อาจจะมีหลายคนอยากเปลี่ยนมือถือใหม่แบบเน้นใช้ระยะยาวแบบตัวท็อปไปเลยอย่างรุ่นที่มาแรงมากช่วงนี้คือ Huawei P30 Pro | Samsung Galaxy S10+ | Xiaomi Mi 9 ถ้าให้เทียบเรื่องสเปคของทั้งสามรุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรือธงตัวท็อปจากทั้ง 3 ค่าย ใครกำลังเล็งรุ่นไหนไว้เดี๋ยวเราจะมาเปรียบเทียบให้อ่านกัน เผื่อจะช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อค่ะ
สเปคแรงแตกต่าง แต่ใช้งานได้ใกล้เคียงกัน
ก่อนอื่นเรามาดูภาพรวมของเรือธงทั้ง 3 รุ่นกันก่อนว่าแต่ละรุ่นนั้นมีจุดเด่นอะไรกันบ้าง ซึ่งถือว่าทั้ง 3 รุ่นในด้านการใช้งานก็ไม่ค่อยต่างเท่าไหร่ในแง่ของสเปคนะ แต่ที่จะต่างจริงๆ คงเป็นเรื่องของพวกฟีเจอร์ ฟังก์ชั่น User Experience ต่างๆ มากกว่า เราจึงทำสรุปเป็นตารางคร่าวๆ ก่อนจะค่อยๆ เจาะทีละเรื่องให้อ่านกันค่ะ
Huawei P30 Pro | Galaxy S10+ | Xiaomi Mi 9 | |
ระบบปฏิบัติการ | Android OS 9.0 (Pie) + EMUI 9.1 | Android OS 9.0 (Pie) + One UI | Android OS 9.0 (Pie) + MIUI 10 |
CPU | Kirin 980 (7nm) | Exynos 9820 (8nm) | Snapdragon 855 (7nm) |
GPU | Mali-G76 MP10 | Mali-G76 MP12 | Adreno 640 |
RAM | 8GB | 8GB / 12GB | 6GB |
หน่วยความจำ | 256GB + รองรับ Nano Memory Card (Hybrid Slot) | 128GB/ 512GB / 1TB + รองรับ MicroSD Card 512GB (Hybrid Slot) | 128GB (ไม่รองรับ micraSD Card) |
เซนเซอร์ | In-Screen Fingerprint Sensor, Gyroscope, Compass, Infrared Sensor, | In-Display Ultrasonic Fingerprint, Gyro Sensor, Heart Rate Sensor | Ultrasonic distance sensor, Gyro, Infrared remote control |
GPS | GPS, A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo, QZSS | GPS, A-GPS, Glonass, Beidou, Galileo | GPS, A-GPS, Galileo, GLONASS, Beidou |
มาตรฐานกันน้ำ | IP68 (กันน้ำลึก 1.50 ม. เป็นเวลา 30 นาที) | IP68 (กันน้ำลึก 1.50 ม. เป็นเวลา 30 นาที) | ไม่มีแจ้งเรื่องมาตรฐานการกันน้ำ |
แบตเตอรี่ | 4200mAh รองรับ Reverse Wireless Charge Super Charge (40W) Wireless Quick Charge (15W) | 4,100 mAh รองรับ Wireless Power Share, Fast Wireless Charge 2.0 | 3300 mAh รองรับ Quick Charge (27W) Wireless Quick Charge (20W) |
ขนาดและน้ำหนัก | 73.4 x 158 x 8.41 มม. หนัก 192 กรัม | 74.1 x 157.6 x 7.8 มม., หนัก 175g (รุ่น Ceramic หนัก 198g) | 74.7 x 157.5 x 7.6 มม., หนัก 173 กรัม |
เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพของทั้ง 3 รุ่น ผ่าน AnTuTu ผลคะแนนออกมาดังนี้
- Mi 9 (Snapdragon 855) ได้ไป 369,181 คะแนน
- Galaxy S10+ (Exynos 9820) ได้ไป 330,197 คะแนน
- P30 Pro (Kirin 980) ได้ไป 248,538 คะแนน
ถ้าเทียบประสิทธิภาพกันด้วยคะแนน แน่นอนว่าแต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกันตามกันอยู่แล้ว โดยทาง Snapdragon 855 ขึ้นชื่อเรื่องความแรงที่เหนือใครมาตลอด ใช้สถาปัตยกรรมเล็กเพียง 7nm ส่วน Exynos 9820 แม้ว่าจะใช้ 8nm แต่ก็ทำความแรงมาได้ใกล้เคียงกัน ส่วน Kirin 980 เรื่องคะแนน AnTuTu อาจจะตามหลังมาห่างๆ แต่ทั้งสามตัวนี้ถ้าพูดถึงเรื่องของการใช้งานทั่วไป ชิปเซ็ตกลุ่มนี้ก็ถือว่าเป็นตัวท็อปทั้งหมด ซึ่งทำงานได้ดีมีความลื่นไหล ใช้ได้สบายๆ สามารถโหลดแอป เข้าเกม ทำงานต่างๆได้รวดเร็วไม่หนีกันขาดเท่าไหร่นัก
เล่นเกม S10+ และ P30 Pro สูสี Mi 9 ยังมีแกว่ง
เรื่องที่หลายคนอยากรู้กันมากเวลาซื้อเครื่องสเปคเทพ คือสามารถเล่นเกมได้ดีขนาดไหน ซึ่งจากการทดสอบมาทั้ง 3 ตัวนี้สามารถปรับการแสดงเอฟเฟกต์ภาพได้สูงสุดของแต่ละเกมเหมือนๆกัน ตอนดีๆวิ่งเฟรมเรตได้สูงสุดไม่ต่างกัน แต่ใช้ไปนานๆ ตัวที่รู้สึกว่าเจอปัญหาอยู่บ้าง มีอาการแกว่งของเฟรมเรต บ่อยที่สุดจะเป็นตัว Mi 9 นั่นเอง
ทั้ง 3 ตัวนี้จะมีฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมที่แตกต่างกันออกไป โดย Galaxy S10+ จะมี Game Tools ที่จะปรับแต่งให้ระบบพร้อมเล่นเกม เพิ่มประสิทธิภาพของซีพียูให้เต็มที่ พร้อมการบันทึกภาพและวิดีโอ ป้องกันการแจ้งเตือนไม่ให้เข้ามากวนได้ ส่วนทางฝั่ง P30 Pro ก็จะมีตัว GPU Turbo ที่ปรับเครื่องให้พร้อมกับการเล่นเกมเช่นเดียวกัน โดยเกมตัวไหนที่รองรับก็จะสามารถเล่นได้เฟี้ยว เนียนตาแบบสุดๆ ส่วนที่ไม่รองรับก็อาจจะเฟี้ยวได้เช่นกัน ขึ้นกับคุณภาพของตัวเกมเป็นหลัก และสามารถปิดการแจ้งเตือนให้ไม่เข้ามากวนระหว่างเล่นเกมได้เช่นกัน และสุดท้าย Game Mode ของ Mi 9 ก็ใกล้ๆกับของ Samsung มีให้ปรับแต่งได้คล้ายๆกันเลย
ฟีเจอร์และการใช้งาน
แต่ละรุ่นก็จะมีความโดดเด่นของแตกต่างกันออกไป ตามนี้เลยค่ะ
- Mi 9 เด่นเรื่องการ Clone Application สามารถโคลนแอป โคลนเกมได้แบบเปิดเล่นเกม 2 จอพร้อมกันได้เลย
