้ เพื่อนๆทุกคนก็น่าจะได้เห็นรีวิวจากเว็บต่างๆทั้งไทยและต่างประเทศกันเต็มไปหมดละ ซึ่งถ้าเราจะไปรีวิวแบบเดิมๆ ซ้ำวนไปก็คงจะใช่เรื่อง เลยขอเอามาบอกเล่าการใช้งานมุมมองของผู้ใช้แอนดรอยด์สักหน่อยว่าเจ้า iPhone 7 Plus เนี่ยมันจะโอเคหรือไม่หนอ

บอกไว้ก่อน

ส่วนตัวไม่ได้ใช้ iPhone 7 Plus นี้เป็นเครื่องแรก แต่ก็ใช้งานมาตั้งแต่ iPhone 5s แล้ว ซึ่งก็มีคนถามมาตลอดว่าทำเว็บ Droidsans ทำไมใช้ iPhone ซึ่งเอาจริงๆแล้วสาเหตุหลักที่ต้องใช้ก็เพราะว่าทำเว็บเนี่ยแหละ ถ้าเราไม่รู้จักเค้าจริงๆ แล้วเราจะไปสามารถพูดถึงหรือรีวิวอะไรได้อย่างไร ว่าแล้วก็ขอมาแชร์กันเลยดีกว่าว่าหลังจากลองใช้ iPhone 7 Plus แล้วเนี่ย รู้สึกอย่างไรบ้าง

ฟีลกู้ดรู้สึกดีเหมือนเดิม

ถ้าใครได้ใช้ iPhone 6 และ iPhone 6s มาก่อนแล้วเปลี่ยนมาใช้ iPhone 7 น่าจะมีความรู้สึกเดียวกันว่า ฉันเปลี่ยนมาทำอะไรหว่า หน้าตาดีไซน์เดิม เดิมจนแทบจะใส่เคสเดิมได้อยู่แล้ว วัสดุที่ใช้ ความรู้สึกต่างๆแทบไม่เปลี่ยน ถ้าไม่สังเกตว่ามีกล้องคู่ใน iPhone 7 Plus ก็แยกไม่ออกกันเลยทีเดียว เมื่อใส่เคส

มีการย้ายสายสัญญานขึ้นไปด้านบนเล็กน้อย…โอว ดีไซน์ใหม่สวยงามขึ้นกว่าเดิมเพียบเบย

แต่เรื่องประสบการณ์ใช้งานแบบเดิมๆนี่ เอาจริงๆถือเป็นความดีงามแบบที่สุดของ iPhone เหมือนกัน คือสำหรับคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนหน้าตาการใช้งาน เล่นแล้วคุ้นเคย iOS ก็เรียกว่าทำมาได้โอเคอยู่ และประสบการณ์โดยรวมไว้ใจได้ ไม่ต้องลุ้นมากนักว่าเครื่องรุ่นใหม่ออกมาจะมีตรงไหนแย่รึเปล่า

สิ่งที่เวลาใช้ Android แล้วเพลียๆหน่อยคือ ไม่ว่าจะรุ่นไหนยี่ห้ออะไร ออกมาแล้วต้องมาคอยนั่งเทสต์ และลุ้นว่าตัวเครื่องจะมีปัญหาตรงส่วนไหนอย่างไร มีเซนเซอร์มาครบมั้ย ฟีเจอร์ไหนมีปัญหารึเปล่า ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยจะเป็นมากนักใน iPhone ซึ่งก็ขอสรุปผลการใช้งานรวมๆง่ายๆเป็นข้อๆ ประมาณนี้ละกัน

  • การใช้งานโดยรวมลื่นไหล (แต่เจอ UI กระตุกในบางลีลาบน iPhone 7 Plus ทั้งที่รุ่นก่อนหน้าไม่เคยเป็นมาก่อน)

