จากงาน Apple Event เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา นอกเหนือจาก iPhone ที่เปิดตัวใหม่แล้ว ตัวที่เรียกความสนใจได้ไม่แพ้กันก็คือ Apple Watch ที่ถูกหยิบเอามาพรีเซนต์ก่อนใคร นอกเหนือจากหน้าตาที่ดูดีขึ้นมากเพราะขอบบางลงเยอะแล้ว ฟีเจอร์ทั้งการแจ้งเตือนการหกล้ม และการวัดค่า ECG ก็ดูจะเป็นอะไรที่คนว้าวกับเจ้าสมาร์ทวอทช์เรือนนี้ไปไม่น้อย แต่ก็มีคนยังงงๆกับค่า ECG นี่อยู่ไม่น้อย รวมถึงสงสัยว่ามันใช้งานได้ขนาดไหน วันนี้เดี๋ยวเรามาดูเพิ่มเติมกันครับ
ECG / EKG คือค่าอะไร*
ถ้าใครได้อยู่ใกล้กับคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจน่าจะเคยได้ยินค่านี้กันมาบ้าง เพราะโดยมากจะต้องโดนจับตรวจ ECG/EKG ด้วยกันทั้งนั้น โดยการตรวจหัวใจหาค่า ECG นี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยถึงโรคที่เป็นหรือความเสี่ยงที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งค่า ECG จะได้จากการตรวจจับคลื่นไฟฟ้าที่ออกมาจากหัวใจ ดังที่เห็นว่าตอนตรวจจะมีอุปกรณ์ติดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งอุปกรณ์นี้จะบันทึกค่าระหว่างขั้วบวก ขั้วลบเป็นคู่ๆ (lead) หลายๆตำแหน่ง หลายๆมุม เช่น หัวใจห้องนี้ไปขา หัวใจห้องนี้ไปแขน อะไรประมาณนี้ มาตรฐานคือ 12 มุม 12 คู่ขั้วบวกลบ โดยจะมีข้อมูลที่สำคัญสองส่วนคือ
- เวลาที่คลื่นไฟฟ้าผ่านหัวใจ ซึ่งช่วยให้แพทย์เห็นความผิดปกติ การเต้นช้า-เร็วของหัวใจ
- เวลาที่คลื่นไฟฟ้าผ่านกล้ามเนื้อของหัวใจ ช่วยทำให้แพทย์เห็นการขยายตัวหรือการทำงานหนักผิดปกติของหัวใจ
เวลาตรวจจะต้องติดอุปกรณ์ไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกายประมาณนี้นะ
ECG หรือ EKG ? บางคนอาจจะงงว่าสองตัวนี้ต่างกันอย่างไร แต่จริงๆคือสามารถเรียกได้ทั้งสองแบบ โดยสาเหตุที่เรียกได้สองแบบก็เกิดจากที่ตอนคุณ Laureate Willem Einthoven ผู้คิดค้น Electrocardiography เค้าแปลผลงานของเค้าเป็นภาษาเยอรมัน เค้าได้เขียนว่า elektrokardiogramm จนทำให้เกิดเป็นตัวย่อ EKG นั่นมานั่นเอง โดย EKG จะเป็นค่าที่ใช้กันเป็นปกติในประเทศอย่างอเมริกา ส่วนประเทศอื่นๆมักจะใช้ ECG ส่วนประเทศไทยเราได้รับอิทธิพลจากฝั่งอเมริกามาเยอะจึงใช้เป็น EKG นั่นเอง
เพิ่มเติม ส่วนอีกค่านึงที่คล้ายๆกันก็คือ EEG หรือ Electroencephalogram อันนั้นไม่ได้เกี่ยวกับหัวใจแต่เป็นสมองนะ
Apple Watch วัดค่านี้ได้อย่างไร และมีประโยชน์อะไรบ้าง
Apple Watch จะใช้กลไกแบบ single-lead handheld device โดยด้านล่างของตัวเรือนนาฬิกาจะเป็นจะเป็นตัวรับคลื่นขั้นบวก ส่วนตัวเม็ดมะยมของนาฬิกาที่ใช้นิ้วแตะจะเป็นขั้วลบและ ground และทำการประมวลผลจบได้ภายใน 30 วินาทีจากชิปเซตของตัวนาฬิกา พร้อมแจ้งเตือนกรณีพบความผิดปกติ และสามารถพลอตกราฟคลื่นไฟฟ้าออกมาให้ดูได้ผ่านแอป Health เลยทันที