- Galaxy S10+ ก็มี Pop-Up View ที่สามารถเปิดหลายๆ หน้าต่างซ้อนกันบนหน้าจอเดียว หรือจะเป็น Muti Window ที่อำนวยความสะดวกในการใช้งานสองหน้าต่างพร้อมกันสำหรับสาย Multi Tasking และยังมี Samsung Dex ที่รอบนี้เค้าปรับปรุงใหม่ให้มีใช้งานได้ลื่นขึ้นกว่าเดิม
- P30 Pro มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Gesture Control หรือการสั่งการผ่านร่างกาย เช่น ใช้ข้อนิ้วเคาะเพื่อแคปหน้าจอหรือใช้ข้อนิ้ววาดหน้าจอได้เพื่อแคปเฉพาะส่วนได้ แล้วก็มี Desktop mode ที่คล้ายๆ กับ Dex แต่อันนี้สามารถต่อใช้งานผ่าน Wi-Fi ได้เลย ไม่ต้องใช้สาย (แต่ก็ยังมีบางแอปที่ไม่รองรับการใช้งานใน Desktop Mode)
หน้าจอและการจับถือ ขอบโค้งยังมีปัญหา
P30 Pro | Galaxy S10+ | Mi 9 | |
หน้าจอ | OLED ขนาด 6.47 นิ้ว | Curved Dynamic AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว | Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว |
ความละเอียด | 2340 x 1080 + รองรับ HDR | 3040 x 1440 (2K) + รองรับ HDR10+ | 2340 x 1080 + HDR |
ขนาดตัวเครื่อง | 158 x 73.4 x 8.4 มม. | 157.6 x 74.1 x 7.8 มม. | 157.5 x 74.7 x 7.6 มม. |
มาดูเรื่องของหน้าจอ ตัวเครื่อง และขนาดการจับถือการบ้าง หากเป็นเรื่องของดีไซน์อันนี้แล้วแต่คนชอบเลย เพราะทั้งสามรุ่นนั้นออกแบบมาไม่แตกต่างกันมากนัก รวมถึงขนาดก็ใกล้ๆ กันด้วย ถ้าไม่คว่ำไว้ หรือไม่สังเกตก็เคยหยิบผิดมาแล้ว
หน้าจอ: อันนี้ขอยกให้ Galaxy S10+ เลย จอสวยจริง เจ้ารุ่นนี้ใช้จอเป็น Curved Dynamic AMOLED การแสดงผลของสีสันนั้นค่อนข้างดูดีกว่าอีก 2 รุ่น เพราะมีการไล่ระดับเฉดสีขาว – ดำ ไปถึง 2 ล้านระดับ (Contrast ratio 1:2,000,000) และมี Dynamic Tone Maping ทำให้สีที่ค่อนข้างแม่นยำ และดูเป็นธรรมชาติ สวยงามตามท้องเรื่อง การันตีจากรางวัลที่ได้จาก DisplayMate ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่หน้าจอสีสันตรงสวยที่สุดในตลาดตอนนี้เลย
ขนาดจับถือใช้งาน: ขอยกให้ Mi 9 ซึ่งขนาดเล็ก พอดีมือ (อันนี้แล้วแต่ขนาดมือคนด้วยนะ) รวมกับจอที่ไม่โค้งเหมือนอีก 2 รุ่น ทำให้รู้สึกถือใช้งานได้คล่องกว่า ส่วนอีก 2 รุ่นนั้นพอจอเป็นโค้งแบบ Dual Edge ก็เจอปัญหาเดียวกันเลยคือ อุ้งมือโดนขอบจอ ทำให้เวลาถ่ายรูปถ้าใช้มือเดียวแล้วนิ้วไปแหมะตรงขอบจอเนี่ย ก็จะแตะไม่ติด หรืออาจเจอปัญหาจอลั่นได้ การใส่เคสก็จะช่วยลดปัญหานี้ได้ในระดับนึง
แบตเตอรี่อึด-ชาร์จไวสุดต้องให้ Huawei
P30 Pro | Galaxy S10+ | Mi 9 | |
ความจุ | 4200 mAh | 4100 mAh | 3300 mAh |
