เรียกว่าฉาวกันต่อไปยาว ๆ สำหรับ Facebook Inc. ที่ล่าสุดถูกพนักงานออกมาแฉว่า มีการจ้างพนักงานแบบ Outsource ซึ่งนับเป็นบุคคลภายนอกมานั่งฟังคลิปเสียงที่ถูกส่งผ่านระหว่างผู้ใช้บริการแอปพลิเคชั่น Messenger เพื่อตรวจสอบฟังก์ชั่น Audio Transcribe ที่เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2015 โดย Facebook ได้ออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ล่าสุดได้เลิกทำมา “กว่า 1 สัปดาห์แล้ว”

แหล่งข่าวเผย Facebook จ้างให้ถอดคลิปเสียงจาก Chat ของพวกเรา 😯

งานนี้ Facebook ถูกแฉโดยหนึ่งในพนักงานแบบชั่วคราวตามสัญญาจ้าง Outsource ซึ่งรับหน้าที่ “ถอดเทปจากคลิปเสียงของพวกเราที่ใช้ส่งหากันภายในแอปพลิเคชั่น Facebook Messenger เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการถอดเทป (Audio Transcribe) แบบอัตโนมัติโดย AI อีกที” ซึ่งฟังก์ชั่นดังกล่าวมีใช้มาร่วม 4 ปีแล้ว ข่าวนี้สำหรับหลาย ๆ คน เริ่มไม่ค่อยน่าเซอร์ไพรส์มากนักเพราะช่วงปีที่ผ่านมา Facebook เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาและข่าวฉาวประเด็นเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลเต็มไปหมด

facebook-transcribe

โดยพนักงานคนดังกล่าว ผู้ไม่ประสงค์ออกนามเพราะกลัวจะถูก Facebook Inc. เรียกไปปรับทัศนคติ 😆 เผยว่า Facebook ได้มีการว่าจ้างบริษัทของพวกเขาในรูปแบบ Outsource ตั้งแต่ช่วงปี 2015 ที่มีการเปิดตัวฟังก์ชั่น Audio Transcribe (แปลงคลิปเสียงเป็นตัวหนังสือโดย AI) โดยมีพนักงานกว่า 100 ชีวิตได้รับหน้าที่นั่งฟังคลิปเสียงเพื่อถอดเทปและเทียบเคียงกับฝีมือของ AI ซึ่งพวกเขาจะไม่ได้รู้เลยว่าคลิปเสียงเหล่านั้นได้มาอย่างไร และถูกจัดเก็บไว้ในรูปแบบใด

แหล่งข่าวยังเผยอีกด้วยว่าคลิปเสียงที่พวกเขาได้รับมาฟังนั้นจะมาในรูปแบบไม่ระบุตัวตน (Anonymous) โดยจะไม่รู้ว่าเป็นของใครและสนทนากับใคร (เว้นเสียแต่ว่าจะมีการพูดชื่อ – นามสกุลกันตรง ๆ ในคลิปนั้นนะ) แต่คลิปเสียงก็จะมีทุกรูปแบบตั้งแต่พูดคุยกันเรื่องส่วนตัว การเมือง หรือจะเป็นคำสบถหยาบโลนแค่ไหนก็ต้องถอดเทปออกมาด้วย

Facebook รับเคยทำจริง แต่เลิกแล้วนะ (เมื่อสัปดาห์ก่อน)

ทางด้าน Facebook Inc. ไม่รอช้าออกมายอมรับแมน ๆ ไปเลยว่าเคยจ้างคนนอกมานั่งถอดคลิปเสียงของพวกเราจริง ๆ แต่ล่าสุดตั้งแต่มีความกังวลเรื่อง Privacy กันมากขึ้นก็ได้หยุดทำไปก่อนแล้ว โดยระบุว่าเลิกทำมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว 🙄

เช่นเดียวกันกับกรณีของ Google และ Apple พวกเราได้หยุดดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรีวิวคลิปเสียงโดยบุคคลเอาไว้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ก่อนแล้ว… – คำแถลงสั้น ๆ อย่างเป็นทางการจาก Facebook Inc.

แน่นอนว่าไม่ใช่ Facebook แค่รายเดียวที่มีปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะเรื่องการใช้บุคคลเข้าถึงแชทและคลิปเสียงของแชทแอปพลิเคชั่นทั้งหลาย โดยปัจจุบันมี Tech Giants อีกหลายรายอย่าง Amazon | Apple | Google ต่างก็กำลังถูกเจ้าหน้าที่รัฐจากทั้งฝั่งอเมริกาและยุโรปตรวจสอบกันอยู่อย่างเข้มข้นเลยล่ะ เพียงแต่ว่า Facebook นั้นดูจะเด่น ๆ โล่งโจ้งกว่าเขาเพื่อนหน่อยเท่านั้นเอง 😐

รัฐเริ่มเอาจริงเอาจังกับ Privacy พร้อมกฎหมายที่เริ่มเข้มงวด

แน่นอนว่าทั่วโลกกำลังเริ่มให้ความสนใจและจัดการกับปัญหาของยุค Digital Disruption กันอย่างจริงจังมากขึ้นโดยคำศัพท์ Buzzwords สุดฮิตอย่าง Big Data | AI | Data Privacy มักผ่านหูผ่านตาเราตามหน้าข่าวกันอยู่เรื่อย ๆ เพราะรัฐต้องเริ่มเข้ามากำกับดูแลการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเรา เช่นเดียวกับที่สภานิติบัญญัติแห่งยุคคสช. ได้ทิ้งทวนฝากกฎหมายนี้เอาไว้ให้พวกเราด้วยกับ “พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562” ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ค. ปี 2563 ส่งผลให้มีโทษปรับและความเสียหายทางแพ่งได้หากธุรกิจไม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

โดยเคสของ Facebook นี้มีประเด็นที่อาจเป็นปัญหากับกฎหมาย GDPR (General Data Protection Regulations) ของยุโรป (และพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเราเช่นกันหากเป็นกรณีในประเทศไทย) เพราะมีการเผยว่า Facebook ไม่เคยระบุเงื่อนไขหรือเปิดเผยข้อมูลการ Control หรือ Process ข้อมูลคลิปเสียงหรือขอคำยินยอมใด ๆ เอาไว้เลย แถมยังเป็นการใช้ข้อมูลโดยมีบุคคลที่สาม (3rd Party) เป็นผู้จัดการอีกด้วย งานนี้ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ ล่ะก็บอกได้เลยครับว่า “ผิดกฎหมาย”

Quote ตบท้ายต่อไปนี้เป็นถ้อยคำส่วนหนึ่งของการแถลงต่อหน้าสภา Congress โดย Mark Zuckerberg ในเดือนเมษายน ปี 2018 โดยเนื้อหาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฟังคลิปเสียงเพื่อถอดเทปโดยตรง แต่ใช้อ้างอิงความมั่นอกมั่นใจของ CEO หนุ่มได้เป็นอย่างดี…

หากพวกคุณกำลังพูดถึง ทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า พวกเราได้เข้าถึง Microphone ของพวกคุณเพื่อฟังและใช้ประโยชน์สำหรับการโฆษณานั้น บอกได้เลยว่า พวกเราไม่ทำแบบนั้น… – คำแถลงของ Mark Zuckerberg ต่อสภา Congress | เมษายน 2018

อ้างอิง: The Verge | Bloomberg (Subscription)