ในที่สุดรีวิวของ Galaxy Note 20 Ultra อีกหนึ่งมือถือสเปคสุดเทพดีไซน์สุดพรีเมียมก็มาแล้วว~ ว่าแต่เจ้า Galaxy Note 20 Ultra เครื่องนี้จะมีความน่าใช้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงเรื่องปัญหาเครื่องร้อน แบตไหลจะเป็นยังไงบ้าง ชิป Exynos 990 ทำผลงานออกมาเหมือนกับชื่อเสียงในด้านลบหรือเปล่า มาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ

FIRST IMPRESSION | สัมผัสแรก

ต้องบอกว่างานประกอบของ Galaxy Note 20 Ultra ทำออกมาได้พรีเมียมมากๆ แม้ว่าจะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างจะหนักที่ 208 กรัม แต่พอถือใช้งานจริงๆ นี่แทบจะไม่ได้รู้สึกว่าหนักอะไรเลย ในส่วนนี้ Samsung กระจายน้ำหนักออกมาได้ดีมากๆ บาลานซ์สุดๆ จะผู้หญิงผู้ชายส่วนตัวคิดว่าน่าจะไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการใช้งานเจ้า Galaxy Note 20 Ultra เครื่องนี้

ส่วนหน้าจอของ Galaxy Note 20 Ultra รอบนี้ยังคงใช้เป็น Dynamic AMOLED 2x เหมือนเดิม แต่ขนาดจอจะใหญ่มากๆ ที่ 6.9 นิ้ว (อีกนิดนึงก็เป็น Galaxy Tab แล้ว) ความละเอียด WQHD+ ค่ารีเฟรชเรท 120Hz ซึ่งบอกเลยว่าลื่นไหลมากๆ สบายตาแบบสุดๆ กระจกก็แข็งแกร่งด้วย​Corning Gorilla Glass Victus​ รุ่นล่าสุด

แต่บอกเอาไว้ก่อนนะว่าถ้าจะเปิดใช้งานค่ารีเฟรชเรท 120Hz จะต้องเสียสละไปใช้แบบความละเอียด Full HD+ แทน เพราะถ้าจะเปิด WQHD+ ไปด้วย จะได้แค่ 60Hz เท่านั้นนะ

ขณะที่ปุ่มควบคุมต่างๆ บน Galaxy Note 20 Ultra ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Power ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ต่างอยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องด้วยกันทั้งหมด ปล่อยฝั่งซ้ายโล่งๆ เลย รอบนี้แปลกกว่าเดิมนิดหน่อย ตรงที่ช่องใส่ปากกา S-Pen ย้ายมาอยู่บริเวณมุมซ้ายของด้านล่างตัวเครื่องแล้ว ส่วนพอร์ตชาร์จของ Galaxy Note 20 Ultra ยังมากับมาตรฐาน USB-C เหมือนเดิม

ใครถามหาถาดซิม อันนี้อยู่ด้านบนสุดของตัวเครื่องเลยนะ โดยถาดใส่ซิมของ Galaxy Note 20 Ultra จะมาเป็นแบบ Hybrid Slot หรือพูดง่ายๆ ก็คือมีมาให้สองช่อง สำหรับใส่ซิม และซิมที่สอง (หรือเลือกใส่เป็น microSD Card แทน)

ที่เตะตามากๆ ก็คือโมดูลกล้องหลังของ Galaxy Note 20 Ultra ที่บอกเลยว่ามันนูนออกมาเยอะมากๆ ความหนาน่าจะพอๆ กับเหรียญสิบบาทบ้านเราเลยล่ะ ซึ่งในส่วนนี้หากวางมือถือแบบเอาไว้บนโต๊ะลื่นๆ อันนี้ต้องระวังนะ เพราะถ้ามี Notifications เด้งมาเยอะๆ หรือมีคนคอลมา โทรศัพท์อาจจะลื่นร่วงโต๊ะได้

