ถ้าให้พูดถึง Amazon เราคงนึกถึงเว็บขายของออนไลน์ที่มีขายตั้งแต่ สิ่งของชิ้นเล็กๆ ยันเรือรบ ซึ่งในแต่ละวันมีผู้คนทั่วโลกใช้บริการเว็บนี้ และสร้างรายได้ให้กับตัวเองมามากมาย แต่ที่ผมจะเขียนในบทความนี้นั้นคือ เมื่อ Amazon ได้คิดแผนการใหญ่ก้าวเดินทางสู่เส้นทางแห่งวงการเกมด้วยการทุ่มเงินกว่า 50 ล้านดอลล่าร์ !! เรามาดูกันดีกว่าว่า Amazon ใช้เงินเยอะขนาดนั้นไปกับใคร ที่ไหน อะไรยังไง ? จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างหรือเปล่า เรามาดูกันเลยครับผม

ลงทุนไปกับใครกัน ??

น่าจะเป็นคำถามแรกๆ เลยที่นึกขึ้นมาในหัว คำตอบก็คือ ซื้อเอนจิ้น CryEngine ของบริษัท Crytek หลายๆ คนที่เล่นเกม Offline PC มาหรือ Online PC น่าจะเคยได้ยินชื่อ CryEngine กันมาบ้างเพราะในวงการเกมปัจจุบันถ้าไม่นับเกมที่ใช้เอนจิ้นของตัวเอง ก็จะมี CryEngine ของค่าย Crytek กับ Unreal Engine จากค่าย Epic Games ที่เกมตอนนี้ใช้กันหลายเกมไม่ว่าจะเป็น Monster Hunter Online , Batman เป็นต้น 

จริงๆ แล้วตัว Crytek เองก็เจอปัญหามานานแล้วกับหนี้สินที่ติดตัวมาอย่างยาวนานกับการพัฒนาเกมของค่ายตัวเอง ถึงแม้จะมีเกมที่ขายได้ Crysis แต่เกมอื่นๆ กับสอบตกทั้งสิ้น ทำให้มันกลายเป็นปัญหาอย่างยาวนานจนสุดท้ายก็ต้องยอมขาย CryEngine ให้กับ Amazon 

นี้ไม่ใช่ก้าวแรกของ Amazon ในวงการเกม

ย้อนกลับไปในช่วงปี 1999 Amazon ได้พัฒนารูปแบบการขายจากแผ่น/ตลับมาสู่ดิจิตอลเพื่อให้ตามทันยุคสมัยของกาลเปลี่ยนแปลง จากนั้นก็เปลี่ยนตัวเองมาเป็น ร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนสุดท้าย กลายมาเป็น เว็บจัดจำหน่ายรายใหญ่ของโลก โดยตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เกมก็เป็นสิ่งที่สร้างชื่อ ทุกวันนี้เหล่าเกมเมอร์ยังต้องมานั่งลุ้นเกมใน Offline PC ลดราคาใน Amazon เลยรวมถึงตัวผมด้วย 555 

เมื่อเกมกลายเป็นสิ่งที่สร้างชื่อให้กับ Amazon ว่าแล้วก็เลยจัดการซื้อช่อง Stream ชื่อดังที่เหล่าเกมเมอร์ยกให้เป็นเบอร์ 1 อย่าง Twitch ด้วยเงินราวๆ 970 ล้านดอลลาร์ ตัดหน้าเจ้าใหญ่อย่าง Google แถมยังดึงนักพัฒนาเกมชื่อดังจากหลายๆ ค่ายเข้ามาอยู่ในทีม Amazon Game Studios อาทิ Clint Hocking (Far Cry 2) Kim Swift (Portal) และ Ian Vogal (Microsoft) รวมถึงซื้อกิจการค่ายพัฒนาเกมอย่าง Double Helix (Killer Instinct) ซึ่งทำให้ Amazon Game Studios มีความแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนี้จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างก็ตามที

นอกจากพวกนี้แล้ว Amazon ยังเคยผลิตฮาร์ดแวร์ด้วยนะ

จริงๆ แล้ว Amazon ยังเคยผลิตฮาร์ดแวร์มาแล้วอย่างเช่น Fire (Tablet), Fire Phone (Smart Phone), Fire TV (TV Box) ซึ่งถึงแม้มันจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีประสบการณืเหล่านั้นหลังจากที่ได้พัฒนาวงการ eReader และ eBook ให้ขึ้นถึงจุดสูงสุดจนโด่งดังเหมือนทุกวันนี้

คู่แข่งหลายสำคัญ

นอกจาก Microsoft และ Apple ที่ถือเป็นคู่แข่งรายสำคัญที่ Amazon ต้องแข่งขันด้วยแล้วนั้น ยังมี Tencent ของจีนที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเทพแห่งสายคอนโซลอย่าง Sony , Nintendo ยังไม่รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ในเกาหลี/จีน หลายที่เลยทีเดียว ซึ่งถ้านับจากตรงนี้ก็มีมากกว่า 5 คู่แข่งแล้วที่ Amazon จะต้องก้าวข้ามไปให้ได้ แต่ก็ไม่แน่สักวันนึงเราอาจจะได้เล่นเกมของ Amazon  ในเร็วๆ นี้ แว่วๆ มาว่า 2016 แถวพร้อมจะลงบนแพลตฟอร์มมือถืออีกด้วย 

จากตรงนี้คิดว่าการเข้ามาซื้อ Crytek คงจะเป็นเหมือนบันไดก้าวต่อไปสำหรับ Amazon เพื่อให้ก้าวเข้าสู่วงการนี้ได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น ก็ต้องตามกันต่อไปว่า Amazon จะใช้  CryEngine เปิดตัวในเกมมือถือหรือไม่ จะมีเกมแบบไหนรอเราอยู่ปีหน้ารู้กัน !!