ยิ่งเทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์ล้ำขึ้นฉลาดขึ้นมากเท่าไหร่ โลกเราก็ดูจะน่ากลัวขึ้นมากเท่านั้น หลังจากที่ปัจจุบันเริ่มมีข่าวการเอาปัญญาประดิษฐ์ไปใช้งานในรูปแบบผิด ๆ เพื่อสนองความต้องการของมิจฉาชีพและในแวดวงอาชญากรรม ล่าสุดเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอังกฤษถูก AI ปลอมเสียงเป็น CEO ออกคำสั่งให้โอนเงินไปให้ รู้ตัวอีกทีเสียไปร่วม 7 ล้านบาท
AI ปลอมเป๊ะ CEO พูดอังกฤษสำเนียงเยอรมัน ฟันไป 7 ล้าน!
เหตุการณ์นี้นับเป็นอีกหนึ่งเคสใหญ่ในคดีโจรกรรมแห่งยุค Artificial Intelligence ก็ว่าได้ หลังจากบริษัทประกันสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Euler Hermes ได้มีการออกแถลงการณ์ให้นานาชาติร่วมกันจับตามองเป็นเคสตัวอย่าง หลังจากลูกค้าของพวกเขาจากอังกฤษถูกปัญญาประดิษฐ์หลอกเอาเงินไปกว่า 240,000 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือ คิดเป็นเงินไทยราว 7 ล้านบาทเลยทีเดียว
เหยื่อรายนี้เป็นบริษัทกลุ่มพลังงานสัญชาติอังกฤษที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ มีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศเยอรมันนี เหตุการณ์มีอยู่ว่า Managing Director ทางอังกฤษได้รับโทรศัพท์สายตรงจาก CEO ชาวเยอรมันให้โอนเงินไปเป็นการด่วนที่สุดเพื่อจ่ายหนี้ให้กับ Supplier รายหนึ่งในประเทศฮังการี ซึ่งงานนี้ไม่มีอะไรผิดปกติเพราะการสั่งงานผ่านโทรศัพท์นั้นถือเป็นปกติมากตามนโยบายธุรกิจทุกวันนี้ เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่ได้พูดสายกับ CEO จริง ๆ แต่กลับเป็น AI ที่ปลอมทั้งเสียงและสำเนียงอังกฤษแบบเยอรมัน ของ CEO ได้อย่างแยบยลนี่สิ
ตามรายงานเบื้องต้น ตำรวจยังหาตัวผู้ต้องสงสัยไม่พบ โดยกำลังเร่งตรวจสอบบัญชีปลายทางการโอนเงินที่ประเทศฮังการี แต่ล่าสุดพบว่าเงินถูกโยกไปอยู่ที่เม็กซิโกก่อนจะกระจายหายไปยังต้องไล่ล่ากันต่อ ในขณะที่ข่าวหลายสำนักต่างพากันรายงานว่านี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เกิดการล่อลวงโดยวิธีการปลอมเสียงด้วย AI แต่ตัวแทนจาก Symantec (บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐ ฯ) เคลมว่ามีความพยายามรูปแบบนี้เกิดขึ้นหลายเคสแล้วในความตรวจสอบของพวกเขา
Deepfake ยังปลอมเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ จะแปลกใจอะไรกับแค่เสียงล่ะ
ย้อนกลับไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่มีการโชว์ผลงาน Deepfake ที่ปลอมทั้งใบหน้า ท่าทาง การพูดของบุคคลสำคัญ ๆ ของโลกไม่ว่าจะเป็น Barack Obama หรือ Mark Zuckerberg หรือแม้แต่ผลงาน Google Duplex ที่นำเสนอโดย Google Assistant ที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดี บอกได้เลยเนียนจนน่าใจหาย ก็คงไม่น่าแปลกใจมากนักที่การปลอมเสียงในการพูดคุยทางโทรศัพท์นั้น AI จะแทบได้แนบเนียนขนาดนั้น