ซึ่งค่าความผิดปกติตรงนี้ทาง Apple บอกว่าเป็นค่าที่เหมือนกับไปทำที่โรงพยาบาลยังไงอย่างงั้นเลย และบอกได้ว่าหัวใจเรามีสัญญาณบ่งชี้ถึงการมีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้ว (Atril Fibrillation) หรือที่เรามักจะได้ยินคนเรียกกันว่า หัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ได้นั่นเอง การที่เราใส่ Apple Watch และมีการตรวจเช็คตลอดเวลาก็เป็นเหมือนการป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ ลดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เสียชีวิต หรืออัมพฤกษ์ อัมพาตได้นั่นเอง
โดยตัว Apple Watch นี้ได้ผ่านการอนุมัติจากทาง FDA หรือองค์การอาหารและยาของอเมริกาเรียบร้อย รวมถึงมีการเชิญแพทย์โรคหัวใจมาขึ้นพูดบนเวทีเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่ามันใช้ได้จริงอีกต่างหากด้วย
ปล. อย. บ้านเค้าเข้มงวดและเชื่อถือได้มากกว่าบ้านเราแบบร้อยเท่าพันทวีครับ เมื่อไหร่ที่บอกว่าผ่านและขายได้คือต้องดีจริง
แพทย์ห่วงผู้ใช้ยึดมั่นใน Apple Watch เกินจนเกิดปัญหา
หลังการเปิดตัว Apple Watch ก็มีเสียงตอบรับที่ดีมากทั้งจากฝั่งผู้ใช้ ผู้ที่อยากซื้อให้คนอื่นใช้ รวมถึงแพทย์หลายๆคนก็ให้ความสนใจ แต่หลังจากที่มีการหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็มีความเป็นห่วงจากแพทย์เฉพาะทางที่ดูแลอยู่ทั้งในด้านความแม่นยำของอุปกรณ์และการที่ผู้ใช้เชื่อมั่นในตัวสินค้ามากจนอาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างแพทย์และคนไข้ได้
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการวัดค่า EKG จะทำกันโดยตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าทั้งหมด 12 คู่ (leads) โดยจะต้องทำการแปะอุปกรณ์วัดค่าไว้หลายๆจุดเป็นคู่ๆ หนึ่งคู่คือหนึ่ง Lead แต่บน Apple Watch จะใช้กลไกแบบ single-lead handheld device ทำให้ค่าจะออกมาเพียง lead เดียวซึ่งก็หมายถึงข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ จาก 12 leads เหลือแค่ 1 lead แค่นั้นยังไม่พอการจะวินิจฉัย Atrial Fibrallation (AF) นั้นไม่ได้จำกัดว่าต้องมาจาก 12-lead เท่านั้น แต่ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบอีกมากมาย
ตัวอย่างข้อมูลที่ได้จากแอป ECG ซึ่งเราสามารถ Export เป็น PDF ส่งให้แพทย์ดูได้ง่ายๆ
หลายคนอาจจะบอกว่าก็ไม่เห็นเป็นไร อย่างน้อยเจอความผิดปกติ ไปพบหมอเพื่อให้คอนเฟิร์มก็ไม่มีอะไรเสียหาย ซึ่งก็ถูกครึ่งนึง แต่อีกครึ่งนึงคือมีความกังวลกันที่ตัว Apple โฆษณาสรรพคุณของ Watch ไปซะดูเทพมาก ใครที่เห็นการเปิดตัวแล้วก็คงเชื่อมั่นและยึดถือว่ามันคือสุดยอดอุปกรณ์ที่จะทำให้เราไม่เป็น Stoke หรือภาวะหัวใจล้มเหลวแน่นอน ทั่งที่ไม่ใช่ และปัญหาจะอยู่ที่ว่าหากวันนี้คุณไปพบแพทย์และแพทย์ดูหลักฐานอื่นประกอบก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดปกติอะไร ไล่ให้กลับพร้อมทั้งไม่ให้ยาอะไรเลย เพราะยาที่ใช้รักษาก็มีความเสี่ยงทำให้เลือดออกต่าง ๆ นานา แต่อีกไม่นานหลังจากนั้นคุณดันป่วยจริง และไม่สามารถรักษาได้ทัน ก็อาจจะมาโทษโรงพยาบาล โทษแพทย์เอาง่ายๆว่าชุ่ย ไม่ตรวจรักษาให้ดี ไม่เชื่อนาฬิกานั่นเอง