รองรับชาร์จไว | 40W | 15W | 27W |
รองรับชาร์จไร้สาย | 15W | 18W | 20W |
จากการทดลองใช้งาน ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นซอฟท์แวร์ล่าสุดของช่วงต้นเดือนเมษายน รุ่นที่มีแบตอึดที่สุดคือใน3 รุ่น ได้แก่ …
- P30 Pro มีแบตอึดที่สุดด้วยความจุมากถึง 4200 mAh พร้อมกับความสามารถด้าน AI ที่จะช่วยปรับแต่งการใช้พลังงาน ให้เราสามารถใช้งานในแต่ละวันได้ยาวนานขึ้นอีก ซึ่งหลายคนพูดคล้ายๆกันว่าใช้ไปสักพักจะรู้สึกได้ว่าอึดขึ้นกว่าเดิมอีก
- Mi 9 จะอึดรองลงมา ถึงแม้มิลลิแอมป์จะน้อยกว่าเพื่อนแต่ก็อึดใช้ได้
- Galaxy S10+ เพราะยังคงมีปัญหาเรื่องแบตไหลที่ทางซัมซุงก็พยายามแก้ไขอยู่ ซึงอาจจะได้รับแพทช์อัพเดทกัน แต่จะเมื่อไหร่ยังไง ต้องรอดูกันต่อไปนะ
ส่วนการชาร์จไวนั้นเรียงลำดับความแรงได้เป็น
- P30 Pro รองรับ Super Charge 40W ชาร์จแรงกว่าเพื่อนแป๊บเดียวก็เต็มแล้ว
- Mi 9 รองรับชาร์จไว 27W ถ้าเทียบกับขนาดแบตเตอรี่ด้วยแล้ว คุณภาพการชาร์จไวก็จะใกล้เคียงกับ P30 Pro เลย
- Galaxy S10+ แม้จะมีขนาดแบตที่ใหญ่กว่าเพื่อน แต่ระบบการชาร์จไวนั้นยังแค่ 15W เท่านั้นเอง
ส่วนระบบชาร์จไร้สายนั้นทั้งสามรุ่นรองรับทั้งหมด เรียงลำดับความไวได้เป็น
- Mi 9 รองรับชาร์จไร้สายไวกว่าเพื่อนที่ 20W
- Galaxy S10+ รองรับ Wireless Charging 2.0 สูงสุดที่ 18W
- P30 Pro ชาร์จไร้สายอยู่ที่ 15W
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน เพราะถึงแม้จะมีระบบชาร์จเร็วแบบไร้สาย แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าชาร์จผ่านสายอยู่ดี อาจจะเน้นในเรื่องความสะดวกมากกว่าก็คอวาปุ๊บ ชาร์จได้เลย แต่บางทีถ้าวางผิดมุมนิดนึงมันก็จะไม่ชาร์จให้เลย
อีก 2 รุ่นอย่าง P30 Pro และ Galaxy S10+ มีฟีเจอร์พิเศษชาร์จแบตไร้สายให้อุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วยอย่าง Wireless Power Share ของ Samsung ก็จะจ่ายไฟได้แรงกว่า Reverse Wireless Charging ของ Huawei
ลำโพงเสียงดีงาม ต้องยกให้ S10+ มีช่องหูฟังให้ด้วย
P30 Pro | Galaxy S10+ | Mi 9 | |
ระบบเสียง | ลำโพงโมโน, Dolby Atmos | Dolby Atmos สเตอริโอ | ลำโพงโมโน |
รูหูฟัง | ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม | มีรูหูฟัง 3.5 มม. | ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. |
มาถึงระบบเสียง รุ่นที่เสียงดีมาเป็นอันดับแรกก็ต้องยกให้กับ..
