สัปดาห์ที่แล้ว iFixit ได้จัดการงัดแงะ iPhone 13 แล้วพบว่า หากมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนหน้าจอแล้ว Face ID จะไม่สามารถใช้งานได้ทันที แม้จะมีวิธีแก้คือยกชิปไมโครคอนโทรลเลอร์จากชิ้นส่วนเก่าไปใส่ แต่ในทางเทคนิคแล้วมันทำได้ยากสุด ๆ (ดูได้จากคลิปด้านล่าง) ทำให้เป็นอีกครั้งที่ Apple ถูกวิจารณ์อย่างมากเกี่ยวกับการกระทำลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบริษัทฯ ยอมถอยแล้ว เตรียมออกเฟิร์มแวร์ปลดล็อกให้ Face ID ได้อยู่ แม้มีการเปลี่ยนหน้าจอจากช่างซ่อมภายนอก
Apple ถูกตั้งแง่มาตลอดเกี่ยวกับความพยายามปิดกั้นการซ่อมอุปกรณ์ iPhone จากร้านภายนอก ทั้งบล็อกการทำงานของบางฟังก์ชันเมื่อมีการใช้อะไหล่เทียบ (ดังเช่นในกรณีนี้) และการยุติการรับประกันสินค้าเมื่อไม่ได้ส่งซ่อมกับบริษัทฯ โดยตรงหรือศูนย์บริการที่ผ่านการรับรอง (Apple Authorized Service Provider: AASP)
ผู้ใช้งานบางส่วนมักตั้งคำถามต่อ Apple โดยโยงไปที่เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่บริษัทฯ พยายามโปรโมตในช่วงหลัง เนื่องจากมีหลายฝ่ายมองว่า การกระทำของ Apple เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น iPhone ที่เสียหายแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไปซ่อมกับร้านทั่วไปอาจได้ราคาถูกกว่า แต่ถ้าซ่อมกับศูนย์บริการโดยตรงต้องจ่ายแพงเกินจำเป็น จนบางทีไม่คุ้มที่จะซ่อม สุดท้ายก็กลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ อะไรทำนองนี้เป็นต้น
ทางรัฐบาลสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ต่างเล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้ออกกฎ Right-to-Repair ขึ้นมา โดยมีมติเป็นเอกฉันท์และเริ่มบังคับใช้แล้วในบางประเทศ กฎหมายนี้ อธิบายง่าย ๆ คือ ฝั่งผู้ใช้งานจะได้รับอิสระในการซ่อมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยที่ประกันไม่ขาด ส่วนฝั่งร้านซ่อมภายนอกจะได้สิทธิ์จัดซื้ออะไหล่แท้ ชุดเครื่องมือ ตลอดจนถึงคู่มือการซ่อมสินค้าต่าง ๆ นั่นเองครับ
ถ้าไม่โดนรัฐบาลสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเล่นงาน เจ้าพ่อแห่งการผูกขาดและขูดรีด มีหรือจะยอมเสียผลประโยชน์
แล้วประเทศไทยล่ะ จะได้ผลบุญนี้ด้วยเปล่า???
โง่ซื้อเองเน๊าะ