อย่างไรก็ดีคุณหมอก็ไม่ได้ถึงกับแอนตี้ Apple Watch อะไรนะครับ แค่อยากให้เข้าใจตรงกันก่อนเท่านั้น ว่ามันก็ไม่ได้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ขนาดนั้น การพบแพทย์เรื่อยๆคอยติดตามอาการก็น่าจะเป็นการดีที่สุดครับ
สามารถไปอ่านที่แพทย์ท่านหนึ่งได้เขียนถึงเรื่องนี้กันต่อได้ครับ มีหมอๆมาคอมเม้นต่อกันให้เพียบเลยล่ะ
ECG App ยังไม่มีให้ใช้ตอนนี้ และจะยังไม่มีให้ใช้ในไทย
แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้หลายคนอาจจะใจสลายได้เมื่อได้รู้ว่าฟีเจอร์ตรวจค่า ECG นี้จะยังไม่มีให้ใช้ทันทีหลังวางจำหน่าย ต้องรออีกสักพักนึงให้ซอฟท์แวร์เรียบร้อยดีก่อน ช่วงปลายปีถึงจะปล่อยให้ได้ใช้กัน และเมื่อเปิดให้ใช้แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าทาง Apple จะเปิดฟีเจอร์นี้ให้ทุกคนทั่วโลกทันทีนะครับ
โดยทาง Apple ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่าฟีเจอร์ ECG ได้รับ De Novo classification จากทาง FDA หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงในการใช้งานต่ำไม่ทำอันตรายใดๆต่อผู้ใช้งาน แต่ก็เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องขออนุญาตหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อนำเข้าไปขายในประเทศนั้นๆก่อน ซึ่งหมายความว่าฟีเจอร์ ECG นี้ก่อนที่จะเปิดให้ประเทศอื่นๆใช้ได้ ทาง Apple ต้องส่งทีมเข้ามาขออนุญาตให้เรียบร้อยก่อนนั่นเอง ซึ่งทาง Apple ก็ไม่สามารถรับปากได้อย่างชัดเจนว่าสามารถผ่านด่าน อย. ในแต่ละประเทศได้เร็วช้าเพียงใด ทำให้หน้าเว็บ Apple Watch 4 ในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย ยังไม่ขึ้นแม้แต่ข้อมูลของฟีเจอร์ ECG เลยด้วยซ้ำ

รายละเอียดฟีเจอร์นี้ปัจจุบันขึ้นแค่เพียงในเว็บ Apple อเมริกาเท่านั้น พร้อมห้อยคำชี้แจงไว้เล็กๆว่า ECG app coming later this year หรือมาภายในปีนี้แหละ โดยในประเทศอื่นฟีเจอร์นี้ถูกตัดออกไป
และน่าสนใจมากว่าในเอกสารของ FDA มีการให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ Apple Watch ว่าฟีเจอร์ ECG นี้ควรใช้เพื่อดูข้อมูลเท่านั้น ผู้ใช้ไม่ควรจะแปลค่า หรือรับการรักษาในรูปแบบต่างๆจากผลของแอปนี้เท่านั้น ควรต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน มันช่วยในการวินิจฉัยโรคในระดับนึงแต่ไม่สามารถทดแทนการตรวจวัดโดยวิธีปกติได้ ควรใช้ในผู้ที่มีอายุเกิน 22 ปี และไม่แนะนำสำหรับคนที่รู้ตัวว่าอยู่แล้วว่ามีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติอีกด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามที่คุณหมอได้เขียนเอาไว้ข้างต้นเลย แต่เพียง Apple บอกไม่หมด และอาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างคนไข้และแพทย์ได้นะ
สรุป – Apple Watch Series 4 กับฟีเจอร์ ECG สามารถตรวจวัดคลื่น ECG ได้จริง แต่ว่าข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่สามารถยึดถือได้ 100% ควรต้องต้องปรึกษาแพทย์อีกครั้งแม้ว่าเครื่องจะแจ้งเตือนว่ามีความเสี่ยงก่อนรับการรักษาใดๆ และหลังวางจำหน่ายจะยังไม่มีแอป ECG ให้ใช้ จะซื้อเพราะฟีเจอร์นี้ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าประเทศที่เราซื้อมานั้นมีการเปิดฟีเจอร์นี้ให้ใช้หรือยังครับ
