แพลตฟอร์มสตรีมหนังและซีรีส์ชื่อดังอย่าง Netflix ได้ออกมาประกาศขึ้นราคาค่าบริการอีกแล้วในสหรัฐฯ โดยแพ็คเกจที่ได้รับผลประทบในครั้งนี้จะเป็น Standard Plan ปรับเพิ่มขึ้นเป็น $14 ต่อเดือน (จากเดิม $13) และ Premium Plan ที่หาตี้มาหารกันได้สูงสุด 4 คน เพิ่มเป็น $18 ต่อเดือน (จากเดิม $16) ส่วน Basic Plan ยังราคาเดิม ด้าน Spotify มีแนวโน้มอาจจะปรับราคารายเดือนขึ้นตามไปอีกเจ้า

การปรับราคาขึ้นในครั้งนี้ของ Netflix จะไม่ได้มีผลทันทีแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนนี้ทาง Netflix จะแจ้งเตือนผ่านอีเมลและตัวแอปล่วงหน้า 30 วัน ส่วนคนที่ยังไม่มีบัญชี หรือยังไม่เคยสมัคร Netflix มาก่อน ตรงนี้การปรับราคาขึ้นจะมีผลทันที แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้นะครับ ซึ่งต้องบอกว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Netflix ขึ้นค่าบริการในสหรัฐฯ นะ เพราะช่วงต้นปี 2019 พวกเขาก็เคยปรับค่าบริการรายเดือนขึ้นมาแล้ว

โดย Netflix ถือว่ามีงบประมาณทำหนังที่สูงเอามากๆ กว่า 17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 529,694,500 บาท เลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าทั่วโลกจะเจอเข้ากับปัญหาการระบาดของโรค COVID-19 อย่างจัง ทำให้บางค่ายจำใจต้องเลื่อนการฉายหนังออกไปอย่างไม่มีกำหนด หรือฉายช้ากว่าเดิม (ยกตัวอย่างเช่น TENET ที่โดนพิษสงดีเลย์เลื่อนไปถึง 3 รอบ) แต่ว่า Netflix กลับวางแผนจะปล่อยหนังและซีรีส์เหมือนที่วางแผนเอาไว้ก่อนจะมีโควิด อีกทั้งพวกเขายังตั้งเป้าที่จะปล่อยคอนเทนต์เยอะกว่าเดิมในปีหน้าอีกด้วย

ปัจจุบัน แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหนังและซีรีส์ออนไลน์ถูกกฎหมายถือว่าได้รับความนิยมและมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าเมื่อก่อนมากๆ ทำให้หลายฝ่ายคิดว่าการขึ้นค่าบริการของ Netflix ในครั้งนี้จะทำให้ยอดผู้ใช้งานตกลงหรือเปล่า อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่า คอนเทนต์ของ Netflix นั้นมีความหลากหลายแบบสุดๆ ทำให้เชื่อว่าแม้จะมีค่าบริการที่สูงขึ้น แต่ไม่น่าจะมีคนบอกลาไปซบอกค่ายอื่นอย่างแน่นอน

Spotify อาจปรับราคาขึ้นอีกเจ้า หลังผลประกอบการ Q3 2020 ขาดทุนหนัก

ดูเหมือนว่านอกจาก Netflix แล้ว Spotify อีกหนึ่งแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ชื่อดัง ก็เตรียมตบเท้าเป็นอีกเจ้าที่ปรับราคาขึ้นในสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน เนื่องจากการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ พบว่าพวกเขาขาดทุนมากถึง 118 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 5,800 ล้านบาท แม้ว่าจะมียอดผู้ใช้งานแบบเสียเงินแตะหลัก 144 ล้านบัญชีก็ตาม

ทำให้ตรงนี้มีคนคาดการณ์ว่า Spotify อาจจะเดินตามรอย Netflix ปรับราคาค่าบริการรายเดือนขึ้นจากเดิม 1 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 30 บาท) นั่นเอง ซึ่งมองเผินๆ อาจจะดูเหมือนน้อย แต่ถ้าลองมาคิดดูดีๆ แล้ว การปรับราคาเพิ่มในครั้งนี้ (หากเกิดขึ้นจริง) จะทำให้ Spotify นั้นมีรายได้มากกว่าเดิมถึง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 37,236,000,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว (นับเฉพาะผู้ใช้งานในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ)

กราฟผลประกอบการของ Spotify ในช่วง Q3 2020 ที่ผ่านมา

แต่ Spotify อาจเจอกับงานช้าง ถ้าเกิดมีการขึ้นค่าบริการจริงๆ

แม้ว่าความนิยมจะพอๆ กัน แต่ถ้าหาก Spotify ตัดสินใจขึ้นค่าบริการรายเดือนตาม Netflix ขึ้นมาจริงๆ พวกเขาอาจจะเจอกับงานช้างก็ได้ เนื่องจากตัว Netflix และ Spotify ต่างมีความแตกต่างกันอยู่มากพอสมควร เนื่องจากจุดเด่นที่ทำให้คนสนใจ Netflix นั้น จะอยู่ที่หนังและซีรีส์ประเภท Originals หรือ Exclusive ซึ่งหาดูที่ไหนไม่ได้ ต้องสมัคร Netflix เสียเงินเข้ามาดูเท่านั้น ต่างจาก Spotify ที่ส่วนมากคลังเพลงมักจะไม่ค่อยต่างอะไรกับคู่แข่งอย่าง Apple Music, JOOX หรือ YouTube Music ซะเท่าไหร่

ทำให้ตัวแปรหลักๆ ของการตัดสินใจสมัครบริการ Music Streaming จะอยู่ที่ค่าบริการรายเดือนซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะงั้นแล้วหาก Spotify ขึ้นค่าบริการมาจริงๆ ล่ะก็ เราอาจจะได้เห็นการอพยพของผู้ใช้งานจากค่ายเขียวไปค่ายอื่นๆ ก็ได้

อย่างไรก็ดี การปรับราคาค่าบริการของ Netflix (รวมถึง Spotify ที่อาจทำตามในอนาคต) ณ ตอนนี้ ยังไม่ได้ส่งผลถึงบ้านเรานะครับ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เดือนที่แล้วจ่ายเท่าไหร่ เดือนนี้ก็ยังเท่าเดิม ส่วนใครที่เกาะเพื่อนใช้ฟรีอยู่ อันนี้ก็อย่าลืมไปใช้เพื่อนจ่ายกันบ้างนะคร้าบบ 😂

 

Source: DigitalMusicNews, Cnet