สายสุขภาพเร่เข้ามาาา…วันนี้มีสายรัดข้อมืออัจฉริยะ OPPO Band 2 ที่มีค่าตัวเป็นมิตรแค่ 2,999 บาท แต่บอกเลยว่าฟีเจอร์ต่าง ๆ จัดเต็มแบบไม่หวงเครื่อง ทั้งหน้าจอแบบ OLED สีสดสวยใช้งานกลางแดดสบาย แถมจอใหญ่ 1.57 นิ้วดูง่ายไม่ต้องเพ่งเยอะ พร้อมระบบตรวจวัดสุขภาพทั้งวัดค่าอ๊อกซิเจน SpO2, วัดชีพจร 24 ชม., โหมดออกกำลังกว่า 100 แบบ และยังมีโหมดที่เน้นเล่นเทนนิส กับโหมดวิ่งระดับโปรด้วย

ดีไซน์สวย จอ AMOLED ใหญ่ 1.57 นิ้ว สู้แดด

OPPO Band 2 มีดีไซน์ตัวเรือนเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขอบโค้งมนดูสวยละมุน ๆ ดี มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือสีขาว-ฟ้า Baby Blue และสีดำ Midnight Black โดยตัวที่เรารีวิวเป็นสี Baby Blue มีขอบเรือนเป็นสีเงินผิวด้าน และสายคาดสีขาว + ฟ้า เป็นแนว Two-tone เพิ่มความเกร๋

ตัวเรือนก็เบาหวิวใส่สบายด้วยน้ำหนักแค่ 33 กรัม จะแกว่งแขน เหวี่ยงมือก็ไม่รู้สึกรำคาญหรือถ่วงเลย เวลาใส่นอนก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไร

ส่วนสายคาดเป็นซิลิโคนน้ำหนักเบาที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ด้วยการงัดตัวล็อคตรงขั้วด้านล่างออกมา และดันสายขึ้นไปทางด้านบนก็ออกมาได้เลย (ตอนถอดครั้งแรกจะแน่นหน่อย)

เอาเล็บแงะตรงนี้ออกมา

หน้าจอเป็นแบบสัมผัสพาเนล AMOLED ขนาด 1.57 นิ้ว ระดับ HD เร่งความสว่างสูงสุดได้ 500 nits ซึ่งจากการใช้งานจริงก็พบว่าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเวลาออกไปกลางแจ้งแดดเปรี้ยง ๆ แต่ยังมีข้อด้อยอีกอย่างคือหน้าจอไม่สามารถปรับแสงสว่างอัตโนมัติได้นะครับ ต้องเปลี่ยนระดับแสงเอาเองระหว่าง 1 – 6

หน้าปัดนาฬิกายังมีให้เลือกเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์เป็นร้อย ๆ แบบ เลือกได้ทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงินก็มี

 

ใช้งานคู่กับแอป HeyTap Health 

การใช้งาน OPPO Band 2 กับมือถือ ต้องทำผ่านแอป HeyTap Health นะครับ โดยในแอปนี้จะเป็นตัวกลางในการจัดการฟีเจอร์ต่าง ๆ และเก็บข้อมูลสุขภาพจาก OPPO Band 2 พร้อมกับใช้ดาวน์โหลดพวกหน้าปัดมาติดตั้งด้วย

 

เรายังเข้าไปตั้งค่าพวกจุดมุ่งหมายในการออกกำลังต่าง ๆ ได้ในแอปนี้ด้วย เข้าไปที่เมนู จัดการ > การออกกำลังกายและสุขภาพ และลองปรับดูให้เหมาะกับตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็น เป้าหมายจำนวนก้าวในแต่ละวัน, การเผาผลาญแคลอรี่แต่ละวัน, แจ้งเตือนหากหัวใจเต้นแรงเกินไปขณะออกกำลัง หรือตรวจจับการออกกำลังอัตโนมัติ

เซนเซอร์วัดระดับสุขภาพ

OPPO Band 2 มีทั้งเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่สามารถตรวจจับชีพจรได้แบบ real-time โดยปัดจอไปด้านซ้าย 2 ที ก็จะเจอกับเมนูอัตราการเต้นหัวใจที่จะเริ่มทันทีเมื่อเราปัดไปที่หน้านั้น

ส่วนการวัดอ๊อกซิเจนในเลือดหรือ SpO2 ให้ปัดจอไปด้านขวา 1 ทีแล้วเลื่อนหาเมนูออกซิจนในเลือด จากนั้นก็ทำมือนิ่ง ๆ ซักพักเพื่อให้เซนเซอร์ทำงานครับ อย่างไรก็ตาม ค่า SpO2 ที่วัดได้จาก OPPO Band 2 อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับการวัดค่าออกซิเจนโดยเฉพาะก็ได้นะครับ เพราะฉะนั้นใครที่มีโอกาสก็ลองเอาไปค่าที่ได้ไปเทียบกับอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกที เพื่อดูว่ามีความคลาดเคลื่อนมากน้อยแค่ไหน สำหรับใช้ในการอ้างอิงคราวหลังครับ

ในหน้าปัดขวานี้ยังรวมการวัดค่าอื่น ๆ ไว้ด้วย เช่น ความเครียด อัตราการเต้นหัวใจ (เลือกเข้าได้ 2 ทาง) และวัดคุณภาพการนอน ซึ่งไม่ต้องทำอะไรเลยแค่ใส่ OPPO Band 2 แล้วเข้านอนเท่านั้นแหละ พอตื่นมามันก็จะบอกข้อมูลว่าเรานอนไปกี่ชั่วโมง หลับลึก-หลับตื้นกี่ ชม. และยังมีข้อมูลเฉลี่ยเป็นสัปดาห์ – เป็นปี ให้ดูด้วยว่าปกติเรานอนเป็นยังไงบ้าง