อ้างอิง
- MacRumors : Electrocardiogram Functionality in New Apple Watch Series 4 Models Limited to US, Coming Later This Year
- The FDA Group : What Is a De Novo Classification?
- MDsave : Health Vocabulary: EKG, ECG, EEG…EEK!
- Apple : Apple Watch Series 4 – Health
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ – ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้ว
- โรงพยาบาลศิครินทร์ – โรคหลอดเลือดสมอง

18 Comments
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
tomtomtom Post on September 15, 2018 at 11:57 am
#998344
Apple Watch เตือนผู้ใช้ถึงความผิดปกติและช่วยชีวิตผู้ใช้มาหลายคนแล้วครับ ผมว่าตัววัดEKGนี่ยิ่งดีขึ้นไปอีก เพราะจะได้ตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ
https://www.mensxp.com/technology/wearables/44691-5-times-the-apple-watch-saved-somebody-rsquo-s-life-proved-it-s-more-than-just-a-smartwatch.html
Gimme Post on September 15, 2018 at 12:38 pm
#998346
คือก็ไม่มีใครบอกว่ามันมันไม่ดีนะ แต่เพราะแบบนี้แหละ หมอถึงได้กลัว คนเชื่อมั่นเกินไป
newgen Post on September 15, 2018 at 12:41 pm
#998347
ต้องลองนึกถึงตอนที่คนไม่ยอมไปตรวจสุขภาพเพราะเชื่อ Apple watch ด้วยนะ ตรวจได้มันดีกว่าอยู่แล้วแต่ถ้าเชื่อมากไปก็ไม่โอเค
tomtomtom Post on September 15, 2018 at 2:49 pm
#998358
ไปอ่านที่ต้นเรื่องมาละครับ ผมว่าที่Apple น่าจะmentioned ด้วยคือตรง
."…should only be used by those over 22 years of age, and is not recommended for people with known arrhythmias…"
โดยเฉพาะกับตรงที่บอกว่าไม่แนะนำสำหรับคนที่ทราบว่ามาภาวะ arrhythmias มาก่อนแล้ว แสดงว่าตัวอ่านคลื่นแม่เหล็กอาจจะมีผลกับหัวใจได้
Toven Oven Post on September 15, 2018 at 2:58 pm
#998360
ผมยังนึกภาพคนตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี ซื้อแอเปิ้ลวอชมาแล้วเลิกไปตรวจไม่ออกนะครับ แต่คนทั้วไปคงรู้แหละครับว่า ตรวจรพ>แอปเปิ้ลวอช>ไม่ใช้อะไรเลย
ultimize Post on September 15, 2018 at 2:06 pm
#998352
นั่งดู keynote ครั้งนี้ไม่เห็นพูดถึงระยะเวลาการใช้งานเลย Apple Watch เลย
Gimme Post on September 15, 2018 at 2:10 pm
#998355
บอกนะครับ แต่แค่ว่า 1 วันเต็มๆ
softmachine Post on September 15, 2018 at 3:40 pm
#998364
ถ้าฟังไม่ผิด ต้องชาร์จมันทุกวันอะครับ จะซื้อให้ท่านพ่อท่านแม่ใช้ก็ต้องมาชาร์จบ่อยๆอีก
ultimize Post on September 15, 2018 at 5:24 pm
#998365
ซึ่ง1วันเต็มก็ต้องปิดโน่นนี่เหมือนเคย
e20rsn Post on September 15, 2018 at 3:30 pm
#998363
ตรวจได้มันก็ดี เป็นการเตือนภัยเบื้องต้น แต่อย่าโปรโมทให้คนเชื่อค่าที่วัดได้ให้มากเกินไปนัก ไม่งั้นจะมีแพทย์ไว้ทำไม
mitoona Post on September 15, 2018 at 7:04 pm
#998369
Apple Watch เรือนนึงจะมีความสามารถเทียบเท่า เครื่องมือแพทย์เฉพาะทาง และทดแทนกันได้หรือ ??
