อาจจะมีหลายคนอยากเปลี่ยนมือถือใหม่แบบเน้นใช้ระยะยาวแบบตัวท็อปไปเลยอย่างรุ่นที่มาแรงมากช่วงนี้คือ Huawei P30 Pro | Samsung Galaxy S10+ | Xiaomi Mi 9 ถ้าให้เทียบเรื่องสเปคของทั้งสามรุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรือธงตัวท็อปจากทั้ง 3 ค่าย ใครกำลังเล็งรุ่นไหนไว้เดี๋ยวเราจะมาเปรียบเทียบให้อ่านกัน เผื่อจะช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อค่ะ

สเปคแรงแตกต่าง แต่ใช้งานได้ใกล้เคียงกัน

ก่อนอื่นเรามาดูภาพรวมของเรือธงทั้ง 3 รุ่นกันก่อนว่าแต่ละรุ่นนั้นมีจุดเด่นอะไรกันบ้าง ซึ่งถือว่าทั้ง 3 รุ่นในด้านการใช้งานก็ไม่ค่อยต่างเท่าไหร่ในแง่ของสเปคนะ แต่ที่จะต่างจริงๆ คงเป็นเรื่องของพวกฟีเจอร์ ฟังก์ชั่น User Experience ต่างๆ มากกว่า เราจึงทำสรุปเป็นตารางคร่าวๆ ก่อนจะค่อยๆ เจาะทีละเรื่องให้อ่านกันค่ะ

 Huawei P30 ProGalaxy S10+Xiaomi Mi 9
ระบบปฏิบัติการAndroid OS 9.0 (Pie) + EMUI 9.1Android OS 9.0 (Pie) + One UIAndroid OS 9.0 (Pie) + MIUI 10
CPUKirin 980 (7nm)Exynos 9820 (8nm)Snapdragon 855 (7nm)
GPUMali-G76 MP10Mali-G76 MP12Adreno 640
RAM8GB8GB / 12GB6GB
หน่วยความจำ256GB + รองรับ Nano Memory Card (Hybrid Slot)128GB/ 512GB / 1TB + รองรับ MicroSD Card 512GB (Hybrid Slot)128GB (ไม่รองรับ micraSD Card)
เซนเซอร์In-Screen Fingerprint Sensor, Gyroscope, Compass, Infrared Sensor, In-Display Ultrasonic Fingerprint, Gyro Sensor, Heart Rate SensorUltrasonic distance sensor, Gyro, Infrared remote control
GPSGPS, A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo, QZSSGPS, A-GPS, Glonass, Beidou, GalileoGPS, A-GPS, Galileo, GLONASS, Beidou
มาตรฐานกันน้ำIP68 (กันน้ำลึก 1.50 ม. เป็นเวลา 30 นาที)IP68 (กันน้ำลึก 1.50 ม. เป็นเวลา 30 นาที)ไม่มีแจ้งเรื่องมาตรฐานการกันน้ำ
แบตเตอรี่4200mAh
รองรับ Reverse Wireless Charge
Super Charge (40W)
Wireless Quick Charge (15W)
4,100 mAh
รองรับ Wireless Power Share, Fast Wireless Charge 2.0
3300 mAh
รองรับ Quick Charge (27W)
Wireless Quick Charge (20W)
ขนาดและน้ำหนัก73.4 x 158 x 8.41 มม. หนัก 192 กรัม74.1 x 157.6 x 7.8 มม., หนัก 175g
(รุ่น Ceramic หนัก 198g)
74.7 x 157.5 x 7.6 มม., หนัก 173 กรัม

เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพของทั้ง 3 รุ่น ผ่าน AnTuTu ผลคะแนนออกมาดังนี้

  1. Mi 9 (Snapdragon 855) ได้ไป 369,181 คะแนน
  2. Galaxy S10+ (Exynos 9820) ได้ไป 330,197 คะแนน
  3. P30 Pro (Kirin 980) ได้ไป 248,538 คะแนน

