ตอนนี้ก็ผ่านมาถึงช่วงกลางปีกันแล้ว และในช่วงที่ผ่านมาก็มีสมาร์ทโฟนเปิดตัวเพิ่มเติมขึ้นมาหลายรุ่น หลายราคา วันนี้เราจึงได้เลือกสมาร์ทโฟนรุ่นน่าสนใจในช่วงราคาหมื่นกลางมาเปรียบเทียบให้ดูกัน 3 รุ่น ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มีกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม เพราะมีจุดเด่นของตัวเองอย่างชัดเจน โดยจะมี Huawei P9, Samsung Galaxy A7 (2016) และ OPPO F1 Plus จะรอช้าอยู่ใย ไปชมกันเลยครับ

ตารางเปรียบเทียบ Huawei P9, Samsung Galaxy A7 (2016) และ OPPO F1 Plus

 

 

Huawei P9

Samsung Galaxy A7 (2016)

OPPO F1 Plus

ราคา16990 บาท14900 บาท15990 บาท
รหัสรุ่นEVA-L19A710FD
ระบบปฏิบัติการAndroid 6.0 MarshmallowAndroid 5.0 LollipopAndroid 5.0 Lollipop
Custom UIEMUI 4.1TouchWiz UIColor OS 3.0
หน้าจอIPS LCD 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซลSuper AMOLED 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซลAMOLED 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล
ชิปเซ็ตHiSilicon Kirin 950 4-core 2.3GHzSamsung Exynos 7580 – 8-core 1.6GHzMediaTek Helio P10 MT6755 8-core 2GHz
ชิปกราฟฟิคMali-T880 MP4Mali-T720 MP2Mali-T860MP2
แรม3 GB3 GB4 GB
หน่วยความจำภายใน32 GB16 GB64 GB
MicroSD การ์ด256 GB256 GB256 GB
กล้องหลัง12 ล้านพิกเซล, f/2.2, 1080p, Dual Camera13 ล้านพิกเซล, f/1.9, 1080p, OIS, autofocus, Geo-tagging, touch focus, face detection, panorama, HDR13 ล้านพิกเซล, f/2.2, 1080p, PDAF
กล้องหน้า8 ล้านพิกเซล, f/2.4, 480p5 ล้านพิกเซล, f/1.9, 1080p16 ล้านพิกเซล, f/2, 720p
ระบบเครือข่ายNano-SIM / Dual SIM, รองรับ LTENano-SIM / Dual SIM, รองรับ LTENano-SIM / Dual SIM, รองรับ LTE
Wi-Fi802.11 a,b,g,n,ac, dual-band, WiFi Direct, DLNA, hotspot802.11 a,b,g,n, dual-band, WiFi Direct, hotspot802.11 a,b,g,n, WiFi Direct, hotspot
Bluetoothv4.2, A2DP, LEv4.2, A2DP, EDR, LEv4.0
NFCไม่มีมีไม่มี
GPSGLONASS, BDSGLONASS, BDS 
USBUSB Type-C, ไม่รองรับ OTGmicroUSB 2.0, ไม่รองรับ OTGmicroUSB 2.0, รองรับ OTG
เซนเซอร์Fingerprint, Accelerometer, Gyroscope, Proximity, Compass,Fingerprint, Proximity, Compass,Fingerprint, Accelerometer, Gyroscope, Proximity, Compass, Light,
แบตเตอรี่3000 mAh, ถอดเปลี่ยนแบตไม่ได้3300 mAh, ถอดเปลี่ยนแบตไม่ได้2850 mAh, ถอดเปลี่ยนแบตไม่ได้
ตัวเครื่อง145 x 70.9 x 7 มม., 144 กรัม151.5 x 74.1 x 7.3 มม., 172 กรัม151.8 x 74.3 x 6.6 มม., 145 กรัม

 

 

