Rare Earth กลายเป็นกลุ่มแร่ธาตุที่ดังขึ้นมาแบบข้ามคืน หลังอเมริกาได้เปิดศึกแบน Huawei อย่างดุเดือด จากนั้นแม้ว่ารบ.จีนจะไม่ได้เอ่ยปากอะไรมากนัก แต่แค่ปธน.สีจิ้นผิง ไปเยี่ยมชมเหมืองแร่ Rare Earth ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของการผลิตสินค้าไฮเทคทั้งหลายและสหรัฐก็นำเข้าจากจีนเป็นจำนวนมาก ทำเอาสะท้านจนเกิดการแซวขึ้นมาว่าที่สหรัฐยอมยืดเวลาแบนออกไป 90 วันเพราะเหตุนี้เลย วันนี้เราเลยจะพาไปรู้จักเจ้าแร่ตัวนี้เพิ่มเติมกันสักหน่อย ว่ามันสำคัญอะไรขนาดนั้น
เยือนเหมืองอย่างสงบ แต่สะเทือนไปทั่วโลก
สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า ประธานาธิบดี Xi Jinping ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตแร่รายใหญ่ JL Mag Rare-Earth ที่ผลิตแร่หายาก Rare Earth ในเมืองกวางโจว พร้อมกับรองนายกรัฐมนตรี Liu He ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือและเป็นผู้เจรจาทางการค้าระยะยาวกับสหรัฐอเมริกา โดยไม่ได้มีการเอ่ยถึงสงครามทางการค้าใดๆ แต่นักวิเคราะห์เผยว่าการเดินทางเยือนในประเทศครั้งนี้ น่าจะเป็นการส่งสัญญาณจากจีนว่าอาจจะใช้แร่ Rare Earth ในการต่อรองทางการค้ากับสหรัฐฯ
เนื่องจากสหรัฐฯ ได้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าสินค้าจากจีนนับพันรายการ รวมถึงควบคุมการนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารจากบริษัทโทรคมนาคม Huawei และยังมีการเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้น แต่น่าสนใจว่า Rare Earth กลับเป็นสินค้าที่ไม่ถูกขึ้นภาษีตามตัวอื่นไปด้วย เท่านี้ก็น่าจะพอทำให้เห็นถึงความสำคัญของแร่ตัวนี้ไม่ใช่น้อย โดยประเทศจีนเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกไปประเทศต่างๆทั่วโลกสูงถึง 90% และด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้หลายฝ่ายคาดเดาประเทศจีนอาจจะจำกัดการส่งออกแร่ Rare Earth หรือดำเนินการใดเพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ คืน
ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2012 ในยุครัฐบาลโอบาม่า สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น เคยยื่นคำร้องต่อองค์กรการค้าโลกหรือ WTO โดยกล่าวหาจีนว่าควบคุมจำกัดการส่งออกแร่ Rare Earth ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีมาแล้ว โดยทางการจีนได้ตอบโต้ว่า ที่ต้องจำกัดการส่งออกแร่ Rare Earth เพราะเพื่อให้พอสนองความต้องการในประเทศ
ทำไมต้องเป็นแร่ Rare Earth?
แร่ Rare Earth เป็นสิ่งจำเป็นในด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะใช้แร่ชนิดนี้เป็นส่วนประกอบในการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งทางอเมริกาก็จำเป็นต้องพึ่งพาแร่ Rare Earth จากจีนเพื่อใช้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเป็นส่วนประกอบของ iPhone ด้วย โดยสหรัฐมีการพึ่งพาแร่ชนิดนี้ต้องนำเข้าประเทศจำนวนมาก โดยจีนเป็นประเทศที่ส่งออกมายังสหรัฐมากที่สุด คิดเป็น 80% ของปริมาณ Rare Earth ที่ใช้ในประเทศ ทำให้จีนนั้นได้เปรียบเรื่องเจรจาต่อรองด้านการค้าพอสมควร
และที่เรียกว่าแร่หายาก (Rare Earth) ก็เพราะเป็นแร่ธาตุ 17 ชนิด ที่ส่วนใหญ่จะพบบริเวณเปลือกโลก และจะไม่อยู่รวมกลุ่มในที่เดียวกัน ทำให้ยากต่อการถลุงแร่กลุ่มนี้ และมากไปกว่านั้นการถลุงแร่ดังกล่าวยังสร้างของเสียทางเคมีออกมากมายอีกด้วย2 (หรืออีกแหล่งข้อมูลก็มีบอกว่าอาจจะอยู่รวมกัน แต่การสกัดแร่แยกส่วนออกมาให้ได้ธาตุแต่ละตัวไม่ใช่เรื่องง่าย)
ตัวอย่างการใช้งานแร่
เลขอะตอม 21 | Sc (Scandium) | ชิ้นส่วนเครื่องบินรบ
เลขอะตอม 39 | Y (Yttrium) | ชิ้นส่วนเตาไมโครเวฟ
เลขอะตอม 64 | Gd (Gadolinium) | ชิ้นส่วนเครื่อง MRI Scan
เลขอะตอม 65 | Tb (Terbium) | ชิ้นส่วนหลอดฟลูออเรสเซนต์
เลขอะตอม 66 | Dy (Dysprosium) | ชิ้นส่วนฮาร์ดดิสค์
ประเทศไทยก็มีแร่ Rare Earth
ข้อมูลสำรวจทางธรณีวิทยาจากสหรัฐฯ ในปี 2017 นอกจากประเทศจีนที่เป็นผู้ผลิตแร่ชนิดนี้เป็นอันดับ 1 ของโลกแล้ว ก็ยังมีประเทศอื่นที่ผลิตแร่ชนิดนี้ได้มากรองจากจีนตามลำดับ ได้แก่ ออสเตรเลีย รัสเซีย บราซิล รวมถึงประเทศไทยที่อยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก โดยผลิตได้มากถึง 1,600 ตัน ถือเป็นหนึ่งในตลาดนอกประเทศจีนที่ผลิตแร่ Rare Earth ที่สำคัญได้เป็นจำนวนมาก3
หลังจากมีแนวโน้มว่าจีนอาจจะใช้แร่ Rare Earth ในการเจรจาต่อรองในสงครามทางการค้ากับลูกค้ารายใหญ่อย่างสหรัฐฯ ก็มีรายงานข่าวตามมาอีกว่า บริษัทด้านเหมืองแร่สัญชาติออสเตรเลีย Lynas Corporation, Ltd. จะร่วมลงทุนกับบริษัท Blue Line Corp สัญชาติสหรัฐฯ ในการค้นหาและตั้งเหมืองผลิตแร่ Rare Earth ตามรัฐต่างๆ ในประเทศอเมริกา ซึ่งการร่วมลงทุนของสองปรเทศจะทำให้กลายเป็นบริษัทที่ผลิตแร่ Rare Earth รายใหญ่ที่สุดในโลกนอกเหนือจากผู้ผลิตแร่ในจีนอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันประเทศออสเตรเลียผลิตแร่ Rare Earth ได้เป็นอันดับที่ 2 ของโลก
ที่มา: scmp1 , voathai2 , investingnews3 , asiatimes4 , posttoday5
ถ้างดส่งให้ แล้วเราจะใช้ไรกันเนี่ย ?? 🙂 🙂
รอดูไปเรื่อยๆดีกว่า น่าจะมีทางออกที่ดี