ถ้าเทียบประสิทธิภาพกันด้วยคะแนน แน่นอนว่าแต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกันตามกันอยู่แล้ว โดยทาง Snapdragon 855 ขึ้นชื่อเรื่องความแรงที่เหนือใครมาตลอด ใช้สถาปัตยกรรมเล็กเพียง 7nm ส่วน Exynos 9820 แม้ว่าจะใช้ 8nm แต่ก็ทำความแรงมาได้ใกล้เคียงกัน ส่วน Kirin 980 เรื่องคะแนน AnTuTu อาจจะตามหลังมาห่างๆ แต่ทั้งสามตัวนี้ถ้าพูดถึงเรื่องของการใช้งานทั่วไป ชิปเซ็ตกลุ่มนี้ก็ถือว่าเป็นตัวท็อปทั้งหมด ซึ่งทำงานได้ดีมีความลื่นไหล ใช้ได้สบายๆ สามารถโหลดแอป เข้าเกม ทำงานต่างๆได้รวดเร็วไม่หนีกันขาดเท่าไหร่นัก

เล่นเกม S10+ และ P30 Pro สูสี Mi 9 ยังมีแกว่ง

เรื่องที่หลายคนอยากรู้กันมากเวลาซื้อเครื่องสเปคเทพ คือสามารถเล่นเกมได้ดีขนาดไหน ซึ่งจากการทดสอบมาทั้ง 3 ตัวนี้สามารถปรับการแสดงเอฟเฟกต์ภาพได้สูงสุดของแต่ละเกมเหมือนๆกัน ตอนดีๆวิ่งเฟรมเรตได้สูงสุดไม่ต่างกัน แต่ใช้ไปนานๆ ตัวที่รู้สึกว่าเจอปัญหาอยู่บ้าง มีอาการแกว่งของเฟรมเรต บ่อยที่สุดจะเป็นตัว Mi 9 นั่นเอง

ทั้ง 3 ตัวนี้จะมีฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมที่แตกต่างกันออกไป โดย Galaxy S10+ จะมี Game Tools ที่จะปรับแต่งให้ระบบพร้อมเล่นเกม เพิ่มประสิทธิภาพของซีพียูให้เต็มที่ พร้อมการบันทึกภาพและวิดีโอ ป้องกันการแจ้งเตือนไม่ให้เข้ามากวนได้ ส่วนทางฝั่ง P30 Pro ก็จะมีตัว GPU Turbo ที่ปรับเครื่องให้พร้อมกับการเล่นเกมเช่นเดียวกัน โดยเกมตัวไหนที่รองรับก็จะสามารถเล่นได้เฟี้ยว เนียนตาแบบสุดๆ ส่วนที่ไม่รองรับก็อาจจะเฟี้ยวได้เช่นกัน ขึ้นกับคุณภาพของตัวเกมเป็นหลัก และสามารถปิดการแจ้งเตือนให้ไม่เข้ามากวนระหว่างเล่นเกมได้เช่นกัน และสุดท้าย Game Mode ของ Mi 9 ก็ใกล้ๆกับของ Samsung มีให้ปรับแต่งได้คล้ายๆกันเลย

ฟีเจอร์และการใช้งาน

แต่ละรุ่นก็จะมีความโดดเด่นของแตกต่างกันออกไป ตามนี้เลยค่ะ

  • Mi 9 เด่นเรื่องการ Clone Application สามารถโคลนแอป โคลนเกมได้แบบเปิดเล่นเกม 2 จอพร้อมกันได้เลย
  • Galaxy S10+ ก็มี Pop-Up View ที่สามารถเปิดหลายๆ หน้าต่างซ้อนกันบนหน้าจอเดียว หรือจะเป็น Muti Window ที่อำนวยความสะดวกในการใช้งานสองหน้าต่างพร้อมกันสำหรับสาย Multi Tasking และยังมี Samsung Dex ที่รอบนี้เค้าปรับปรุงใหม่ให้มีใช้งานได้ลื่นขึ้นกว่าเดิม 
  • P30 Pro มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ Gesture Control หรือการสั่งการผ่านร่างกาย เช่น ใช้ข้อนิ้วเคาะเพื่อแคปหน้าจอหรือใช้ข้อนิ้ววาดหน้าจอได้เพื่อแคปเฉพาะส่วนได้ แล้วก็มี Desktop mode ที่คล้ายๆ กับ Dex แต่อันนี้สามารถต่อใช้งานผ่าน Wi-Fi ได้เลย ไม่ต้องใช้สาย (แต่ก็ยังมีบางแอปที่ไม่รองรับการใช้งานใน Desktop Mode)