- Galaxy S10+ นั่นเอง จะได้เปรียบกว่าเพื่อนด้วยระบบลำโพงคู่ที่มีเสียงกระหึ่ม มีมิติกว่าอีก 2 รุ่น เวลาดูหนังฟังเพลงไม่ต้องเสียบหูฟังก็จะได้คุณภาพแบบ Surround แล้ว
- Mi 9 นั้นไม่เคยทำลำโพงคู่ในตระกูล Mi อยู่แล้ว ดังนั้นรุ่นนี้ก็จะมีระบบเสียงลำโพงโมโน คุณภาพเสียงก็ยังอยู่ในระดับดี เสียงค่อนข้างโอเค
- P30 Pro ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้เป็นลำโพงคู่สเตอริโออยู่แล้ว แต่มารุ่นนี้จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นลำโพงโมโน ส่วนลำโพงการสนทนาใช้เป็นระบบ Acoustic Display บนหน้าจอ เนื่องจากไม่มีลำโพงด้านบน เสียงที่ออกมาจึงเบากว่าปกติ ต้องเปิดสุดเท่านั้นถึงจะดัง
กล้อง
P30 Pro | Galaxy S10+ | Mi 9 | |
กล้องหลัก | กล้องหลัง 4 ตัว – เลนส์หลัก Wide 40MP (f/1.6), OIS – เลนส์ Ultra Wide 20MP (f/2.2) – เลนส์ telephoto 8MP (f/3.4), OIS – เซนเซอร์ ToF | กล้องหลัง 3 ตัว – เลนส์ Wide-angle: 12MP, Dual Pixel AF, F1.5/F2.4, OIS (77°) – เลนส์ Ultra Wide: 16MP, FF, F2.2 (123°) – เลนส์ Telephoto: 12MP, PDAF, F2.4, OIS (45°) | กล้องหลัง 3 ตัว – เลนส์หลัก 48MP (SONY IMX586) f/1.75 – เลนส์ Utra wide 16MP f/2.2 (117°) – เลนส์ Telephoto 12MP f/2.2 |
กล้องหน้า | 32MP (f/2.0) | กล้องหน้าคู่ – เลนส์ Selfie: 10MP Dual Pixel AF, F1.9 (80°) – เลนส์ RGB Depth: 8MP FF, F2.2 (90°) | 20MP (f/2.0) |
เรื่องของกล้องนี่เป็นฟีเจอร์หลักที่หลายคนสนใจก่อนจะเลือกซื้อมือถือว่ามันถ่ายรูปสวยมั้ย ถ้าคุณภาพของเลนส์กล้อง ทั้งสามรุ่นนั้นมีคุณภาพใกล้เคียงกันเลย แต่จะมาแตกต่างกันเรื่องของฟีเจอร์และสีสันของภาพที่ถ่ายออกมาคือ
- P30 Pro มีจุดเด่นคือพลังซูม 5x-10x ถ่ายได้ไกลกว่าเพื่อนโดยภาพยังชัดแจ๋ว แต่จะเจอปัญหาในการถ่ายสลับเลนส์เพราะสีภาพค่อนข้างต่างกัน มีความเหลื่อมล้ำของสีนิดหน่อย แต่จะได้เปรียบกว่าเพื่อนในการถ่ายภาพแสงน้อยได้สว่างกว่า
- Galaxy S10+ นั้นคุมสีและความสว่างของทั้ง 3 เลนส์ได้ค่อนข้างดีที่สุด มีความเหลื่อมล้ำของสีน้อยมากๆ เมื่อลองถ่ายสลับเลนส์
- Mi 9 นั้นจะมีคุณภาพของสีสันใกล้เคียงกับ Galaxy S10+ ทั้ง White balance / Contrast จะไม่ต่างกันมากนัก รวมถึงมีระยะซูม 2x ที่เท่ากันด้วย
ถ้าถามถึงรุ่นไหนถ่ายรูปสวยสุด อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยว่าชอบโทนสีแบบไหน ซึ่งทางเราได้ทำการเทียบกล้องของรุ่น Huawei P30 Pro | Galaxy S10+ | Xiaomi Mi 9 ให้แล้วด้วย คลิกเข้าไปดูกันเพื่อช่วยในการตัดสินใจได้เลย
ด้านการถ่ายวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบกันสั่นหรือความคมชัดของวีดีโอนั้น แต่ละรุ่นก็จะมีความโดดเด่นในตัวเอง
- เรื่องระบบกันสั่น Galaxy S10+ นั้นกันสั่นได้ดีที่สุด รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง รวมถึงการบันทึกเสียงทำมาได้ดีมาก
- เรื่องความคมชัดของภาพและสีในโหมดวีดีโอทั่วไปยกให้ Galaxy S10+ กับ Mi 9 ที่ทำผลงานได้ดี
- P30 Pro จะได้เปรียบอีกสองรุ่นในเรื่องการถ่ายภาพและวิดีโอในที่แสงน้อย แต่ดูเหมือนจะมีปัญหาในการถ่ายวิดีโอแบบซูมและสลับเลนส์ไปมา
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมตรงนี้เดี๋ยวเอาตัวอย่างมาให้ดูเร็วๆนี้ครับ
เลือกรุ่นไหนดี?