แต่ฝาหลังของ Galaxy Note 20 Ultra รอบนี้ดีงามมากๆ มาเป็นแบบด้านๆ สไตล์ Matte Finish ที่สัมผัสดีสุดๆ ไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย พร้อมความแข็งแกร่ง​ Gorilla Glass 6

รวมความแกร่งของหน้าจอและฝาหลัง​ หรือเราจะ​ Drop test… ในส่วนนี้ไม่ขอทดสอบให้แล้วกันนะ ฮ่าๆ แต่สารภาพบาปนิดนึงว่าเคยทำตกรอบนึง ค่อนข้างสูงเลยล่ะ แต่ฝาหลังรวมถึงหน้าจอไม่เป็นอะไรเลย

เอาเป็นว่าใครที่รู้ตัวว่าซุ่มซ่าม หรือเปิ่นๆ หาเคสมาใส่จะดีกว่า อุ่นใจกว่ากันเยอะ

UI/UX | การใช้งานทั่วไป

ระบบปฏิบัติการ One UI 2.5 บนพื้นฐาน Android 10 ของ Galaxy Note 20 Ultra ส่วนตัวหลังจากใช้งานมาเกือบๆ เดือน ยังไม่เคยเจอกับปัญหาที่ต้องทำให้ปิด-เปิดเครื่องใหม่แต่อย่างใด

การแบ่งหน้าจอยังคงทำได้ปกติ ซึ่งตรงนี้ด้วยความที่ Galaxy Note 20 Ultra มากับหน้าจอที่ใหญ่มากๆ การแบ่งหน้าจอแต่ละทีเคยค่อนข้างจะใช้งานสะดวก กดเรียก Recent Apps ขึ้นมา > เลือกแอปที่อยากจะแบ่งหน้าจอ > เรียบร้อย ตามภาพด้านล่างเลย

นอกจากนี้ เรายังสามารถเลือกปรับได้อีกว่าเราอยากให้แอปไหนแสดงผลหน้าจอเยอะกว่ากัน ทำง่ายๆ โดยการเลื่อนตรงเส้นสีฟ้าๆ ตรงกลางนั่นแหละ อันนี้สะดวกจริง บางทีเช็คเว็บ + ดูคลิปยูทูปไปด้วย เพลินมาก

อย่างที่บอกไปข้างต้น รอบนี้ Samsung ถือว่าพัฒนาระบบ One UI ของตัวเองมาได้ดีมากๆ รู้สึกว่า UX หรือประสบการณ์ใช้งานมันแบบดีสุดๆ ลื่นไหล (น่าจะเพราะจอรีเฟรชเรทสูงด้วย) แถมเปิดแอปทิ้งไว้เยอะๆ ก็ไม่มีการ Kill Apps ทิ้งด้วย

ในเรื่องของ WiFi ตรงนี้ Galaxy Note 20 Ultra จะรองรับทั้งแบบ 2.4GHz และ 5GHz นะ

แถมสามารถปล่อย Mobile Hotspot เป็นแบบ 5GHz ได้อีกด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ Galaxy Note 20 Ultra ยังรองรับการใช้งาน WiFi 6 อีกต่างหาก เรียกว่าครบชุดจริงๆ

FINGERPRINT SCANNER | เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

Galaxy Note 20 Ultra มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ที่ฝั่งอยู่ใต้หน้าจออีกทีนึง ตรงนี้สแกน 10 ที ก็ผ่าน 10 รอบไม่มีปัญหาอะไรนะ เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้ไวเว่อร์แบบสมาร์ทโฟนที่ใช้เซ็นเซอร์ Optical เท่านั้นเอง แต่จากที่สังเกตมา ความเร็วมันก็แทบไม่ต่างกันเท่าไหร่ อารมณ์แบบเสี้ยววินาทีเท่านั้น

