Nothing กลับมาอีกครั้งกับหูฟังดีไซน์ไม่เหมือนใคร โดยในปี 2024 ได้เปิดตัวมาให้เลือกสรรกันถึง 2 รุ่น ได้แก่ Nothing Ear ที่เป็นภาคต่อจาก Nothing Ear (2) โดยตรงพร้อมอัปเกรดแบตเตอรี่ ใช้งานได้นานขึ้น และ Nothing Ear (a) ที่เป็นรุ่นราคาประหยัดถูกที่สุดในบรรดาหูฟังไร้สายของแบรนด์พร้อมดีไซน์เคสแบบใหม่กับการมาของสีเหลืองเป็นครั้งแรก ส่วนราคาในไทยเปิดมาเริ่มต้นที่ 3,799 บาทเท่านั้น

เปิดตัว Nothing Ear

Nothing Ear รอบนี้เปรียบเสมือน Nothing Ear (3) ที่ตัดเลขท้ายข้างหลังออก มากับหน้าตาและดีไซน์ และใช้เคสขนาดเดิมแบบ 100% ต่างกันที่ตัวหูฟังที่รอบนี้ขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และหนักขึ้นนิดหน่อยจาก 4.5 กรัม เป็น 4.62 กรัม รองรับมาตรฐานทนน้ำ IP54 ที่ตัวหูฟัง และ IP54 ที่ตัวเคสเหมือนเดิม

ส่วนสิ่งที่อัปเกรดมาในรุ่นนี้คือไดรเวอร์หูฟังที่เปลี่ยนมาใช้เป็นไดรเวอร์แบบเซรามิกขนาด 11 มม. เพิ่มการไหลเวียนของอากาศภายในหูฟังแต่ละข้างขึ้น 10% และใช้ไดอะแฟรมเซรามิกใหม่ เพื่อลดความบิดเบือนของเสียง ทำให้ได้เสียงที่คมชัดขึ้น ซึ่งนอกจากวัสดุแล้วรุ่นนี้ยังได้เพิ่มการเคลื่อนไหวของไดอะแฟรมกว่า 110% เมื่อเทียบกับ Ear (2) ทำให้ได้เสียงเบสที่นุ่มลึกขึ้น

นอกจากนี้ Nothing Ear รุ่นใหม่ยังได้อัปเกรดความสามารถในการตัดเสียงรบกวนได้ดีขึ้นว่า Ear (2) ถึง 1.8 เท่า ตัดเสียงรบกวนได้สูงถึง 45 dB เพิ่มฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ Smart ANC ที่ช่วยตรวจจับหากมีเสียงรั่วระหว่างหูฟังและช่องหูของผู้ใช้งานอัตโนมัติ จากนั้นระบบก็จะช่วยตัดเสียงรบกวนที่เล็ดลอดเข้ามาได้ทันที แถมยังเพิ่มฟีเจอร์ช่วงเร่งเสียงเบสด้วยอัลกอริทึมด้วย

ด้านแบตเตอรี่ในรุ่นนี้ได้อัปเกรดความจุตัวหูฟังจาก 36 mAh เป็น 46 mAh เช่นเดียวกับตัวเคสที่ให้ความจุเพิ่มเป็น 500 mAh รองรับการฟังเพลงแบบไม่ตัดเสียงรบกวนติดต่อกันได้นานถึง 8.5 ชั่วโมง และใช้ได้นานสุด 42.5 ชั่วโมงเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ ตัวเคสรองรับการชาร์จผ่านสาย USB-C รองรับฟีเจอร์ชาร์จด่วน 10 นาที ใช้ได้นาน 10 ชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบไร้สาย 2.5W

ส่วนการเชื่อมต่อนั้น รุ่นนี้ยังรองรับ Codec แบบ Hi-Res Audio Wireless อย่าง LDAC และ LHDC 5.0 อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน Bluetooth 5.3 เปิดฝาเชื่อมต่อได้รวดเร็วผ่าน Google Fast Pair และ Microsoft Swift Pair เหมือนเดิมทุกประการ

เปิดตัว Nothing Ear (a)

Nothing Ear (a) เป็นหูฟังในระดับเริ่มต้น โดยเปิดราคาในไทยมาได้ถูกกว่า Nothing Ear (Stick) เสียอีก นอกจากนี้ยังได้ยกโฉมเคสชาร์จหูฟังแบบใหม่ จากแท่งลิปสติกเป็นกล่องสบู่สี่เหลี่ยมหลังเต่า ตัวจุกหูฟังเปลี่ยนมาใช้รูปแบบจุก In-Ear เหมือนรุ่นพี่ มาพร้อมไดรเวอร์วัสดุ PMI + TPU ตัวหูฟังมีน้ำหนัก 4.8 กรัม ส่วนตัวเคสเบาที่สุด 39.3 กรัม รองรับมาตรฐานทนน้ำ IP54 ที่ตัวหูฟัง และ IPX2 ที่ตัวเคส

ส่วนฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Nothing Ear (a) คัดมาเฉพาะฟีเจอร์ที่สำคัญ ๆ เท่านั้น อย่างระบบตัดเสียงรบกวนที่ทำได้เหมือนรุ่นใหญ่เป๊ะ ๆ ตัดได้สูงสุด 45db มีฟีเจอร์ Smart ANC และให้อัลกอริทึมการขยายเสียงเบสใช้งาน ส่วน Codec จะรองรับเพียง LDAC เพียงอย่างเดียว และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3, Google Fast Pair และ Microsoft Swift Pair

ด้านแบตเตอรี่รุ่นนี้ให้มาเท่ากับรุ่นใหญ่ ตัวหูฟัง 46 mAh เช่นเดียวกับตัวเคส 500 mAh แต่ด้วยความที่มีฟีเจอร์ไม่เยอะมาก ทำให้ใช้ฟังได้นานสูงสุดถึง 9.5 ชั่วโมงโดยไม่เปิด ANC และร่วมกับเคสชาร์จได้นานสูงสุด 42.5 ชั่วโมง รุ่นนี้รองรับการชาร์จผ่านสาย USB-C เท่านั้น ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย รองรับฟีเจอร์ชาร์จด่วน 10 นาที ใช้ได้นาน 10 ชั่วโมงด้วย

ราคา และการวางจำหน่าย

Nothing Ear และ Nothing Ear (a) เตรียมนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ แต่ยังไม่ระบุวันออกมาอย่างแน่ชัด โดยหน้าเว็บไซต์ของ Nothing ได้ระบุราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ดังนี้

  • Nothing Ear ราคา 5,599 บาท
    • มีสีขาว และสีดำ
  • Nothing Ear (a) ราคา 3,799 บาท
    • มีสีขาว สีเหลือง และสีดำ

ที่มา: Nothing