ระยะหลังเราน่าจะเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวรายวันของซีอีโอผู้โด่งดังและร่ำรวยที่สุดในโลกอย่าง อีลอน มัสก์ ที่ชอบแสดงออกด้วยท่าทีต่าง ๆ ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยคำนึงถึงผลที่ตามมาเท่าไหร่ อย่างก่อนหน้านี้ก็เพิ่งชวนตีกับซีอีโอบริษัทเทคฯ ไปหลายเจ้า แถมเคยวิจารณ์ประธานาธิบดีไบเดนในทางเสียหายหนัก และหลังจากที่เขาเข้าฮุบกิจการ Twitter สำเร็จ ซึ่งได้เข้ามาทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์เปลี่ยนไปเยอะ ผลกระทบหลายอย่างก็ดูจะตามมาถึงบริษัทอื่น ๆ ที่เค้าเป็นซีอีโออยู่ด้วยจนได้

จากงานวิจัยของ Morning Consult ระบุว่า ตั้งแต่มัสก์เข้าฮุบ Twitter ในวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา การศึกษาพบว่าความชอบโดยรวมของแบรนด์รถ Tesla นั้นลดลง 6.2 คะแนน ในกลุ่มผู้ใหญ่ทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ (มีกำลังในการซื้อรถยนต์) แต่หากคิดเป็นชาวอเมริกันโดยรวมที่แยกตามฝักฝ่ายการเมืองแล้ว ฝั่งเดโมแครตลดลงหนักถึง 20.3 คะแนน สวนทางกับฝั่งรีพับลิกันที่กลับมีความชื่นชอบในแบรนด์เพิ่มขึ้น 3.9 คะแนน

จากสถิติในฝั่งการเมืองด้านบนก็ค่อนข้างไม่แปลกใจ เพราะเราเห็นกันว่าอีลอน มัสก์ ฝักใฝ่ในรีพับลิกันชัดเจน ทั้งจากการประกาศตัวเองโดยตรง และสนับสนุนให้บัญชี Twitter ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่ถูกบล็อกกลับคืนมา ที่น่าสนใจคือภาพรวมไม่ว่าจะแบบมีการเมืองปนหรือไม่มีก็อยู่ในฝั่งขาลงทั้งหมด นั่นแปลว่าประเด็นเรื่อง Twitter ก็อาจจะมีผล แต่นักวิเคราะห์ตลาดมองว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องเดียว

ข้อมูลจากบริษัท S&P Global Mobility ระบุในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 ส่วนแบ่งในตลาดของ Tesla นั้นอยู่ที่ 65% แต่ก็ลดลงจาก 79% ในปี 2020 จากการแข่งขันรถยนต์ EV ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับการที่ Tesla ยังไม่ยอมขายรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่าที่ตั้งอยู่ตอนนี้ ทำให้แบรนด์รถยนต์อื่นเริ่มเข้ามาชิงส่วนแบ่งไปอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าวิกฤตขาลงของ Tesla นั้นเกิดขึ้นเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่แค่มีผลต่อเนื่องหนักขึ้นหลังการกุมบังเหียน Twitter ด้วยนั่นเอง

 

 

ที่มา : Forbes, Morning Consult