หน้าจอและการจับถือ ขอบโค้งยังมีปัญหา

 P30 Pro Galaxy S10+Mi 9
  
หน้าจอOLED ขนาด 6.47 นิ้ว Curved Dynamic AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว
ความละเอียด2340 x 1080 + รองรับ HDR3040 x 1440 (2K) + รองรับ HDR10+
2340 x 1080 + HDR
ขนาดตัวเครื่อง158 x 73.4 x 8.4 มม.157.6 x 74.1 x 7.8 มม.157.5 x 74.7 x 7.6 มม.

มาดูเรื่องของหน้าจอ ตัวเครื่อง และขนาดการจับถือการบ้าง หากเป็นเรื่องของดีไซน์อันนี้แล้วแต่คนชอบเลย เพราะทั้งสามรุ่นนั้นออกแบบมาไม่แตกต่างกันมากนัก รวมถึงขนาดก็ใกล้ๆ กันด้วย ถ้าไม่คว่ำไว้ หรือไม่สังเกตก็เคยหยิบผิดมาแล้ว

หน้าจอ: อันนี้ขอยกให้ Galaxy S10+ เลย จอสวยจริง เจ้ารุ่นนี้ใช้จอเป็น Curved  Dynamic AMOLED การแสดงผลของสีสันนั้นค่อนข้างดูดีกว่าอีก 2 รุ่น เพราะมีการไล่ระดับเฉดสีขาว – ดำ ไปถึง 2 ล้านระดับ (Contrast ratio 1:2,000,000) และมี Dynamic Tone Maping ทำให้สีที่ค่อนข้างแม่นยำ และดูเป็นธรรมชาติ สวยงามตามท้องเรื่อง การันตีจากรางวัลที่ได้จาก DisplayMate ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่หน้าจอสีสันตรงสวยที่สุดในตลาดตอนนี้เลย

ขนาดจับถือใช้งาน: ขอยกให้ Mi 9 ซึ่งขนาดเล็ก พอดีมือ (อันนี้แล้วแต่ขนาดมือคนด้วยนะ) รวมกับจอที่ไม่โค้งเหมือนอีก 2 รุ่น ทำให้รู้สึกถือใช้งานได้คล่องกว่า ส่วนอีก 2 รุ่นนั้นพอจอเป็นโค้งแบบ Dual Edge ก็เจอปัญหาเดียวกันเลยคือ อุ้งมือโดนขอบจอ ทำให้เวลาถ่ายรูปถ้าใช้มือเดียวแล้วนิ้วไปแหมะตรงขอบจอเนี่ย ก็จะแตะไม่ติด หรืออาจเจอปัญหาจอลั่นได้ การใส่เคสก็จะช่วยลดปัญหานี้ได้ในระดับนึง

แบตเตอรี่อึด-ชาร์จไวสุดต้องให้ Huawei

 P30 Pro Galaxy S10+Mi 9
ความจุ4200 mAh4100 mAh3300 mAh
รองรับชาร์จไว40W15W27W
รองรับชาร์จไร้สาย15W18W20W

จากการทดลองใช้งาน ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นซอฟท์แวร์ล่าสุดของช่วงต้นเดือนเมษายน รุ่นที่มีแบตอึดที่สุดคือใน3 รุ่น ได้แก่ …