ใครที่เล็งๆ จะติดฟิล์มกันรอยแบบกระจกบน Galaxy Note 20 Ultra อันนี้เตือนเอาไว้ก่อนว่า อาจจะทำให้สแกนนิ้วผ่านยากขึ้นนิดนึงนะ อันนี้เข้าใจว่าเพราะตัวฟิล์มกระจกมันค่อนข้างจะหนา วิธีแก้ก็คือไปปรับ Touch Sensitivity ให้อยู่ในระดับ High

GPS | การใช้งาน GPS

การใช้งาน GPS อาทิพวกแอป Google Maps หรือ Grab บน Galaxy Note 20 Ultra ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจ ด้วยความที่เป็นมือถือรุ่นท็อปสุด สเปคภายในส่วนนี้ก็ใส่มาให้แบบจัดเต็มอยู่แล้ว แทบจะไม่มีดีเลย์เลย สั่งอาหารในแอป ปักหมุดพอดีบ้านเป๊ะๆ

MULTIMEDIA | ใช้งานในด้านบันเทิงทั่วไป

นอกจากเรื่องค่ารีเฟรชเรท 120Hz จะเป็นไฮไลท์เด็ดๆ ของ Galaxy Note 20 Ultra แล้ว เรื่องค่าความสว่างก็ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญไม่แพ้กันของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เพราะเจ้า Galaxy Note 20 Ultra สามารถดันค่าความสว่างได้สูงสุดถึง 1,500 nits เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเล่นกลางแจ้ง แทบจะไม่ได้รู้สึกต่างอะไรกับเล่นในที่ร่มเลย จอสู้แสงดีมากๆ แต่อันนี้ต้องเปิด Auto Brightness ทิ้งเอาไว้ด้วยนะ ถ้าปรับเองเหมือนว่าจะดันได้ไม่ถึง 1,500 nits

โดยรอบนี้ Galaxy Note 20 Ultra มากับฟีเจอร์ใหม่ที่จะคอยปรับค่ารีเฟรชเรทขึ้นลงตลอดเวลาตามลักษณะการใช้งาน ณ ตอนนั้นๆ อยู่ กล่าวง่ายๆ ก็คือ หากเพื่อนๆ กำลังอ่านเว็บ DroidSans อยู่ ตัวอัลกอริทึ่มก็ปรับค่ารีเฟรชเรทให้เหลือแค่ 10Hz เพื่อประหยัดแบต แต่ถ้าเอาไปเล่นเกมมันๆ ตัวระบบก็จะดันขึ้นเป็น 120Hz เหมือนเดิม

ส่วนเรื่องลำโพง ส่วนนี้ Galaxy Note 20 Ultra ใส่มาให้เป็นแบบลำโพงคู่สเตอริโอ ซึ่งเสียงที่ได้มามิติดีมากๆ มีเบส มีย่านต่ำกลางครบหมด แถมถ้าเอาไปเทียบกับ Galaxy S20 Ultra เสียงที่ขับจากลำโพงของ Galaxy Note 20 Ultra จะดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

ด้วยสเปคขนาดนี้ แน่นอนว่า Galaxy Note 20 Ultra สามารถรับชมคอนเทนต์บน Netflix ได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD เพราะรองรับการถอดรหัสแบบ L1 นั่นเอง ซึ่งมือถือรุ่นนี้รองรับคอนเทนต์แบบ HDR ด้วยนะ ดูหนังที่ฉากหลังมืดๆ รายละเอียดต่างมาครบ ต่างจากมือถือที่ไม่รองรับ HDR แน่นอน

Samsung Wireless DeX

การใช้งานฟีเจอร์นี้บน Galaxy Note 20 Ultra อันนี้ติดข้อจำกัดอยู่นิดหน่อยตรงที่หน้าจอทีวี หรือมอนิเตอร์คอมที่เราใช้เนี้ย จะต้องรองรับการแสดงผลแบบ MiraCast เท่านั้น ต้องมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม สุดท้ายหากใครจะใช้งาน ก็ต้องใช้งาน DeX แบบเสียบสายเหมือนเดิม

