Apple ถือเป็นหนึ่งในบรรดา Tech Giants ของโลกที่มักจะออกมาพูดถึงประเด็นความสำคัญในข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเสมอ พร้อมเน้นย้ำอยู่บ่อย ๆ ว่า Apple ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวอย่างสูงที่สุด แต่ล่าสุดกลับดูเหมือนพวกเขากำลังละเลยเรื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิงเมื่อมีการออกมายอมรับว่า Apple ยอมทำตามรัฐบาลจีนที่สั่งให้เก็บข้อมูลผู้ใช้งานชาวจีนทั้งหมดเอาไว้ใน Data Center ที่ประเทศจีนเท่านั้น และต้องพร้อมให้รัฐบาลเรียกตรวจสอบได้ตลอดเวลาตามกฎหมาย

หนึ่งในนโยบายหรือจะเรียกว่าฟีเจอร์หลักเลยก็ได้ สำหรับทุก ๆ ผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มของ Apple ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือ “ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวทางข้อมูลของผู้ใช้งาน” ซึ่ง Apple เองก็หันมาให้ความสำคัญเป็นพิเศษชนิดที่เล่นเอาผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างเช่น Facebook นั้นถึงกับอยู่ไม่ติดหลังได้รับผลกระทบในการ เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน จากข้อจำกัดใหม่ ๆ ที่ Apple สร้างขึ้นเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานของพวกเขา

อย่างไรก็ตามล่าสุดกลับมีรายงานว่า Apple ได้มีการกลืนน้ำลายตัวเองมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว (ตั้งแต่ประมาณปี 2017) จากการให้บริการทั้งหมดที่มีอยู่ในจีนซึ่งพวกเขาได้ยอมประนีประนอมยอมทำตามข้อกำหนดของรัฐบาลจีน ที่บังคับให้ Apple ต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้งานทั้งหมดเอาไว้ที่ Data Center ในประเทศจีนเพื่อให้อยู่ในการกำกับดูแลของรัฐบาลจีนเท่านั้น

Play video

และแน่นอนว่าด้วยความขึ้นชื่อในการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลบนโลกดิจิทัลมาควบคุมดูแลประชาชนของรัฐบาลจีน จึงทำให้ Apple ตกเป็นเป้าขึ้นมาในทันทีว่า ข้อความโฆษณาชุดล่าสุดของพวกเขากับคำว่า “Privacy. That’s iPhone” หรือ “ความเป็นส่วนตัว นี่แหละ iPhone” ข้อความนี้ไม่รวมไปถึงผู้ใช้บริการในประเทศจีนใช่หรือไม่ แล้วพวกเขาจะมีการทำข้อตกลงลักษณะนี้กับรัฐบาลในประเทศอื่นอีกหรือไม่ ถ้าประเทศเหล่านั้นมีการบังคับเรียกเอาข้อมูลส่วนบุคคลในโลกดิจิทัลไปใช้ในกิจการของรัฐ

พวกเราไม่อาจรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวได้อีกต่อไป (หลังจากรับรู้ข้อเท็จจริงนี้) ถ้าเราจะต้องนำส่งข้อมูลบางสิ่งบางอย่างที่เป็นส่วนตัวขึ้นไปยังระบบ Cloud ของพวกเขา… อันที่จริงถ้าย้อนไปดูตลอดหลายปีที่ผ่านมา Apple แทบไม่เคยขัดขืนคำขอใด ๆ ของรัฐบาลจีนเลยด้วยซ้ำ พวกเขารู้ว่าผลประโยชน์ (จากลูกค้าชาวจีน) นั้นมหาศาลมาก ๆ จนไม่กล้าขัดใจ เพราะอาจโดนแบนออกไปโดยสิ้นเชิงจากการทำธุรกิจในจีนก็ได้ – คำวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนจาก The Center of Business and Human Rights, New York University และ Amnesty International

เบื้องต้นทาง Apple Inc. ก็ไม่ได้นิ่งนอนรีบออกแถลงการณ์ทันควันพร้อมยืนยันว่าพวกเขายังคงยึดมั่นในหลักการด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวด้านข้อมูลบนโลกดิจิทัลทั้งหมดในแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างสูงที่สุด ส่วนการแยกศูนย์ข้อมูลเอาไว้ในจีนที่ใช้จัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานชาวจีนโดยเฉพาะเจาะจงนั้นก็เป็นไปตามกฎหมายของจีนเท่านั้น แต่มาตรฐานความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ Apple นั้นจะได้รับความสำคัญจากพวกเขาเสมอ ทั้งนี้ Apple ยังไม่ได้พูดถึงรายละเอียดว่าการกำกับดูแลข้อมูลของรัฐบาลจีนนั้นได้มีการเรียกดูหรือปฏิบัติการใด ๆ ไปบ้างแล้วหรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคมีความกังวลเป็นพิเศษ

 

อ้างอิง: BBC Technology | The New York Times (Subscription)