common sense ครับ คำถามง่ายๆ คำตอบยิ่งง่ายกว่า แบบ ดีที่สุดมันก็แค่ For your information คือถ้ามีก็ดีกว่าไม่มี และ มีแล้วไม่ได้แปลว่าไม่ต้องระมัดระวังสุขภาพเหมือนเดิม แต่ถ้าจำเป็นจะต้องฝากชีวิตกับใครหรืออะไร คุณจะเลือก Apple watch หรือเครื่องมือแพทย์เฉพาะทาง+คุณหมอ…… อันนี้แล้วแต่รสนิยมของใครของมันละครับ
7895 Post on September 15, 2018 at 7:34 pm
#998370
EKG ขนาดเครื่องบางทียังเชื่อไม่ค่อยได้เลยครับ
nokhook Post on September 16, 2018 at 3:08 am
#998375
ตามดูเฉยๆ ก็น่าสนใจอยู่ครับ
teerachild Post on September 16, 2018 at 8:51 am
#998377
ดูวันเปิดตัว ตะหงิดๆ ตั้งแต่ให้หมอโรคหัวใจมาขึ้นเวทีแล้ว
จะตรวจการเต้นของหัวใจให้ละเอียดต้องไปที่ รพ. ไม่ใช่อ้างจาก apple watch อย่างเดียว
FDA ไม่ได้น่าเชื่อถือ เข้มงวด 100% นะครับ
อุปกรณ์ที่ FDA รับรองและวางขาย เช่น สะโพกเทียมที่ทำจาก cobalt มีปัญหา มีอาการประสานหลอน เพราะ cobalt แพร่ไประบบประสาท
https://scholar.google.com/citations?user=jTA1qbcAAAAJ&hl=en&oi=sra
https://www.theguardian.com/film/2018/jul/25/the-bleeding-edge-netflix-documentary-medical-devices
Jatuporn Vipulakorn Post on September 16, 2018 at 9:17 am
#998378
ใครจะไปหาหมอตรวจเช็คได้ทุกวัน แต่ Apple watch มันเช็คได้ทุกวัน หากมีอะไรผิดปกติวันนึง สองวัน สามวัน เราก็รู้ตัวเร็ว ปรึกษาแพทย์ได้เร็วมันก็ดีกว่า ภัยเงียบมันน่ากลัว
tei Post on September 17, 2018 at 9:24 am
#998393
กลัวว่ารู้มากจะกังวลมากซะมากกว่านะ
GyMfukU Post on September 17, 2018 at 1:40 pm
#998427
ผมนี่รอ Huami Amazfit รุ่นใหม่เลยเปิดตัวตามมาติดๆ
sudlor_gang Post on September 17, 2018 at 2:08 pm
#998429
ยิ่งรู้มากยิ่งกังวล
ยิ่งเตือนมากยิ่งเสียความเป็นตัวของตัวเอง
ถ้าเตือนจน panic เนี่ย อาการpanicมันอันตรายนะ
ใช้แต่พอควรลดเตือน ไม่ต้องให้มมันเตือนตลอด