  • เล่นเกมไม่มีปัญหา ไหลลื่นดีหมด ไม่ต้องลุ้นว่าเครื่องจะเล่นได้รึเปล่า

  • แชทคุย พิมพ์มันส์ แจ้งเตือนปกติ

  • แอปโดยรวมใช้งานได้ดี ไม่ค่อยเจอปัญหา

  • สัญญานมือถือจับได้ค่อนข้างโอเค

  • ใช้งานไปนานๆแล้วเครื่องไม่ช้า ค้าง เอ๋อ

  • GPS แม่นยำ ไว้ใจได้เมื่อนำทาง

  • อัพเดทเฟิร์มแวร์ได้ยาวๆ ขั้นต่ำ 2-3 ปี ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะได้ไปต่อหรือไม่

  • + อัพบ่อยก็ปลอดภัยกว่าที่อุดรูโหว่ความปลอดภัยได้เร็ว

  • วัสดุและการดีไซน์ที่รวมๆโอเค แม้จะน่าเบื่อไปบ้างก็ตาม

  • กล้องและการถ่ายภาพ ไม่ได้ดีที่สุดแต่ดีจนกลายเป็นมาตรฐาน ไม่ดีกว่าเรียกว่าสวยไม่ได้

  • แบต iPhone 7 ไม่ได้อึดขึ้นมาก แต่ Plus นี่ทำมาได้ดีตั้งแต่ iPhone 6 Plus แล้ว ใช้งานได้ยาวนานจริงจัง ใช้น้อยๆทะลุสองวันไม่ยาก

  • ไม่มีอาการแบตไหล ที่มักจะเจอใน Android บางรุ่นบางยี่ห้อ

  • ไม่ยอมให้ชาร์จแบตแบบไวมาสักที โดยเฉพาะรุ่น Plus ชาร์จทีรอรากงอก

  • Accessories มีให้เลือกสรรเพียบ

 

อย่างไรก็ดี แอนดรอยด์รุ่นดังๆ คนใช้เยอะๆ โดยมากก็มีทำทั้ง 7 ข้อสีส้มกันได้เกือบหมดนะ ใช้งานลื่นไหล เล่นเกมไม่มีปัญหา แชททั่วไปสะดวกดีไม่ได้ต่างอะไรกับ iPhone แต่เรื่องอุปกรณ์เสริมนี่ต้องยอมให้เค้าจริงๆ มีพร้อมมากและอันนี้ขอแอบช่วยสปอนเซอร์ขายของนิด แกมน้อยใจเบาๆว่าทำไมถึงทำกระจกกันรอยมาให้ iPhone แต่ไม่ยอมทำให้ฝั่ง Android มั่ง ;__;

อันนี้เอามาแปะให้ดูนี่จะเป็นตัว FOCUS TEMPERED GLASS 3D FULL FRAME เป็นกระจกกันรอยแบบเต็มจอลงโค้ง 3 มิติ ติดลงไปถึงถึงขอบโค้ง ปกป้องได้เต็มจอ ไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นเข้าขอบจออย่างตัวอื่นที่เคยเจอกัน

 

กระจกกันรอยของ Focus ทำมาให้แปะจอโค้งนิดๆของ iPhone 7 & iPhone 7 Plus ได้พอดีเลย

ติดแล้วจะพอดีกับขอบจอ 2.5D ไม่กระดก และหลุดง่ายเลย ดูเผินๆแทบดูไม่ออกว่าติดกระจกอยู่

พอใส่เคสแล้วก็จะพอดี ไม่ดันจนทำให้กระจกเผยอออก แต่อาจจะต้องใส่เป็นเคสซิลิโคนบัมเปอร์ ซึ่งก็หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป

 

ด้านหลังมีกันรอยเป็นเคฟล่าด้วยนะ แปะแล้วก็สวยไปอีกแบบ

คือเป็นเรื่องยากมากที่ฝั่ง Android รุ่นที่ทำหน้าจอกระจก 2.5D จะมีกระจกแบบนี้ หรือมีก็หาซื้อยากกว่าแบบสุดๆ ส่วนมากต้องไปสั่งจากออนไลน์กัน ถ้าทางโฟกัสทำให้ฝั่ง Android เยอะๆหน่อยก็จะทำให้หาซื้อง่ายกว่านี้เยอะเลย

iPhone 7 น่าสนใจกว่ารุ่นเก่าๆตรงไหน

คืออะไรที่เป็นของเดิมเค้าก็ยังคงอยู่ ใช้งานได้ดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมา ทั้งกล้องคู่ ลำโพงสเตอริโอ, การกันน้ำ, ปุ่ม Home, ช่องเสียบหูฟังที่หายไป ก็ขอแชร์ความคิดส่วนตัวหลังจากที่ใช้ประมาณนี้นะ

