ในที่สุดเราก็ได้ Pixel 3 XL มือถือเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Google มาอยู่ในมือแล้ว และเนื่องจาก Google ประเทศไทยยังไม่มีโครงการที่จะจำหน่ายมือถือรุ่นนี้ มันก็ต้องเป็นเครื่องหิ้วอย่างแน่นอน ว่าแต่ภายในกล่องจะมีอะไรมาให้ ประสบการณ์แรกจับเป็นอย่างไร และฟีเจอร์ส่วนไหนเทพบ้าง ลองมาชมกันก่อน

ต้องบอกว่าในตอนแรกก็ 2 จิต 2 ใจ ไม่รู้จะเลือก Pixel 3 หรือ Pixel 3 XL ดี ส่วนนึงก็มาจาก notch หรือรอยบอกอันหนาเตอะของมัน ใจตอนแรกก็เทไปทาง Pixel 3 แล้ว แต่คนรอบๆ ตัวเหมือนจะสั่ง Pixel 3 กันหมด เลยขอสวนกระแส จัด Pixel 3 XL มันเลยละกัน เพราะจะได้มีมาให้ดูครบๆ (ใครรอ Pixel 3 ตัวปกติสัปดาห์หน้าเราจะมาแกะให้ดู)

อ้อ อีกเรื่องนึงที่เป็นเหตุผลช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกรุ่น XL ก็เพราะมันใช้หน้าจอของ Samsung ส่วนรุ่นเล็กสลับไปใช้จอของ LG เลยแอบเสียวๆ เรื่องจอของมันนิดหน่อย เพราะฉะนั้นหยิบตัวใหญ่เลยดีกว่า

แกะกล่อง Pixel 3 XL

แม้ว่า Google จะไม่ได้วางขาย Pixel 3 ในไทย แต่ด้วยตัว OS ของ Android นั้นรองรับภาษาไทยอยู่แล้ว เปิดหน้าจอมาก็ทักทาย “สวัสดี” อย่างเป็นกันเอง

ภายในกล่อง Pixel 3 XL รอบนี้ Google ใจดี แถมหูฟังมาให้ด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาให้

เห็นตอนแรกแอบดีใจ นึกว่าแถม Pixel Buds แต่ดูไปดูมาไม่ใช่แฮะ มันเป็นหูฟัง Type C ธรรมดา (เพราะมันไม่มีช่องหูฟัง 3.5 ไงเล่า) โดยจะมีห่วงเอาไว้ล็อคหู ไม่ให้หลุดร่วงหล่นเวลาใช้งาน

ลักษณะของหูฟังนั้นไม่ได้ดูคล้าย In-Ear หรือมีจุกยัดเข้าไปในหู เพราะฉะนั้นก็น่าจะเป็น Earphone หรือหูฟังแบบปกติ

หม้อแปลงที่ให้มายี่ห้อมันแปลกๆ ไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่แน่ๆ จ่ายไฟเป็น USB PD หรือ Power Delivery เริ่มที่ 5V 3A และ 9V 2A

สาย USB  C สองหัว เอาไว้สำหรับใช้เสียบกับหม้อแปลงที่แถมมาในกล่อง

นอกจากนั้นก็ยังมีหัว OTG จาก Type C เป็น Type A และตัวแปลง USB C เป็นช่องหูฟัง 3.5 มาให้ด้วย เรียกว่าให้อุปกรณ์เชื่อมต่อมาครบเลยทีเดียว

นอกจากนั้นก็ยังมีสติ๊กเกอร์ให้เอาไปติดเล่น คู่มือการใช้งานเบื้องต้น และเข็มจิ้มซิม

 

สำรวจรอบตัวเครื่อง

เปิดเครื่องมาปุ๊บ ล็อกอินเรียบร้อย โอ้วหน้าจอสู้แสงแดดดีเสียนี่กระไร ดูจากมือผมได้ว่าแสงมาแรงแค่ไหน

ส่วนรอยบากด้านบนนั้นด้วยความเคยชิน ก็ได้แค่ทำใจลืมๆ มันไป ถ้ามองดีๆ มันเหมือน emoji นะ O__O ฮ่าๆ โดยกล้องหน้าตัวซ้ายคือกล้อง Ultra Wide ส่วนตัวขวาเป็นกล้องหน้าตัวหลัก ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลทั้งคู่

