Google Translate หรือ Google แปลภาษา ที่หลายๆ คนน่าจะใช้บริการบ่อยๆ พัฒนาไปอีกขั้น ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยให้การสื่อสารข้ามภาษาง่ายขึ้น ด้วยการเพิ่ม 2 ฟีเจอร์ใหม่ คือดึง AI มาช่วยในการแปลสด แล้วยังมีฟีเจอร์เรียนภาษาแบบส่วนตัว ที่ตอบโจทย์เฉพาะผู้เรียนนั้นๆ
Google ยกระดับ Translate ด้วย 2 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่
- การสนทนาแบบแปลสด (Live Translation)
- การฝึกภาษาส่วนตัว (Language Practice)
1. การสนทนาแบบแปลสด (Live Conversations)

การท่องเที่ยวหรือพบปะผู้คนต่างชาติจะง่ายขึ้น เมื่อสามารถพูดคุยกันแบบเรียลไทม์ได้ทันที Google Translate เปิดให้ผู้ใช้สนทนาไป-กลับ พร้อมแปลเสียงและข้อความบนหน้าจอ ครอบคลุมมากกว่า 70 ภาษา เช่น อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส ฮินดี เกาหลี อาหรับ และทมิฬ
เพียงเปิดแอป Translate (ทั้ง Android และ iOS) เลือก “Live translate” จากนั้นเลือกภาษาที่ต้องการ แล้วเริ่มพูดได้เลย ระบบจะทำงาน ดังนี้
- อ่านคำแปลออกเสียงให้ทันที
- แสดงบทสนทนาทั้งสองภาษาเป็นข้อความบนหน้าจอ
- สลับภาษาให้อัตโนมัติ โดยเข้าใจจังหวะหยุด เว้นวรรค น้ำเสียง และสำเนียง
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ โมเดลรู้จำเสียงขั้นสูง ที่ช่วยแยกเสียงได้แม้ในที่ที่มีเสียงรบกวน เช่น สนามบินหรือร้านกาแฟ ทำให้ได้ประสบการณ์ที่ราบรื่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ฟีเจอร์นี้เริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วใน สหรัฐอเมริกา อินเดีย และเม็กซิโก
2. ฟีเจอร์ฝึกภาษาแบบส่วนตัว (Customized Language Learning)

Google Translate ไม่ได้มีแค่การแปล แต่ยังเป็นผู้ช่วยเรียนภาษาได้ด้วย โดยเฉพาะ การสนทนา ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นทักษะที่ยากที่สุด Google จึงเปิดตัวโหมด “Practice” สำหรับการฝึกฟังและพูด ที่ออกแบบมาให้ตรงกับเป้าหมายของแต่ละคน
จุดเด่น
- ตั้งค่าระดับทักษะและเป้าหมายได้เอง (เริ่มต้น / ขั้นสูง)
- สร้างสถานการณ์การสนทนาจำลองอัตโนมัติ
- ฝึกฟัง – แตะคำที่ได้ยินเพื่อเสริมความเข้าใจ
- ฝึกพูด – มีคำแนะนำช่วยเมื่อพูดติดขัด
- ติดตามความก้าวหน้าประจำวัน เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจ
ฟีเจอร์นี้เริ่มทดสอบแล้วในเวอร์ชันเบต้า เปิดให้ ผู้ใช้ภาษาอังกฤษ ฝึกสเปนและฝรั่งเศส รวมถึง ผู้ใช้สเปน ฝรั่งเศส และโปรตุเกส ที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษ
พลังของ AI ในการแปลภาษา
การอัปเดตทั้งหมดนี้เป็นผลจากความก้าวหน้าในด้าน AI และ Machine Learning โดยเฉพาะโมเดล Gemini ที่ช่วยให้ Google Translate แปลได้แม่นยำและเร็วขึ้น รองรับการแปลหลายรูปแบบ (ข้อความ เสียง ภาพ) พัฒนาระบบ Text-to-Speech (TTS) ให้เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
Comment