HUAWEI เปิดตัวระบบปฏิบัติการ HarmonyOS อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นด้านการเชื่อมต่อเพื่อทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์หลายชิ้น โดยมีการโต้ตอบที่เรียบง่ายและราบรื่น ทางบริษัทอธิบายแนวคิดดังกล่าวด้วยสโลแกนสั้น ๆ แต่เข้าใจง่ายว่า “One as All, All as One”

HarmonyOS หนึ่งเดียวคือทุกสิ่ง ทุกสิ่งคือหนึ่งเดียว

ปัจจุบันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีอุปกรณ์อัจฉริยะเพียงแค่มือถือ อาจมีทั้งแท็บเล็ต นาฬิกาข้อมือ หูฟังไร้สาย เครื่องใช้ภายในบ้านต่าง ๆ เช่น ทีวี หรือหม้อหุงข้าว อุปกรณ์เหล่านี้มีความฉลาดและมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน แต่ยังขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีขั้นตอนในการเชื่อมต่อที่ซับซ้อนและวุ่นวาย แถมยังอาจมีระบบปฏิบัติการที่ไม่เหมือนกันสักชิ้นอีกต่างหาก สุดท้ายจึงไม่สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดออกมาได้อย่างที่ควรจะเป็น

HUAWEI จึงได้ออกแบบ HarmonyOS มาเพื่อแก้ปัญหานี้ ให้ปรับใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นกับหลากหลายอุปกรณ์ทั้งเล็กและใหญ่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีหน่วยประมวลผลที่ทรงพลังหรือหน่วยความจำที่มากมายอะไรเลย ไล่ตั้งแต่มือถือยันกล้องถ่ายรูป หรือแม้แต่โคมไฟที่อาจมี RAM แค่ 128KB

อันที่จริงต้องบอกว่า รากฐานแนวคิดของ HarmonyOS นั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับ 1+8N เดิม ที่บริษัทฯ เคยนำเสนอไปในปี 2563 โดยมีสมาร์ทโฟนเป็นศูนย์กลางสำหรับเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่คราวนี้ HUAWEI ได้ต่อยอดและยกระดับการทำงานขึ้นไปอีกขั้น

Control Panel ศูนย์รวมการควบคุมทั้งหมด

HarmonyOS มีส่วนที่เรียกว่า Control Panel เป็นหัวใจหลักในการควบคุมบริการต่าง ๆ มีวิดเจ็ตแผงควบคุมเพลงที่สามารถสลับระหว่างแต่ละแอปได้อย่างง่ายดาย และสามารถกำหนดได้ทันทีจากตรงนี้ว่า ต้องการให้เสียงไปออกที่อุปกรณ์ชิ้นไหน

หากเลื่อนลงมาด้านล่างจะเป็นในส่วนของการควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ ที่นำมาเชื่อมต่อ สามารถมองเห็นสถานะการทำงานและสั่งเปิดหรือปิดได้จากตรงนี้โดยตรงเลยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเป็น HarmonyOS เหมือนกันจะสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ได้แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งจะแตกต่างกับทั่ว ๆ ไปที่มักบังคับให้ติดตั้งแอปเฉพาะตัวเพิ่ม

 

ตอนนี้ Control Panel มีอยู่ในสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสมาร์ทวอร์ช แต่ HUAWEI ตั้งใจว่า อุปกรณ์ HarmonyOS ใด ๆ ที่มีหน้าจอแสดงผลจะต้องมี Control Panel ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีส่วนขยายที่เรียกว่า Super Device ซึ่งจะกล่าวถึงในส่วนถัดไป

 

Super Device เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์อย่างง่ายดาย

ส่วนที่เป็นไฮไลต์ที่สุดที่ HUAWEI นำเสนอคือ Super Device เมื่อเรียกใช้งานฟังก์ชันนนี้ เราจะมองเห็นอุปกรณ์หลักอยู่ตรงกลาง และรายล้อมไปด้วยอุปกรณ์อื่น ๆ สามารถแตะแล้วลากไอคอนอุปกรณ์ที่ต้องการมาสัมผัสกันจะเป็นการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ในทางตรงกันข้าม หากต้องการยุติการเชื่อมต่อก็เพียงแค่ลากไอคอนให้แยกออกจากกัน