 

นอกจากนี้ OPPO Band 2 ยังมีโหมดตรวจจับการกรนด้วยการทำงานร่วมกับมือถือ โดยเวลานอนจะต้องเอาไมค์มือถือหันมาที่ตัวเราเพื่อที่มันจะคอยฟังว่าเรากรนมากขนาดไหน และยังเปิดโหมดประเมินการหายใจที่จะคอยวัดค่า SpO2 ของเราเวลานอนหลับ (แน่นอนว่าโหมดนี้จะกินแบตเตอรี่มากขึ้นด้วย)

โหมดออกกำลังเป็น 100

สายสุขภาพที่รักการออกกำลังก็ต้องถูกใจด้วยโหมดการออกกำลังต่าง ๆ ให้เลือกเพียบบบบ กว่า 100 แบบ มีตั้งแต่เบสิคอย่างการเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน ไปจนถึงระดับยากขึ้น อย่างปีนเขา, ปากัวร์, ไทเก๊ก ฯลฯ วิธีเข้าไปเลือกโหมดออกกำลังก็ปัดจอไปทางขวาแล้วเลือกเมนูออกกำลังกายแล้วเลือกแบบที่ต้องการได้เลย

โหมดวิ่งระดับโปร

โหมดวิ่งของ OPPO Band 2 จะมีตัวเลือกให้ได้เลือกกันมากมายเลย ว่าเราต้องการวิ่งแบบไหน ไม่ว่าจะวิ่งเผาไขมัน, วิ่งเพิ่มความทนทานของร่างกาย, อีซีรัน ซึ่งแต่ละแบบก็จะเลือกเงื่อนไขในการวิ่งแบบยิบย่อยออกไปเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบการวิ่งที่เราเลือกเอาไว้ เช่นความเร็ว ระยะเวลา ประมาณนี้

ถ้าจะให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้นไปอีกก็ต้องเชื่อมต่อกับมือถือเอาไว้สำหรับใช้งานระบบ GPS เพื่อติดตามว่าเราได้วิ่งไกลแค่ไหน ใช้เวลาเท่าไหร่ เบิร์นมากแค่ไหน ความเร็วในการวิ่ง วิ่งไปไหนมาบ้าง ฯลฯ

 

โหมดเล่นเทนนิส วัดระดับแรงหวด

อีกหนึ่งโหมดที่ OPPO Band 2 เน้นเป็นพิเศษคือกีฬาเทนนิสที่สามารถวัดความแรงของการหวดแต่ละครั้งได้ว่ามีความเร็วอยู่ที่เท่าไหร่ วิ่งรวมเป็นระยะทางเท่าไหร่ และยังมีข้อมูลบอกด้วยว่าแต่ละแมทช์ที่เล่น ตีด้วยท่าโฟร์แฮนด์, แบ็คแฮนด์, ตีลูกตัด กี่ครั้ง คิดเป็นกี่ % ของการหวดลูกทั้งหมด

มาตรฐาน 5ATM ใส่ว่ายน้ำได้

ได้มาตรฐานกันน้ำระดับ 5ATM ทำให้สามารถใส่ลงว่ายน้ำเพื่อวัดค่าต่าง ๆ ได้เลย นอกจากนี้ยังเปิดโหมดใต้น้ำเพื่อไม่ให้จอสัมผัสเพี้ยนได้ด้วย

ถ้าไม่อยากให้จอเพี้ยนกดนู่นนี่เวลาลงน้ำ ก็เปิดโหมดใต้น้ำซะก่อน

แบตเตอรี่ใช้ยาวได้ทั้งอาทิตย์

จากการทดลองใช้งานจริงเชื่อมกับมือถือไว้ตลอด มีการตรวจจับระยะทางการเดิน วัดค่าชีพจร วัดความเครียด ตรวจจับการนอน และใส่ไว้ที่ข้อมือแทบจะ 24/7 รับ Notification ทั้งวัน และดูเวลาอยู่เรื่อย ๆ เหมือนนาฬิกาข้อมือปกติ พบว่าใช้งานได้ 1 สัปดาห์เต็ม แบตเตอรี่ก็ยังไม่หมดเลย เรียกว่าอึดใช้ได้เลยล่ะ ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่จะต้องใช้สายชาร์จแบบแม่เหล็กที่มีให้มาในกล่อง อันนี้ขอติหน่อยว่าขั้วชาร์จหลุดง่ายไป ขยับนิดขยับหน่อยก็หลุดแล้ว

OPPO Band 2 ก็นับว่าเป็นสายรัดข้อมืออัจฉริยะที่น่าสนใจตัวนึงในตลาดตอนนี้เลย ด้วยราคาที่เอื้อมถึงไม่ยาก มาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับสายสุขภาพที่ครอบคลุมการใช้งาน แถมนักวิ่งกับเทนนิสก็ยังมีฟีเจอร์เฉพาะที่ออกแบบมาให้โดยเฉพาะอีกต่างหาก ใครสนใจก็ไปลองจับลองเล่นกันที่ร้านได้เลย เพราะเริ่มวางจำหน่ายแล้วในราคา 2,999 บาท