กล้องคู่ ซูมได้ 2 เท่า อันนี้ส่วนตัวไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก ตัวเลนส์ที่ซูม 2X ระยะที่เพิ่มไม่ได้มากมายอะไร แต่ตัวเลนส์ไม่ดีเท่าไหร่ ไร้กันสั่น กับเซนเซอร์รับภาพไม่ดีเท่าเลนส์หลัก ทำให้บางสภาพแสง ซูมดิจิตอลของมือถือรุ่นที่เซนเซอร์ดีๆ มีกันสั่น ถ่ายภาพออกมาได้ดีมากกว่าด้วยซ้ำ ส่วนฟีเจอร์ Portrait ที่ปล่อยออกมา ดูคร่าวๆก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าดีกว่าเลนส์คู่ของยี่ห้ออื่นอย่าง HTC, LG, Huawei ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้าสักเท่าไหร่นัก คือก็ละลายหลังได้เหมือนกันอะ Google Camera ที่ไม่มีกล้องคู่ก็สามารถถ่าย Bokeh Effect ได้ไม่ต่างกัน

ภาพที่ได้จากกล้อง tele 2x ของ iPhone 7 Plus แทบจะไม่ได้ต่างอะไรจาก Galaxy S7 ที่เป็น digital zoom เท่าไหร่

พูดถึงเรื่องกล้องเพิ่มเติมอีกสักนิดละกัน

กล้องหลัง(หลัก) อันนี้ยังคงคุณภาพความดีงามไว้เช่นเดิม คืออาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ดีพอที่จะตบตีกับรุ่นเจ๋งๆของคู่แข่งได้ มุมมองและจังหวะการถ่ายภาพสำคัญกว่าเยอะ

ลองไปดูเปรียบเทียบภาพถ่าย iPhone 7 Plus กับกล้อง Android ตัวอื่นกันได้ (Galaxy Note 7 เป็นตัวแทนของ S7 ได้นะ เพราะกล้องตัวเดียวกันนั่นแหละ)

กล้องหน้า ไม่ชอบที่มุมค่อนข้างแถบไปหน่อย แต่การให้สีภาพอะไรพวกนี้ก็โอเคอยู่นะ

ถ่ายวิดีโอ อยู่ในระดับโอเคแบบเดียวกับกล้องหลัง กันสั่นใช้ได้ แต่อาจจะไม่ได้ดีที่สุดในตลาดแค่นั้น

[รออัพโหลดคลิปแป๊บ]

อ่านสรุปเกี่ยวกับกล้อง iPhone 7 Plus แบบละเอียดๆต่อได้จากที่เคยทำเปรียบเทียบ

 

ลำโพงสเตอริโอ อันนี้ดีงามในเรื่องของมิติซ้ายขวา เสียงดังกว่าบน iPhone 6s มากอยู่ มีเสียงเบสออกมาตึ้บๆได้อยู่ แต่เสียงแหลมฟังแล้วอาจจะมาไม่สุดนัก โดยรวมเรียกว่าเป็นพัฒนาการที่ดีงาม และจะทำให้รุ่นเรือธงของปีหน้าจะต้องมีตามแทบทุกแบรนด์แน่ๆ (จริงๆแต่ละแบรนด์ก็เคยทำลำโพงคู่หน้ามาเกือบหมดแล้วนะ ยกเว้น LG Samsung) 