ส่วนการใช้งาน Samsung DeX แบบมีสาย อันนี้ยังใช้งานได้เหมือนเดิมปกตินะ

Link to Windows

แต่ที่เวิร์คแบบเวิร์คมากๆ ก็ต้องเป็นฟีเจอร์ (หรือแอป) Link-to-Windows บน Galaxy Note 20 Ultra นี่แหละ เพราะฟีเจอร์นี้จะทำให้เราสามารถใช้งานมือถือของเราผ่านคอมพิวเตอร์ของเราได้เลย ไม่ว่าจะเป็นโยนไฟล์, ตอบข้อความ หรือโทรเข้าโทรออก อันนี้ทำได้หมดทุกสิ่งอย่าง

S-Pen | การใช้งานปากกา S-Pen

เรื่องการใช้งานปากกา S-Pen ก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของ Galaxy Note 20 Ultra ที่จะไม่ให้พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะรอบนี้ค่า Latency ของปากกาอัจฉริยะสุดเทพตัวนี้ จะลดลงมาเหลือแค่ 9ms เท่านั้น เรียกว่าความรู้สึกในการขีดเขียนหน้าจอ แทบจะไม่ต่างอะไรกับการใช้ปากกา-ดินสอเขียนกระดาษจริงๆ เลย ซึ่งใครที่อยากรู้ฟีเจอร์ลึกๆ แบบจัดเต็มของ S-Pen บน Galaxy Note 20 Ultra ก็สามารถดูคลิปของพี่ภัทรด้านล่างได้เลย~

Play video

PERFORMANCE | ประสิทธิภาพความแรง

Galaxy Note 20 Ultra รุ่นที่วางขายในบ้านเรา มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 990 ซึ่งเมื่อเอาไปทดสอบประสิทธิภาพความแรงกับแอป Geekbench 5 พบว่า สามารถทำคะแนนแบบ Single-Core ไปได้ 910 แต้ม และแบบ Multi-Core ที่ 2,628 แต้ม

ส่วนของหน่วยความจำ Galaxy Note 20 Ultra มากับ UFS 3.1 ที่สามารถทำคะแนนแอป AndroBench แบบ Sequential Read ไปได้ที่ 1,618.17 MB/s และแบบ Sequential Write ที่ 753.88 MB/s มากกว่ารุ่นน้องอย่าง Galaxy Note 10 | 10+ อยู่ราวๆ 200 MB/s เลยทีเดียว

เอาจริง แม้ว่าชิป Exynos 990 จะโดนต่อว่าค่อนข้างเยอะ แต่ต้องอย่าลืมว่าชิปตัวนี้มีดีกรีเป็นถึงชิประดับเรือธงเลยนะ แน่นอนว่าถ้าเอาไปเล่นเกมยอดนิยมอย่าง RoV, PUBG หรือ Call of Duty เนี่ย ปรับกราฟิกได้สุดจัดอยู่แล้ว เฟรมเรทก็ไม่ค่อยตกด้วย เล่นลื่นๆ เลย

ส่วนเรื่องเกมที่รองรับ 120Hz อันนี้ก็ต้องดูเป็นรายเกมไปว่ามีเกมไหนรองรับบ้าง ถ้าได้ลองแล้วจะร้องโอ๊ยยยยย.. ภาพนี่อย่างเนียนอะ ลื่นตาแบบสุดๆ

CAMERA | กล้องถ่ายรูป

รอบนี้ดูเหมือนว่า Samsung จะตั้งใจล้างตาจากกรณีปัญหาเรื่องกล้องโฟกัสช้าบน Galaxy S20 Ultra มาเป็นอย่างดี เพราะ Galaxy Note 20 Ultra ใส่ Laser Autofocus มาให้ ช่วยให้โฟกัสได้ดี และแม่นยำขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้มาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วย