  1. P30 Pro มีแบตอึดที่สุดด้วยความจุมากถึง 4200 mAh พร้อมกับความสามารถด้าน AI ที่จะช่วยปรับแต่งการใช้พลังงาน ให้เราสามารถใช้งานในแต่ละวันได้ยาวนานขึ้นอีก ซึ่งหลายคนพูดคล้ายๆกันว่าใช้ไปสักพักจะรู้สึกได้ว่าอึดขึ้นกว่าเดิมอีก
  2. Mi 9 จะอึดรองลงมา ถึงแม้มิลลิแอมป์จะน้อยกว่าเพื่อนแต่ก็อึดใช้ได้ 
  3. Galaxy S10+ เพราะยังคงมีปัญหาเรื่องแบตไหลที่ทางซัมซุงก็พยายามแก้ไขอยู่ ซึงอาจจะได้รับแพทช์อัพเดทกัน แต่จะเมื่อไหร่ยังไง ต้องรอดูกันต่อไปนะ

ส่วนการชาร์จไวนั้นเรียงลำดับความแรงได้เป็น

  1. P30 Pro รองรับ Super Charge 40W ชาร์จแรงกว่าเพื่อนแป๊บเดียวก็เต็มแล้ว
  2. Mi 9 รองรับชาร์จไว 27W ถ้าเทียบกับขนาดแบตเตอรี่ด้วยแล้ว คุณภาพการชาร์จไวก็จะใกล้เคียงกับ P30 Pro เลย
  3. Galaxy S10+ แม้จะมีขนาดแบตที่ใหญ่กว่าเพื่อน แต่ระบบการชาร์จไวนั้นยังแค่ 15W เท่านั้นเอง

ส่วนระบบชาร์จไร้สายนั้นทั้งสามรุ่นรองรับทั้งหมด เรียงลำดับความไวได้เป็น

  1. Mi 9 รองรับชาร์จไร้สายไวกว่าเพื่อนที่ 20W 
  2. Galaxy S10+ รองรับ Wireless Charging 2.0 สูงสุดที่ 18W
  3. P30 Pro ชาร์จไร้สายอยู่ที่ 15W

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน เพราะถึงแม้จะมีระบบชาร์จเร็วแบบไร้สาย แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าชาร์จผ่านสายอยู่ดี อาจจะเน้นในเรื่องความสะดวกมากกว่าก็คอวาปุ๊บ ชาร์จได้เลย แต่บางทีถ้าวางผิดมุมนิดนึงมันก็จะไม่ชาร์จให้เลย

อีก 2 รุ่นอย่าง P30 Pro และ Galaxy S10+ มีฟีเจอร์พิเศษชาร์จแบตไร้สายให้อุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วยอย่าง Wireless Power Share ของ Samsung ก็จะจ่ายไฟได้แรงกว่า Reverse Wireless Charging ของ Huawei 

ลำโพงเสียงดีงาม ต้องยกให้ S10+ มีช่องหูฟังให้ด้วย

 P30 Pro Galaxy S10+Mi 9
ระบบเสียงลำโพงโมโน, Dolby AtmosDolby Atmos สเตอริโอลำโพงโมโน
รูหูฟังไม่มีรูหูฟัง 3.5 มมมีรูหูฟัง 3.5 มม.ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.

มาถึงระบบเสียง รุ่นที่เสียงดีมาเป็นอันดับแรกก็ต้องยกให้กับ..

  1. Galaxy S10+ นั่นเอง จะได้เปรียบกว่าเพื่อนด้วยระบบลำโพงคู่ที่มีเสียงกระหึ่ม มีมิติกว่าอีก 2 รุ่น เวลาดูหนังฟังเพลงไม่ต้องเสียบหูฟังก็จะได้คุณภาพแบบ Surround แล้ว
  2. Mi 9 นั้นไม่เคยทำลำโพงคู่ในตระกูล Mi อยู่แล้ว ดังนั้นรุ่นนี้ก็จะมีระบบเสียงลำโพงโมโน คุณภาพเสียงก็ยังอยู่ในระดับดี เสียงค่อนข้างโอเค
  3. P30 Pro ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้เป็นลำโพงคู่สเตอริโออยู่แล้ว แต่มารุ่นนี้จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นลำโพงโมโน ส่วนลำโพงการสนทนาใช้เป็นระบบ Acoustic Display บนหน้าจอ เนื่องจากไม่มีลำโพงด้านบน เสียงที่ออกมาจึงเบากว่าปกติ ต้องเปิดสุดเท่านั้นถึงจะดัง 