ช่องเสียบหูฟังที่หายไป อันนี้เรียกว่าเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ไม่ว่าจะเค้าจะให้เหตุผลอะไรมาก็ตาม และจะแถมสายต่อมาให้ก็เหอะ เป็นเรื่องที่ถูกวิจารณ์หนักในหลายทั้งสำนัก ทั้งชื่นชมสนับสนุนในการถอดทิ้งครั้งนี้ว่าเป็นความกล้าของบริษัทมากๆ แต่ว่าในอีกหลายสำนักและผู้ใช้ทั่วไปก็จะส่ายหัว ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ส่วนตัวก็แอบเซ็ง และไม่เห็นด้วยเช่นกัน คือชอบหูฟังที่ไม่ต้องมีแบตอะไร เสียบสายก็ใช้ได้เลย หูฟังบลูทูธต้องมาคอยระวังชาร์จไม่ให้แบตหมด ใช้ไปสักพักก็แบตเสื่อมอีก… คงต้องรอดูว่าการถอดทิ้งของ Apple นี่จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมอย่างที่เค้าคาดหวังรึเปล่า หรือคนจะยังยึดกับสายเช่นเดิมอะนะ

เคสเดิมเอามาใส่ เห็นแล้วก็เสียดายที่ไม่มีรู 3.5mm ให้เสียบแล้ว แบตหมดจะทำไงล่ะเนี่ย 

การกันน้ำ อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และก็เหมือนกับของ Samsung Galaxy, Sony Xperia, หรือ Moto ที่ถ้านำเครื่องลงน้ำไปแล้วตัวตรวจจับความชื้นเปลี่ยนสีขึ้นมาก็จบ ประกันหลุดทันที ไม่มีการรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น จะเราใช้ผิดวิธีเอง หรือเป็นการประกอบผิดพลาด เราก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองเท่านั้น ฉะนั้นอยากเอาไปถ่ายใต้น้ำก็ใช้ด้วยความเสี่ยงของคุณๆเองเอานะ เครื่องที่เอามารีวิวนี้คงไม่ได้ทดสอบเรื่องนี้ เพราะเสียวครัช 5555 

ปุ่ม Home เปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่ปุ่มกดจริงๆ แต่ใช้การสั่นทำให้รู้สึกเหมือนเรากดลงไป แรกๆใช้ก็จะรู้สึกแปลกๆ ไม่ชินและไม่ชอบเอาซะเลย แต่สุดท้ายแล้วก็ชินและยอมรับไปเอง เพราะมันไม่ได้เลวร้ายจนไม่น่าใช้ คิดถึงข้อดีของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันก็โอเคอยู่ เพราะ Apple ให้เหตุผลว่าผู้ใช้จะได้ไม่ต้องกลัวปุ่มพัง และกันน้ำได้ (ของ Samsung ปุ่มไม่ค่อยพังและก็กันได้โดยปุ่มยังเป็นปุ่มนะ หะหะ) แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเกิดว่าปุ่มของ iPhone 7 มันเกิดใช้ไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง?!? อันนี้มีกระทู้นึงใน MacRumors ได้เปิดเผยว่าถ้าปุ่มมันเกิดมีปัญหาจริงๆ iPhone ก็ฉลาดพอที่จะทำปุ่มจำลองขึ้นมาให้ใช้บนหน้าจอด้วยนะเออ

รวมปัญหาการใช้งานของ iPhone 7 และ iPhone7 Plus

แม้ว่าข้างต้นผมจะบอกว่า iPhone ขึ้นชื่อเรื่องความน่าไว้ใจว่าใช้แล้วจะได้รับประสบการณ์ที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะสมบูรณ์ไปซะทุกอย่าง อะไรพังๆก็มีอยู่บ้างนะ แต่เพียงว่าคนใช้ไม่ค่อยดราม่ากันขนาดนั้น (ไม่รู้เพราะว่าดราม่าไป Apple ก็ไม่ฟังอยู่ดีรึเปล่า ต่างจากค่ายฝั่งแอนดรอยด์ที่มีการพูดคุยและหาทางชดเชยให้ตลอด)

  1. iPhone 7 และ iPhone7 Plus สเปคมาไม่เท่ากัน อันนี้เป็นความไม่พอใจส่วนตัว คือมันต่างกันแบบไม่ค่อยน่าให้อภัยเท่าไหร่ คือตอนรุ่น iPhone 6 และ iPhone 6 Plus คือให้มาแบบ identical เหมือนกันเป๊ะ ต่างที่ขนาดหน้าจอและแบตเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่พอมาบน iPhone 6s ก็เริ่มต่างแบบมากขึ้น ไม่มี OIS ใน iPhone 6s จนมาถึง iPhone 7 นี่คือไม่ค่อยน่าให้อภัยเท่าไหร่ เพราะบน iPhone 7 Plus มีกล้องคู่ให้ แต่บน iPhone 7 กลับไม่มี…เฮ้ย ราคาก็แพงไม่ได้ต่างกันนะเว้ย

