แม้ Nintendo Switch OLED Model จะวางขายมาได้ราว 3 หรือ 4 เดือนแล้ว แต่การอัปเกรดจอภาพจาก LCD มาเป็น OLED ทำให้คนบางส่วนเป็นกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่เจอกับอาการ “เบิร์นอิน” หรือที่เรียกกันว่า “จอเบิร์น” จนทำให้เกิดความรู้สึกลังเล กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะซื้อขึ้นมา YouTuber รายหนึ่งจึงจับ Nintendo Switch OLED Model มาทดสอบแบบหฤโหดให้ดู โดยการเปิดภาพเดิมค้างไว้ที่ความสว่างสูงสุด เป็นเวลานานกว่า 1,800 ชั่วโมง
เปิดภาพเดิมคาไว้ พร้อมปรับความสว่างเต็มพิกัด
WULFF DEN เจ้าของช่อง YouTube ผู้มียอดติดตามกว่า 6 แสนคน ใช้วิธีทดสอบโดยการเปิดภาพสกรีนช็อตจากเกม The Legend of Zelda: Breath of the Wild แล้วเปิดฟังก์ชันกดปุ่มอัตโนมัติจากคอนโทรลเลอร์เพื่อไม่ให้จอดับ
หลังผ่านไปกว่า 1,800 ชั่วโมง WULFF DEN ได้นำ Nintendo Switch OLED Model เครื่องดังกล่าวมาเทียบกับอีกเครื่องที่แทบไม่ผ่านการใช้งานในส่วนของจอมาก่อน ผลปรากฏว่า เจ้าตัวไม่เจอกับจุดที่มาอาการเบิร์นอินเลยแม้แต่นิดเดียว เปิดภาพเทียบกันเฟรมต่อเฟรมก็ไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
ไม่พบปัญหาจอเบิร์นแม้ผ่านไปแล้วกว่า 1,800 ชั่วโมง
จอภาพของ Nintendo Switch OLED Medel ทั้งสองเครื่อง มีข้อแตกต่างเล็กน้อยในส่วนของโทนสีขาวที่ไม่เท่ากัน โดยมีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ ไดโอดเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือสีของจอไม่เท่ากันตั้งแต่แรก (เป็นเรื่องปกติของสายการผลิตหน้าจอ) แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การทดสอบนี้ชี้ให้เห็นว่า พาเนล OLED นั้นอาจทนทานกว่าที่ใครหลายคนคิด ไม่ได้เบิร์นอินกันง่าย ๆ ขนาดนั้น ซึ่งในการใช้งานจริงคงไม่มีใครเปิดภาพเดิมค้างเอาไว้ด้วยความสว่างสูงสุดตลอดเวลาด้วย
ทั้งนี้ WULFF DEN ดูจะพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างมาก แต่เจ้าตัวยังคงเดินหน้าทำการทดสอบต่อไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า สุดท้ายแล้วจอของ Nintendo Switch OLED Model จะออกอาการตอนไหน
ภาพจาก BassyDave
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกซื้อ Nintendo Switch OLED Model มีอีกประเด็นหนึ่งที่ควรพิจารณา คือ ปัญหาเรื่อง “จอเขียว” ซึ่งเป็นปัญหาในระดับฮาร์ดแวร์ที่มีคนพบเจอกันเยอะ แตกต่างกันที่เป็นมากหรือเป็นน้อย พบเห็นได้เมื่อหรี่แสงจอในระดับต่ำ พร้อมเปิดภาพโทนสีดำหรือเทา ซึ่งหากโชคดีหน่อยก็ไม่ส่งผลกับการใช้งานปกติครับ
ที่มา : WULFF DEN จาก Nintendo Life
Comment