กล้อง

 P30 Pro Galaxy S10+Mi 9
กล้องหลักกล้องหลัง 4 ตัว
– เลนส์หลัก Wide 40MP (f/1.6), OIS
– เลนส์ Ultra Wide 20MP (f/2.2)
– เลนส์ telephoto 8MP (f/3.4), OIS
– เซนเซอร์ ToF
กล้องหลัง 3 ตัว
– เลนส์ Wide-angle: 12MP, Dual Pixel AF, F1.5/F2.4, OIS (77°)
– เลนส์ Ultra Wide: 16MP, FF, F2.2 (123°)
– เลนส์ Telephoto: 12MP, PDAF, F2.4, OIS (45°)
กล้องหลัง 3 ตัว
– เลนส์หลัก 48MP (SONY IMX586) f/1.75
– เลนส์ Utra wide 16MP f/2.2 (117°)
– เลนส์ Telephoto 12MP f/2.2
กล้องหน้า32MP (f/2.0)กล้องหน้าคู่
– เลนส์ Selfie: 10MP Dual Pixel AF, F1.9 (80°)
– เลนส์ RGB Depth: 8MP FF, F2.2 (90°)
20MP (f/2.0)

เรื่องของกล้องนี่เป็นฟีเจอร์หลักที่หลายคนสนใจก่อนจะเลือกซื้อมือถือว่ามันถ่ายรูปสวยมั้ย ถ้าคุณภาพของเลนส์กล้อง ทั้งสามรุ่นนั้นมีคุณภาพใกล้เคียงกันเลย แต่จะมาแตกต่างกันเรื่องของฟีเจอร์และสีสันของภาพที่ถ่ายออกมาคือ

  • P30 Pro มีจุดเด่นคือพลังซูม 5x-10x ถ่ายได้ไกลกว่าเพื่อนโดยภาพยังชัดแจ๋ว แต่จะเจอปัญหาในการถ่ายสลับเลนส์เพราะสีภาพค่อนข้างต่างกัน มีความเหลื่อมล้ำของสีนิดหน่อย แต่จะได้เปรียบกว่าเพื่อนในการถ่ายภาพแสงน้อยได้สว่างกว่า
  • Galaxy S10+ นั้นคุมสีและความสว่างของทั้ง 3 เลนส์ได้ค่อนข้างดีที่สุด มีความเหลื่อมล้ำของสีน้อยมากๆ เมื่อลองถ่ายสลับเลนส์
  • Mi 9 นั้นจะมีคุณภาพของสีสันใกล้เคียงกับ Galaxy S10+ ทั้ง White balance / Contrast จะไม่ต่างกันมากนัก รวมถึงมีระยะซูม 2x ที่เท่ากันด้วย

ถ้าถามถึงรุ่นไหนถ่ายรูปสวยสุด อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยว่าชอบโทนสีแบบไหน ซึ่งทางเราได้ทำการเทียบกล้องของรุ่น Huawei P30 Pro | Galaxy S10+ | Xiaomi Mi 9 ให้แล้วด้วย คลิกเข้าไปดูกันเพื่อช่วยในการตัดสินใจได้เลย

ด้านการถ่ายวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบกันสั่นหรือความคมชัดของวีดีโอนั้น แต่ละรุ่นก็จะมีความโดดเด่นในตัวเอง

  • เรื่องระบบกันสั่น Galaxy S10+ นั้นกันสั่นได้ดีที่สุด รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง รวมถึงการบันทึกเสียงทำมาได้ดีมาก
  • เรื่องความคมชัดของภาพและสีในโหมดวีดีโอทั่วไปยกให้ Galaxy S10+ กับ Mi 9 ที่ทำผลงานได้ดี
  • P30 Pro จะได้เปรียบอีกสองรุ่นในเรื่องการถ่ายภาพและวิดีโอในที่แสงน้อย แต่ดูเหมือนจะมีปัญหาในการถ่ายวิดีโอแบบซูมและสลับเลนส์ไปมา

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมตรงนี้เดี๋ยวเอาตัวอย่างมาให้ดูเร็วๆนี้ครับ

เลือกรุ่นไหนดี?

