กสทช.เร่งสำนักงานให้ทำรายงานด่วนใน 7 วัน เพื่อชี้แจงประเด็นที่สภาพัฒน์ฯ ร้องขอให้ทบทวนเรื่องการกำกับดูแล หลังทรู – ดีแทคควบรวมกิจการ ทำให้มีผู้ร้องเรียนเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่ดีและราคาแพงขึ้นเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ กสทช. ได้สร้างดัชนีโทรคมนาคมขึ้นมาเพื่อหาค่าบริการพื้นฐานของปัจจุบันว่าถูกหรือแพง คาดว่าได้คำตอบในไตรมาสที่ 2/2567

หลังจากที่มีการประชุมคณะ กสทช. ก็ได้นำประเด็นการร้องเรียนของประชาชนในกรณีทรู-ดีแทคควบรวมกิจการ ที่อาจมีการเข้าข่ายค้ากำไรเกินควรขึ้นมา โดยทางสภาพัฒน์ได้ระบุว่า ผลกระทบของผู้บริโภคหลังจากที่ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ควบรวมกิจการ ส่งผลให้ค่าบริการรายเดือนของมือถือเพิ่มขึ้น และบางแพ็กเกจถูกลดนาทีโทรออกลง เช่น แพ็กเกจราคา 349 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 399 บาท พร้อมทั้งมีการลดปริมาณและความเร็วอินเทอร์เน็ตลง และแพ็กเกจราคา 499 และ 599 บาท ถูกลดนาทีลงจาก 300 นาที เหลือ 250 นาที ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตาม อีกทั้งยังมีผู้บริโภคที่ประสบปัญหาเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นด้วย

จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการทุกเครือข่ายมือถือทั่วประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พบว่าประเด็นที่เป็นปัญหามากที่สุด คือ ปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตช้า รองลงมาคือ ปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตหลุดบ่อย ซึ่งมีผู้บริโภคร้องเรียนไปยังคอลเซ็นเตอร์ของผู้ให้บริการแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล

และถึงแม้ว่าทาง กสทช. จะออกมาตรการดูแลและคุ้มครองผู้บริโภค แต่ก็ยังมีการร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้ กสทช. มีการทบทวนหรือเพิ่มแนวทางการกำกับดูแลที่ชัดเจนและเข้มข้นขึ้น อย่างเช่น กำหนดเพดานราคาของค่าบริการเฉลี่ยให้เหมาะสม และส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่อย่างจริงจังมากขึ้น เป็นต้น

ทั้งนี้ ทาง กสทช.ได้มีการเร่งให้ทางสำนักงานฯ ทำรายงานชี้แจงเรื่องการบริการ คุณภาพ และราคาแพ็กเกจแบบละเอียด ภายใน 7 วัน จากนั้นทางบอดร์ด กทสช.จะพิจารณาและชี้แจงต่อประชาชนต่อไป แต่ในการวัดค่าบริการในปัจจุบันยังมีความซับซ้อน เนื่องจากบริบทในการให้บริการมีความแตกต่างกัน แต่ละหน่วยงานก็มีตัวเลขชี้วัดเฉพาะของตนเอง อีกทั้งข้อร้องเรียนดังกล่าวก็ยังไม่มีเครื่องมือมาช่วยชี้วัดได้

ซึ่งตอนนี้ฝ่ายวิชาการของ กสทช. ได้มีการสร้างดัชนีโทรคมนาคมขึ้นมา เพื่อหาค่าบริการมือถือที่เป็นข้อมูลกลาง ขั้นตอนต่อไปคือรอให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องยอมรับระเบียบก่อน จึงจะสามารถนำข้อมูลตัวเลขต่าง ๆ มาใส่เพื่อหาข้อมูลดังกล่าวได้ คาดว่าจะได้คำตอบทางด้านราคาในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 นี้ค่ะ

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