  2. สีใหม่ Jet Black เป็นรอย(โคตร)ง่าย อันนี้น่าจะพอทราบกันอยู่แล้วว่า ถ้าใครคิดจะเลือก iPhone 7 สี Jet Black ก็ทำใจกับเรื่องริ้วรอยที่มาเพียบแน่นอน จะใช้ระวังรักษา ใส่เคสแล้วก็ยังจะมีรอยแน่ๆ น่าบ่นมากว่าซื้อโทรศัพท์เครื่องละสามหมื่นมา ทำไมถึงได้เปราะบางขนาดนี้ (มีคนบอกว่าไปติดฟิล์มกันรอยแบบมันเงาบนเครื่องสี Space Grey ก็ทำให้ได้ผลลัพธ์คล้าย Jet Black แล้วนะ ^^)
    Play video

  3. NANDGate ถ้าใครจะซื้อ iPhone 7 ก็อย่าได้เขียมซื้อรุ่น 32GB มาเชียว เพราะว่าประสิทธิภาพของเครื่องจะหายไปเยอะมาก เนื่องจากมีการทดสอบกันออกมาแล้วว่า NAND Flash หรือหน่วยความจำภายในของ iPhone 7 รุ่น 32GB ทั้งสองรุ่นมีความเร็วในการเขียนข้อมูลต่ำกว่า 128GB ขึ้นไปถึง 8 เท่า

  4. Modem Gate เหล่าคนที่คลั่งไคล้ในเรื่องความเร็วในการอัพโหลดดาวน์โหลดข้อมูลผ่านเครือข่าย 4G แล้ว มีเรื่องน่าเสียใจว่า iPhone 7 รุ่นที่ขายหลายๆที่ทั่วโลกนั้น จะได้ใช้ modem ของทาง INTEL ที่ทำความเร็วได้ต่ำกว่าของ Qualcomm ที่ขายที่อเมริกา ญี่ปุ่น และจีนนะครับ (ข้อมูลโดย cellularinsights)

    ความต่างระหว่าง 2 modem โดย INTEL คือเส้นสีน้ำเงิน และ Qualcomm คือเส้นสีแดง

    เปรียบเทียบความเร็วที่ดาวน์โหลดได้ในความแรงคลื่นระดับต่างๆ ในที่นี้จะเห็นว่า S7 จะดีสุด และ iPhone 7 ที่ใช้ชิปของ INTEL นี่ดูแย่มากไปเลยเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ

  5. ใช้ๆอยู่แล้วสัญญานหาย ต้องมีการสลับไป 3G หรือปิดเปิดเครื่องใหม่ถึงจะขึ้นสัญญานเหมือนเดิม ปัญหาเจออยู่ทีสองทีเหมือนกัน ตอนเอาไปใช้งานที่พม่า อาการคือวงกลมบอกสัญญานทั้งหมดหายไป เหมือนสัญญานไม่มี แต่ก็ยังใช้งานได้ตามปกติ เมื่อปิดเปิดเครื่องสัญญานก็กลับมาแสดงตามปกติเช่นเดิมครับ

  6. มีบางคนเจอปัญหา GPS จับสัญญานได้ไม่ดี คือสัญญานไม่แม่นเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเจอกันทุกคนนะ ส่วนตัวผมยังไม่เจอปัญหานี้เท่าไหร่

  7. การระเบิด…อันนี้ทำเป็นเล่นไป iPhone 7 นี่ก็มีข่าวคราวการระเบิดไม่น้อยนะ แต่คงไม่เกิดขึ้นในไทยหรอกมั้ง หะหะ

นี่เป็นการใช้งานหลังจากขายไปได้ประมาณเดือนเศษๆนะ มันจะมีปัญหาอะไรเพิ่มเติมอีกคงต้องรอติดตาม  แต่ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่จนทำให้ถอดใจไม่ซื้อกัน โดยเฉพาะเหล่าสาวกที่น่าจะมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปได้อย่างสบายๆ ซึ่งต่างจากฝั่ง Android ที่แต่ละแบรนด์ไม่ค่อยมีสาวกที่เหนียวแน่นเท่าใดนัก จึงทำให้ความทรงคุณค่าของแบรนด์เหล่านั้นไม่สามารถขึ้นไปเทียบ Apple ได้ง่ายๆนั่นเอง

iPhone 6, 6s หรือรุ่นเก่ากว่านั้น น่าเปลี่ยนรึเปล่า?

