Huawei Technologies บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากจีนออกมาแถลงข่าวว่าในปีนี้จะมีการเพิ่มงบสำหรับวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพิ่มเป็นราวๆ 1.5 ถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพื่อขึ้นมาเป็นผู้นำในศึกพัฒนาเทคโนโลยี 5G ที่จะไปอยู่ในมือผู้บริโภคในอนาคตอันใกล้นี้

ย้อนไปเมื่อปี 2017 Huawei ใช้เงินไปกับแผนก R&D (Research & Development) ทั้งหมด 8.97 หมื่นล้านหยวนหรือประมาณ 1.323 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งตรงกับที่ทางบริษัทเคยประกาศไว้ว่าจะใช้เงินลงทุนอยู่ในช่วง 1 ถึง 2 หมื่นล้านเหรียญ โดยงบที่ใช้ไปจำนวนนี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 14.9% ของรายได้สุทธิ ส่วนในปีนี้จะมีการปรับงบสำหรับการวิจัยระดับพื้นฐานต่างๆเพิ่มเป็น 20-30% ของงบ R&D ทั้งหมด จากเดิมที่คาดกันว่าใช้ไปเพียง 10%

นับได้ว่า Huawei เป็นหนึ่งบริษัทที่มีการใช้งบ R&D มากที่สุดในโลก เป็นรองเพียงแค่บริษัท Alphabet ของ Google และ Amazon ที่ใช้งบ R&D ไป 2.26 และ 1.66 หมื่นล้านเหรียญในปี 2017 (ข้อมูลจากงบการเงินที่แต่ละบริษัทประกาศออกมา) Huawei เผยว่าในแผนก R&D มีคนงานอยู่ราวๆ 80,000 ชีวิต คิดเป็น 45% ของแรงงานทั้งหมดในบริษัท

หนึ่งในเหตุผลที่ Huawei ต้องเพิ่มงบวิจัยเป็นเพราะทั้งสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, และสหราชอาณาจักรต่างกำลังผลักไสบริษัทด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของเทคโนโลยีการสื่อสารในช่วงเวลาที่สถานการณ์ทางการเมืองตึงเครียดอยู่ในตอนนี้ นอกจากนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนทางการอังกฤษยังเผยอีกว่าปัญหาทางเทคนิคและการผลิตอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค Huawei ส่งผลให้เครือข่ายโทรคมนาคมของสหราชอาณาจักรตกอยู่ในความเสี่ยง และนักการเมืองทั้งจากสหรัฐกับออสเตรเลียต่างกล่าวหา Huawei ว่าเป็นบริษัทที่ช่วยรัฐบาลจีนสอดแนมข้อมูล ถึงแม้ว่าทางบริษัทจะปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ไปแล้วหลายครั้งก็ตาม

Huawei เผยว่าบริษัทจะตั้งราคาทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G นี้อย่างยุติธรรมและสมเหตุสมผล เพื่อให้เทคโนโลยีของตนเป็นที่ยอมรับและถูกนำไปใช้ในวงกว้างภายในปี 2020 คาดกันว่าในปัจจุบัน Huawei กำลังถือครองสิทธิบัตรที่สำคัญของเทคโนโลยี 5G ไว้มากถึง 10% จากทั่วโลก เป็นตัวเลขที่ก้าวกระโดดจากเปอร์เซ็นต์สิทธิบัตรในยุค 3G/4G

 

ที่มา: Reuters