บริษัทฯ กล่าวว่า วิธีการเชื่อมต่อลักษณะนี้ สะดวกและง่ายดายกว่าที่ผ่าน ๆ มามาก อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตและพีซีเพื่อถ่ายโอนข้อมูล หรือแคสต์หน้าจอขึ้นไปแสดงผลแบบไร้สายได้อีกด้วย

Task Center ใช้งานอุปกรณ์ IoT ได้ทุกฟังก์ชัน ไม่ต้องติดตั้งแอปเพิ่ม

อุปกรณ์จำพวกมือถือ แท็บเล็ต สมาร์ทวอทช์ และทีวี บนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS สามารถใช้งานแอปต่าง ๆ จากอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งได้โดยไม่ต้องติดตั้งแอปในตัวเองผ่านฟีเจอร์ Task Center ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Super Device และสามารถดูได้ด้วยว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนเปิดแอปอะไรอยู่บ้าง

 

Atomic Services เข้าถึงวิดเจ็ตอย่างรวดเร็ว แค่ปัดแอปขึ้นในหน้าโฮม

หน้าจอหลักของ HarmonyOS ได้มีการออกแบบให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น แต่ที่น่าสนใจจริง ๆ คือ ฟีเจอร์ Atomic Services หากปัดนิ้วขึ้นจากแอปบนหน้าจอโฮมจะปรากฏเป็นวิดเจ็ตที่แสดงผลสถานะต่าง ๆ หรือแผงควบคุมขึ้นมาแบบเรียลไทม์ ไม่จำเป็นต้องกดเข้าไปในแอปนั้น ๆ โดยตรง ดูแล้วสะดวกน่าใช้งานมาก ๆ และจะมี Service Widgets เป็นหน้ารวมวิดเจ็ตแยกต่างหากอีกหน้าหนึ่ง แต่ส่วนนี้ตัวแอปจะต้องรองรับด้วยนะครับ

HarmonyOS มีประสิทธิภาพเหนือกว่า EMUI

HUAWEI เคลมว่า แม้หน่วยความจำจะเหลือพื้นที่เพียงน้อยนิด แต่ประสิทธิภาพในการอ่านและเขียนข้อมูลของอุปกรณ์ HarmonyOS นั้นแทบจะไม่ตกลงไปจากเดิม เป็นประสิทธิภาพที่เหนือกว่า EMUI มาก นอกจากนี้ยังมีการเอ่ยถึงการปรับปรุงด้านมัลติทาสก์และการบริโภคพลังงานที่ดีกว่าเดิมด้วยเช่นกัน

สุดท้าย เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย HUAWEI บอกว่า แอปบนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของตัวเองนั้นถูกทดสอบและตรวจสอบอย่างระมัดระวังในทุก ๆ ขั้นตอนตลอดช่วงการพัฒนา และแม้จะชูจุดเด่นด้านการเชื่อมต่อเป็นหลัก แต่ก็มีการปกป้องความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด คนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของเราได้ถ้าไม่มีการให้สิทธิ์ยินยอมโดยเจ้าของ

อุปกรณ์ชุดแรกจาก HUAWEI ที่เปิดตัวพร้อมกับ HarmonyOS คือ Mate Pad 11, Mate Pad Pro, Watch 3 และ Watch 3 Pro ในขณะที่มือถือในซีรีส์เรือธง P50 จะตามมาภายหลัง แต่ยังไม่มีประกาศกำหนดการที่ชัดเจนครับ ส่วนมือถือ EMUI รุ่นอื่น ๆ จะมีการอัปเดตระบบปฏิบัติการให้ในเร็วนี้ ๆ