สำหรับคนใช้ iPhone 6 และ iPhone 6s แล้วเครื่องไม่ได้มีปัญหาอะไร ขอบอกว่ายังไม่ได้จำเป็นต้องเปลี่ยนอ่ะ รอไปก่อนก็ได้ มันยังไม่ได้ว้าวขนาดนั้น กล้องก็ไม่ได้ปรับปรุงมากจนถึงกับเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน หรือมีฟีเจอร์ใหม่ที่ควรค่าแก่การควักเงินสามหมื่นมาเปลี่ยนขนาดนั้น

ราคาตลาด iPhone 6 และ iPhone 6s ที่พอหาซื้อได้ (ถ้าเป็นโปรจากค่ายโทรศัพท์ก็จะได้ราคาคุ้มกว่านี้อีก)

ราคา iPhone 6 (16GB) เริ่มต้น 17,000 – 18,000 บาท

ราคา iPhone 6 Plus (16GB) เริ่มต้น 17,000 – 18,000 บาท

ราคา iPhone 6s (16GB) เริ่มต้น 20,000 – 21,000 บาท

ราคา iPhone 6s Plus (16GB) เริ่มต้น 23,000 – 24,000 บาท

สำหรับคนที่ใช้ iPhone รุ่นเก่ากว่านั้น เครื่องมีปัญหา และไม่ได้มีเงินถุงเงินถังใช้สบายๆ ส่วนตัวแนะนำว่าให้ลองดูโปรของพวก iPhone 6 หรือ iPhone 6s ที่ราคาถูกลงไปเป็นหมื่น เอามาใช้ยังจะดีซะกว่านะ

ส่วนตัวมองว่าจุดเด่นของ iPhone 7 ที่เหนือ iPhone รุ่นอื่นจริงๆ มีแค่

  • ลำโพงสเตอริโอ

  • กันน้ำ

 

สรุป

iPhone 7 / 7 Plus เป็นโทรศัพท์ที่ดีมากๆเครื่องนึง มีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นมาในหลายๆด้าน ทั้งลำโพงเป็นสเตอริโอ มีการกันน้ำ และกล้องหลังที่พัฒนาเรื่องการถ่ายกลางคืนตามคู่แข่งชาว Android ขึ้นมาได้ดีขึ้น มีปัญหาบ้างประปราย ควรเลี่ยงการซื้อรุ่นเมม 32GB แต่คำถามใหญ่สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนเป็น iPhone 7 คือเราจำเป็นต้องซื้อโทรศัพท์ที่ราคาแพงขนาดนี้หรือไม่ แค่ iPhone 6 หรือ 6s ก็พอรึเปล่า? หรือถ้ามีโทรศัพท์ที่ใช้งานได้ดีไม่แพ้กันหรือด้อยกว่าหน่อย ในราคาน้อยกว่ากันเป็นเท่าตัว เรายังควรต้องจ่ายให้ iPhone 7 อยู่รึเปล่านั่นเองครับ

ปล. สรุปแบบนี้ต้องมีสาวกแซะแน่นอนว่า แล้ว Pixel ล่ะมันก็แพงพอกัน ทำไมยังโอดครวญอยากซื้อกัน ก็บอกเลยว่าก็คงสรุปไม่ต่างกันหรอก ดีนะแต่แพงชิบ เงินถึงอยากได้ตัวไหน ใครใคร่ซื้ออะไรก็ซื้อนั่นแหละครับ ;D

ส่วนถ้าไม่ซื้อ iPhone แล้วจะซื้อตัวไหนในราคาไหนอันนี้รอติดตาม เดี๋ยวเรามีลิสต์ให้เร็วๆนี้ครับ