Huawei P9 : เป็นรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว โดยมีจุดเด่นคือ กล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล ที่ติดแบรนด์ Leica มาด้วย (ถึงแม้ว่า Leica จะไม่ได้ผลิตเองก็ตาม) โดยกล้องหลังคู่ของ P9 เป็นการผสมผสานกันระหว่างเซนเซอร์ RGB กับ Monochrome (ขาว-ดำ) ที่นอกจากจะถ่ายภาพขาว-ดำได้เนียนๆ แล้ว ยังมาช่วยเพิ่มความสว่างและรายละเอียดของภาพไปในตัวด้วย แต่น่าเสียที่ไม่มี OIS เวลาถ่ายกลางคืนก็ต้องถือมือนิ่งๆ หน่อย ไม่งั้นภาพที่ได้จะสั่น ตัวสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังสามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว แตะปุ๊บ ติดปั๊บ ชิปโฮมเมดตัวท็อป Kirin 955 ก็สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล แถมยังมาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C ทำให้รองรับการใช้งานในอนาคตอย่างแน่นอน หน้าตาของ P9 ก็นับว่าเรียบหรูดูดีไม่ใช่น้อย ใครที่อยากลองกล้องคู่ติดชื่อ Leica และมองเรื่องอนาคตละก็ P9 เป็นรุ่นที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยละครับ (บทความที่เกี่ยวข้อง : พรีวิว Huawei P9)

 

Samsung Galaxy A7 (2016) : เปรียบเทียบทีไรต้องมี Samsung มาร่วมแจมด้วยทุกที เพราะว่ามีสมาร์ทโฟนอยู่แทบในทุกช่วงราคา โดยตัวแทนในราคาหมื่นกลางก็คือ Galaxy A7 (2016) ด้วยหน้าตาและชื่อแบรนด์ ทำให้ Galaxy A7 (2016) นั้นมีคนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก วัสดุนั้นใช้เป็นฝาหลักระจกและขอบเครื่องโลหะมองผ่านๆ แล้วนึกถึง Galaxy S6 กันเลยทีเดียว จุดเด่นของรุ่นนี้ที่แตกต่างจากอีก 2 รุ่นคือ หน้าจอ Super AMOLED ที่ให้สีสันสวยงาม สีดำที่ดำสนิท แต่ว่า Samsung ขี้เหนียวในเรื่องของหน่วยความจำภายในไปนิด ให้มาแค่ 16GB เท่านั้น และเพิ่มด้วย MicroSD ได้สูงสุดแค่ 128GB แบตเตอรี่ก็นับว่าอึดใช้ได้ แถมยังมีระบบชาร์จไวมามห้อีกด้วย น่าเสียดายที่กล้องหลังนูนไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วหน้าตาดีเลยทีเดียว ใครที่ชอบฝาหลังเป็นกระจกก็นับว่ารุ่นนี้น่าสนใจไม่ใช่น้อย (บทความที่เกี่ยวข้อง : รีวิว Samsung Galaxy A7 (2016)

 

OPPO F1 Plus : ปรมาจารย์เซลฟี่ Selfies Expert ต้องยกให้ F1 Plus เค้าเลย เพราะเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความละเอียดกล้องหน้า (16 MP) มากกว่ากล้องหลัง (13 MP) ตัวเครื่องของ F1 Plus นั้นใช้วัสดุเป็นโลหะที่มีความบางเพียงแค่ 6.6 มิลลิเมตร นอกจากนี้จุดที่ทาง F1 Plus ดูดีกว่าอีก 2 รุ่นก็คือ RAM 4GB และ หน่วยความจำภายใน 64GB ซึ่งให้มาแบบไม่กั๊กกันเลย ทำให้สามารถใช้งานหลายๆ แอปได้สบายๆ  ไม่ต้องรอโหลดใหม่กันบ่อยๆ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องแบตแล้วถือว่าใช้งานได้โอเค 1 วันไม่ใช่ปัญหา (แต่เหมือนตอน OPPO R7 จะอึดกว่าหน่อยๆ) ซึ่ง F1 Plus ก็มีฟีเจอร์ VOOC Charge มาให้ด้วย าร์จไวจริงและเครื่องไม่ร้อน ส่วนปุ่มตัวสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮมนั้นเมื่อหน้าจอดับอยู่จำเป็นที่จะต้องกดลงไปเพื่อปลดล็อค แต่ถ้าหน้าจอติดอยู่แล้วก็สามารถแตะเพื่อปลดล็อคได้เลย หากว่าที่ชอบถ่ายเซลฟี่เป็นกิจวัตรละก็ F1 Plus นับว่าเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ไม่ควรมองข้ามครับ (บทความที่เกี่ยวข้อง พรีวิว OPPO F1 Plus)

 

หวังว่าการเปรียบเทียบครั้งนี้จะช่วยให้หลายๆ คนที่มีงบช่วงประมาณหมื่นกลางสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ หรือเพื่อนๆ มีรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจก็สามารถที่จะมาคอมเม้นท์เพิ่มเติมได้เลย