ปุ่มทางด้านขวา แม้สีดำ Just Black จะไม่มีลูกเล่นเปลี่ยนสีปุ่มเหมือนสีขาวที่ปุ่มเขียว หรือสีไม่ชมูที่ปุ่มส้ม แต่ก็ยังมีการสลับสีปุ่มเป็นแบบด้านกับแบบเงา

ส่วนของถาดซิมนั้นก็ยังมีมาให้เหมือนเดิม จริงๆ เครื่อง Pixel 3 และ Pixel 3 XL นั้นรองรับ eSIM แต่ก็ยังมีถาดซิมมาให้ด้วย แต่การใช้งานนั้นก็เป็นซิมเดียวนะครับ ไม่ได้รองรับ 2 ซิมแต่อย่างใด

ส่วนด้านหลังมองไปแล้วเหมือนเป็นโลหะ + กระจก แต่จริงๆ มันเป็นกระจกทั้งแผ่น โดยสีที่ดูด้านในส่วนครึ่งล่างของตัวเครื่องนั้นเป็นการพ่นพื้นผิวลงไปบนตัวกระจก เพื่อให้เป็นมิติและลดรอยนิ้วมือบนตัวเครื่อง (แต่ก็ได้คราบมันๆ ของนิ้วมาแทน)

ถ้ามองแบบใกล้ๆ โคลสอัพก็จะเห็นชัดขึ้น ส่วนกล้องหลังของ Pixel 3 XL นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 12.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 แม้จะเป็นกล้องเดี่ยว แต่ความเทพของมันมีมากมายมหาศาลผ่านระบบ Machine Learning หรือที่เรียกกันติดปากกว่า AI และการทำงานของ Pixel Visual Core ที่มันจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยความที่ UI ของ Pixel 3 XL มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ไม่มีแล้ว 3 ปุ่ม navigation key ต้องใช้เป็นลักษณะของ Gesture แทน ก็ต้องเรียนรู้กันนิดนึง ว่าจะสลับหน้าจอแอปต่างๆ ยังไง

นอกจากนั้นก็ยังมี Gesture กล้อง ที่สามารถสะบัดข้อมือซ้ายขวา เพื่อสลับระหว่างกล้องหน้าและหลังได้

โดย Gesture ทั้งหมดจะถูกจับรวมเอาไว้ในนี้ เผื่อจะเลือกเปิดหรือเปิดเมนูไหนก็ได้ และท่าไหนที่ลองทำแล้วไม่ติด ก็แปลว่าอาจจะปิดอยู่

Active Edge ฟีเจอร์หลักบีบเครื่องเพื่อเรียก Google Assistant ในตอนนี้ก็ยังถูกกำหนดให้ใช้งานได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนของ HTC ที่สามารถนำไปตั้งค่ากับแอปอื่นๆ ได้ด้วย

 

ลองกล้อง Pixel 3 XL

ส่วน UI กล้องก็มีการเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย ซึ่งกล้องของ Pixel 3 / 3 XL นั้นมาพร้อมกับ โหมดการซูมด้วยกล้องตัวเดียวหรือ Super Res Zoom ที่ใช่ระบบ OIS ของกล้องมาช่วยเก็บรายละเอียดของภาพเพิ่มเติม

จากที่ลองมาระยะประมาณ 2x-3x นี่ยังพอได้ รายละเอียดยังพอได้อยู่

แต่ถ้าอัดไปจนสุดนี่ ก็ต้องบอกว่าถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ๆ แสงดีๆ ถึงจะรอด ถ้าไปซูมของเล็กๆ ก็เตรียมพบกับความเบลอและนอยส์ได้เหมือนกัน

ในตอนนี้ยังไม่มีโหมด Night Sight ให้ลองเล่น เพราะทาง Google ยังไม่อัพเดทออกมา แต่ก็มี APK ให้เอาไปลองได้ ซึ่งเราก็มีตัวอย่างภาพถ่ายมาให้ดูกันเล็กๆ น้อยๆ

ตัวอย่างภาพถ่ายบางส่วน