ยุคสตรีมมิ่งดุเดือดแบบนี้ ผู้เล่นต่าง ๆ ก็ต้องแข่งกันกันที่เนื้อหาของหนังและซีรีส์นี่แหละ แพลตฟอร์มไหนมีเรื่องเด่นโดนใจก็จะได้ดึงให้คนมาสมัครสมาชิกได้มากขึ้น โดยทาง Netflix ก็พยายามจะเฟ้นหาความต้องการของผู้ชมว่าอยากดูอะไรกันบ้าง ผ่านการขยายกลุ่มผู้ชมหนังล่วงหน้า เพื่อที่จะได้นำคำวิจารณ์ต่าง ๆ มาปรับปรุงเนื้อหาของหนังก่อนจะเปิดให้ผู้ชมทั่วไปได้รับชมกันทั่วโลก

Netflix Preview Club เกิดขึ้นมาในปี 2021 เป็นโปรแกรมรวมผู้ชม Netflix ในสหรัฐฯ ให้มานั่งดูหนังและซีรีส์ต่าง ๆ เพื่อจะได้คำติชมไปแก้ไขให้หนังเป็นไปตามความชอบของคนส่วนใหญ่ เดิมทีมีสมาชิกอยู่เพียง 2,000 คน แต่จากรายงานระบุว่าจะขยายคนมากขึ้น 400% หรืออีก 8,000 คน ภายในช่วงต้นปี 2023 นี้ครับ

ผู้ใช้ Reddit คนนึงที่อ้างว่าอยู่ในโปรแกรม ระบุว่า Netflix ละเลือกคนเข้ามาในกลุ่มด้วยการส่งคำเชิญให้เท่านั้น ไม่มีให้ไปสมัครเองนะ หลังจากนั้นก็จะมีการเซ็นสัญญารักษาความลับ NDA ก่อนจะได้เริ่มชมหนังต่าง ๆ พอดูจบแล้วก็จะมีแบบสอบถามให้ตอบ ทั้งนี้ บัญชีที่ได้รับชมก็จะเป็นบัญชีพิเศษจาก Netflix ที่เค้าจะคอยส่งอีเมลมาบอกให้ดูเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อรีวิว

โปรแกรมนี้ก็เคยมีผลงานชิ้นโบแดงมาแล้ว อย่างการเปลี่ยนหนัง Don’t Look Up ที่ตามเดิมค่อนข้างมีความจริงจังมาก ๆ ให้ใส่มุกตลกขำขันมากขึ้นก่อนฉายจริง ซึ่งพอหนังออกมาก็ได้ผลตอบรับจากนักวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แม้ว่าคนดูทั่วไปจะค่อนข้างชอบกันอยู่พอตัว ดูจากคะแนน Rotten Tomatoes 78% แถมยังถูกเสนอชื่อเข้าชิง Oscar ถึง 4 รางวัลด้วยกัน อีกทั้งคนดูใน Netflix ก็ชอบกันมาก ๆ ทะลุสถิติการดูต่อสัปดาห์ไปที่ 152.29 ล้านชั่วโมง

จากรายงานพบว่า Netflix ตั้งทุนไว้แล้วว่าจะใช้เงินราว 1.7 หมื่นล้านเหรียญ หรือราว 6 แสนล้านบาท ไปกับการสร้างหนังและคอนเทนต์ต่าง ๆ ดังนั้นโปรแกรมนี้ก็คงเป็นอีกเครื่องมือช่วยการันตีว่าเม็ดเงินที่ใช้ไปจะไม่สูญเปล่า หนังทุกเรื่องออกมาแล้วต้องปัง!

ซึ่งหลังจากที่ Netflix เจอมรสุมเสียผู้ใช้งานไปจำนวนมากช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2022 ก็กลับฟื้นตัวขึ้นมาได้ในไตรมาสที่ 3 โดยมีผู้สมัครสมาชิกมากถึง 223 ล้านรายทั่วโลก ดังนั้นโปรแกรมนี้อาจจะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วย Netflix ขยายฐานผู้ใช้งานได้มากขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ

ก็หวังว่าพอมีคนคอยให้ Feedback มากขึ้นก็คงจะเพิ่มรายการ และโชว์คุณภาพให้มากขึ้นกว่านี้อีก พอได้แล้วนะพวกรายการทำเค้กทำขนมทั้งหลายน่ะ ใครมันจะไปดู!

 

ที่มา : techcrunch, reuter