  • เซ็นเซอร์หลักความละเอียด 108MP ค่ารูรับแสง f/1.8 PDAF มีระบบกันสั่น OIS
  • กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 12MP ค่ารูรับแสง f/3.0 PDAF มีระบบกันสั่น OIS ซูม Optical 5x และ Digital 50x
  • กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 12MP ค่ารูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา

ส่วนกล้องหน้ามีมาให้ตัวเดียวความละเอียด 10MP ค่ารูรับแสง f/2.2 Dual Pixel PDAF แถมยังถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K@60fps อีกต่างหาก แต่ถึงเวลาเอาไปใช้งานจริงๆ จะเป็นยังไงบ้าง จะเทพเหมือนหน้าสเปคหรือเปล่า มาตัดสินกันที่ภาพตัวอย่างด้านล่างเลยคร้าบ ~

ภาพตัวอย่าง Galaxy Note 20 Ultra 

ภาพตัวอย่างกล้อง Ultra-Wide ของ Galaxy Note 20 Ultra

ภาพตัวอย่างกล้อง Telephoto ของ Galaxy Note 20 Ultra

ภาพตัวอย่างโหมดถ่ายภาพกลางคืน (Night Mode) ของ Galaxy Note 20 Ultra

ภาพตัวอย่างกล้องหน้าของ Galaxy Note 20 Ultra 

VIDEO | การถ่ายวิดีโอ

Galaxy Note 20 Ultra สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดมากถึง 8K (7680 x 4320) @24fps… ใช่ ฟังไม่ผิด 8K!!! แต่บอกถ่ายแต่ละกินเนื้อที่เยอะมากๆ (ถ่าย 1 นาทีกินเนื้อที่ 500 – 600 MB แล้ว) แถมเครื่องร้อนอีกต่างหาก ฮ่าๆ

ส่วนฟีเจอร์ Audio Zoom อันนี้ก็ยังทำได้ดีเหมือนกับใน Galaxy Note 10 | 10+ นะ ลองดูตัวอย่างที่คลิปวิดีโอด้านล่างได้เลย

Play video

BATTERY | แบตอึดไหม แบตไหลหรือเปล่า

ปัญหาที่เจอกันมาใน Galaxy รุ่นท็อปๆ เกือบทุกตัวที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos ก็คืออาการแบตไม่อึด อยู่ได้ไม่เต็มวัน เครื่องร้อน ฯลฯ …ซึ่งจากที่ใช้งานมา ผมไม่เจอปัญหาแบบนั้นใน Galaxy Note 20 Ultra นะ เปิดใช้งานแบบเพลินๆ ดันรีเฟรชเรท 120Hz, เปิด GPS ตลอด, ปรับความสว่างจออัตโนมัติ และเปิด Spotify เชื่อมหูฟังไร้สายฟังเพลงตลอด ตั้งเฃแต่เช้าจน​ 5 โมงเย็น​ ​เช็คดู Screen on Time อยู่ที่ 3 ชั่วโมงนิดๆ นะ แถมยังมีแบตเหลืออีก 38% ด้วย

ตรงนี้ถ้าดันรีเฟรชเรทลงมาเหลือ 60Hz และปรับความละเอียดหน้าจอ Full HD+ อีกที ผมว่าเผลอๆ ค่า Screen on time น่าจะพุ่งกว่านี้อีก ส่วนตัวไม่ค่อยซีเรียสกับเรืองแบตซักเท่าไหร่ ถ้าหมดระหว่างวันก็เสียบชาร์จเลย รอบนี้แม้ Galaxy Note 20 Ultra จะรองรับ Fast Charge สูงสุดแค่ 25W แต่ก็ถือว่าชาร์จไฟเข้าไวอยู่ ตื่นมาตอน 07.30 ชาร์จทิ้งไว้ประมาณชั่วโมงนิดๆ มาอีกทีก็แบตเต็มแล้ว