เป็นไปได้ว่า เราได้ก้าวเข้าสู่โลกที่ถูกคุกคามโดยปัญญาประดิษฐ์อย่างเป็นทางการแล้ว ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นถูกหุ่นยนต์ AI ยึดครองโลกอย่างในหนัง Sci-Fi ก็ตาม แต่ความสามารถของมันไปไกลกว่าศักยภาพของบุคคล โดยทาง Symantec เผยว่าขอแค่มีคลิปเสียง ภาพวิดีโอของ CEO ชื่อดังทั้งหลายบนโลก (แน่นอนว่าหาได้ทั่วไปตาม YouTube หรือ TED Talk เต็มไปหมด) แค่นี้ก็เพียงพอที่ AI จะปลอมเสียงให้เหมือนบุคคลนั้น ๆ โดยที่เราไม่อาจรู้ได้เลยล่ะ เรียกว่างานมิรเรอร์เกรด AAA+ กันเลยทีเดียว
จากยุคหลอกลวงผ่าน E-mail สู่การทำเหมือนทั้งภาพและเสียง
ย้อนไปราว ๆ 5-6 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดความพยายามเช่นเดียวกันนี้ผ่านระบบ E-mail เป็นจำนวนมาก ถึงขนาด FBI ยังต้องออกมาประกาศปรามให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ระมัดระวังการใช้ E-mail เป็นตัวกลางรับ – ส่ง คำสั่งโอนเงิน (ฝั่งอเมริกา มีการใช้ระบบนี้มานานคล้าย ๆ พร้อมเพย์บ้านเราที่เรียกและรับเงินได้ผ่านการส่งลิงค์ทาง E-mail) โดย FBI ณ วันนั้นแนะนำว่าวิธีการที่ดีสุดคือ “หากได้รับอีเมลล์ให้โอนเงินแบบฉุกเฉินเป็นกรณีพิเศษให้คุณต่อสายตรงไปหา CEO ของคุณสิ จะได้ยืนยันกันได้ แบบนี้จะปลอดภัยที่สุด…”
กลับมามองที่สถานการณ์ของวันนี้ ต้องบอกเลยว่าการยืนยันผ่านโทรศัพท์สายตรงแบบที่ FBI แนะนำเอาไว้ก็ไม่ค่อยชัวร์ซะแล้ว เผลอ ๆ เดี๋ยวอีกหน่อยจะมี AI ปลอมเป็น CEO แบบ Deepfake แล้วสั่งลูกน้องโอนเงินให้ทีด่วน ๆ ไม่รู้ว่าจะมองกันออกมั้ยล่ะทีนี้ ถ้าดันเป็นบอสตัวจริงขึ้นมาเท่ากับเราขัดคำสั่งอีก หาเรื่องตกงานชัด ๆ น่ากลัวจริง ๆ ด้วย 😥
อ่านเพิ่มเติม: สะดุ้งกันทั้งบาง เมื่อคนดังถูก Deepfake AI ปลอมใบหน้าท่าทาง จับเอาไปพูดอะไรในสิ่งที่ต้องการได้ทุกอย่าง | Google Assistant ปรับเสียงพูดคล้ายคนจริง พูดคุยเป็นประโยค สั่งงานได้หลายอย่าง และโทรไปคุยกับคนจริงๆได้
อ้างอิง: CSO | The Wall Street Journal (Subscription)
ต่อไปคงมีแก๊งส์ AI deep fake callcenter วิดีโอคคอลหาเราเลย หลอกให้เราโอนเงิน
อันนี้น่ากลัว เทคโนโลยี ยิ่งดีเท่าไร แก๊งพวกนี้ก็เก่งตามด้วย 🙂 🙂
อาจจะต้องถึงขั้นเข้ารหัสโอนเงินกับผ่าน Biometic หรือ รหัสเฉพาะตัวที่อยู่ในความทรงจำด้านลึกเหมือนชาวครีในกัปตันมาร์เวลสะแล้ว
อันนี้ผมว่าคนโอนให้โง่เองนะ เพราะต่อให้ไม่ใช้ Ai ถ้ามิจฉาชีพเอาคนเสียงคล้ายมาปลอมเสียงก็โดนอยู่ดี