P30 Pro | Galaxy S10+ | Mi 9 | |
ราคา | 8/256GB 31,990 บาท | 8/128GB 35,900 บาท | 6/128GB 16,999 บาท |
บริการพิเศษ | – บริการรับส่งเครื่องซ่อมถึงบ้าน – ศูนย์บริการทั่วถึง ซ่อมเสร็จใน 1 ชั่วโมง – อะไหล่ไม่แพง | – Galaxy Gift – Samsung Pay – ศูนย์บริการออนไลน์ 24 ชม. (Galaxy Butler) – ศูนย์บริการทั่วถึง | – รุ่นนี้ทำโปรโมชั่นขายกับ AIS ส่งซ่อมผ่านช็อป AIS ได้ |
- ความคุ้มค่ากับราคา ต้องยกให้ Xiaomi Mi 9 ที่เปิดตัวมาถูกกว่าทั้ง 3 รุ่น ในราคาสบายกระเป๋าที่ 16,999 บาท การใช้งานโดยรวมถือว่าโอเคมากสำหรับรุ่นนี้ สเปคแรงเหมาะกับสายเกมมิ่ง แต่มีข้อเสียนิดหน่อยก็คือให้หน่วยความจำมาน้อยกว่าคู่แข่งที่ 6GB/128GB และไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ จริงๆ ศูนย์บริการต่างๆ ของ Mi ยังไม่ค่อยทั่วถึงเท่าไหร่ แต่รุ่นนี้ขายกับ AIS เท่านั้น เลยมีตัวช่วยให้สามารถส่งซ่อมผ่านช็อป AIS ที่มีสาขาเยอะๆ ได้
- ถ้าใครเป็นสายกล้อง ก็จัดไปทาง Huawei P30 Pro เพราะให้สเปคความจุมาพอสมควรที่ RAM 8/256GB ตัวกล้องมีฟีเจอร์มากมายทั้งพลังซูมและการถ่ายภาพในที่แสงน้อย แถมแบตยังอึดอีกต่างหาก ศูนย์บริการหลังการขายก็จัดว่าดีเลยทีเดียว ถ้ามีกำลังซื้อก็จัดไปได้ในราคา 31,990 บาท
- เรื่องความครบเครื่องลงตัว ต้องยกให้ Samsung Galaxy S10+ ทำได้ดีทั้งเรื่องของความบันเทิง มีบริการเสริมต่างๆ อย่าง Galaxy Gift, Samsung Pay, Samsung Dex และเรื่องกล้องก็ทำได้ดีด้วย จะมีข้อเสียที่แพ้อีกสองรุ่นหลักๆก็คือแบตเตอรี่ที่ไม่อึดเท่านี่แหละ ศูนย์บริการก็ครอบคลุมทั่วประเทศรวมถึงมีบริการออนไลน์ตลอด 24 ชม. ส่วนราคาก็เริ่มต้นสูงกว่าคนอื่นที่ 35,900 บาท
อันนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานในชีวิตประจำวันของแต่ละคนเลยว่ามีไลฟ์สไตล์แบบไหน รวมถึงกำลังเงินของแต่ละคนด้วย แต่ละรุ่นก็จะมีบริการพิเศษเพิ่มเติมที่แตกต่างกันออกมา ซึ่งเราได้เพิ่มให้เพื่อช่วยในการตัดสินใจเพิ่มเติม ลองพิจารณาดูกันว่าสะดวกแบบไหนค่ะ
มีเรื่องการใช้งาน VR เปรียบเทียบกันมั้ยครับ
อยากเห็นการเปรียบเทียบ mi9, p30, s10/s10e มากกว่าครับ ดูจะเป็นเรือธงที่ราคาไม่เว่อเกินไป
ใน notebookcheck.net P30 โหมดปรับความสว่างสูงสุด ใช้งานได้นานกว่า mate20x(344นาที mate20x 300 นาที) แต่โดยรวมพอๆกัน เรื่องความอึดของแบต
อ่านเพลินๆ ใจลอยๆ อยากได้ S10+ ไม่ก็ P30 Pro
พอมาเจอราคาในย่อหน้าสุดท้าย
ได้แค่ mi9 สินะ