P30 ProGalaxy S10+Mi 9
ราคา8/256GB
31,990 บาท
8/128GB
35,900 บาท
6/128GB
16,999 บาท
บริการพิเศษ– บริการรับส่งเครื่องซ่อมถึงบ้าน
– ศูนย์บริการทั่วถึง ซ่อมเสร็จใน 1 ชั่วโมง
– อะไหล่ไม่แพง

– Galaxy Gift
– Samsung Pay
– ศูนย์บริการออนไลน์ 24 ชม. (Galaxy Butler)
– ศูนย์บริการทั่วถึง


– รุ่นนี้ทำโปรโมชั่นขายกับ AIS ส่งซ่อมผ่านช็อป AIS ได้

  • ความคุ้มค่ากับราคา ต้องยกให้ Xiaomi Mi 9 ที่เปิดตัวมาถูกกว่าทั้ง 3 รุ่น ในราคาสบายกระเป๋าที่ 16,999 บาท การใช้งานโดยรวมถือว่าโอเคมากสำหรับรุ่นนี้ สเปคแรงเหมาะกับสายเกมมิ่ง แต่มีข้อเสียนิดหน่อยก็คือให้หน่วยความจำมาน้อยกว่าคู่แข่งที่ 6GB/128GB และไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้ จริงๆ ศูนย์บริการต่างๆ ของ Mi ยังไม่ค่อยทั่วถึงเท่าไหร่ แต่รุ่นนี้ขายกับ AIS เท่านั้น เลยมีตัวช่วยให้สามารถส่งซ่อมผ่านช็อป AIS ที่มีสาขาเยอะๆ ได้
  • ถ้าใครเป็นสายกล้อง ก็จัดไปทาง Huawei P30 Pro เพราะให้สเปคความจุมาพอสมควรที่ RAM 8/256GB ตัวกล้องมีฟีเจอร์มากมายทั้งพลังซูมและการถ่ายภาพในที่แสงน้อย แถมแบตยังอึดอีกต่างหาก ศูนย์บริการหลังการขายก็จัดว่าดีเลยทีเดียว ถ้ามีกำลังซื้อก็จัดไปได้ในราคา 31,990 บาท
  • เรื่องความครบเครื่องลงตัว ต้องยกให้ Samsung Galaxy S10+ ทำได้ดีทั้งเรื่องของความบันเทิง มีบริการเสริมต่างๆ อย่าง Galaxy Gift, Samsung Pay, Samsung Dex และเรื่องกล้องก็ทำได้ดีด้วย จะมีข้อเสียที่แพ้อีกสองรุ่นหลักๆก็คือแบตเตอรี่ที่ไม่อึดเท่านี่แหละ ศูนย์บริการก็ครอบคลุมทั่วประเทศรวมถึงมีบริการออนไลน์ตลอด 24 ชม. ส่วนราคาก็เริ่มต้นสูงกว่าคนอื่นที่ 35,900 บาท

อันนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานในชีวิตประจำวันของแต่ละคนเลยว่ามีไลฟ์สไตล์แบบไหน รวมถึงกำลังเงินของแต่ละคนด้วย แต่ละรุ่นก็จะมีบริการพิเศษเพิ่มเติมที่แตกต่างกันออกมา ซึ่งเราได้เพิ่มให้เพื่อช่วยในการตัดสินใจเพิ่มเติม ลองพิจารณาดูกันว่าสะดวกแบบไหนค่ะ