IP68 Certified Water-Dust Resistant Phone | มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น

ตามมาตรฐานเรือธงปัจจุบัน Galaxy Note 20 Ultra ผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นแบบ IP68 นั่นแปลว่า เจ้ามือถือเครื่องนี้สามารถไปแช่น้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานสูงสุด 30 นาที และฝุ่นเล็กๆ น้อยๆ จะไม่สามารถเข้ามาในตัวเครื่องได้เลยซึ่งมาตรฐานนี้มีประโยชน์ยังไง คำตอบก็คือ หากเราใช้มือถือมาทั้งวันแล้วพบว่ามันเปื้อน หรือมีคราบมัน เราก็สามารถทำความสะอาดง่ายๆ ด้วยการ…ล้างน้ำสะอาดมันซะเลย ฮ่าๆ

อย่างไรก็ดี ต้องระวังนะ เพราะหากพลาดน้ำเข้าเครื่องเมื่อไหร่ อันนี้ประกันขาดทันที แถมมาตรฐาน IP68 นี้ ใช้ไม่ได้กับน้ำเค็มตามทะเล นะนะ…

VERDICT | สรุป Galaxy Note 20 Ultra คุ้มค่าตัวไหม

สรุป Galaxy Note 20 Ultra ถือเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนเรือธงที่น่าใช้เอามากๆ ด้วยความที่ตัวเครื่องออกแบบมาให้ความรู้สึกจับถือมันดีมากๆ งานประกอบก็พรีเมียมสุดๆ แถมเอาเข้าจริง หลังจากที่ผมลองถือใช้งานมาประมาณ 1 เดือนเนี้ย ก็แทบจะไม่มีอะไรที่อยากจะติ​หรือเป็นขอเสียหนักๆ เลย จริงอยู่ว่าเล่นไปซักพักเครื่องจะร้อน แต่อันนี้ลองถือมือถือที่ใช้ชิป Snapdragon 865 หรือ 865+ ควบคู่ไปด้วย ก็พบว่ามันก็ร้อนเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ได้รู้สึกว่าตัวไหนดีหรือด้อยต่างกันมากนัก ซึ่งข้อดี หรือข้อด้อยก็ตามด้านล่างเลยคร้าบ~

ข้อดี

  • ดีไซน์พรีเมียม งานประกอบแน่หนา
  • หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ลื่นจริง ไถเพลินๆ กับ 120Hz
  • กล้องหลังถ่ายรูปคมมาก รายละเอียดจัดเต็ม
  • กล้อง Ultra-Wide กับ Periscope ใช้งานได้จริง คุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าเซ็นเซอร์ตัวหลักเลย
  • กล้องหน้าสวย
  • ปากกา S-Pen เขียนติดจอมาก เหมือนเขียนบนกระดาษจริงๆ ด้วย Latency แค่ 9ms
  • One UI 2.5 เสถียร ไม่มีค้าง ไม่งอแง
  • ลำโพงขับเสียงออกมาได้ดี มิติต่างๆ มาครบ
  • Link-to-Windows ดีงามพระรามแปด
  • มี Reverse Wireless Charging สำหรับชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ เวลาฉุกเฉิน
  • ฟีเจอร์หลายอย่างที่ใส่เข้ามาให้ใช้งานได้จริง

ข้อสังเกต

  • อาจจะหนักสำหรับบางคนไปนิด
  • โมดูลกล้องหลังปูดขึ้นมาเยอะมาก
  • เครื่องร้อนง่ายไปนิด
  • แบตน่าจะอึดกว่านี้อีกหน่อย
  • เปิด 120Hz พร้อมกับ WQHD+ ไม่ได้
  • จอยังโค้ง​ ใครไม่ชินเวลาเล่นอุ้งมืออาจจะโดนขอบจอ พิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ได้
  • เซ็นเซอร์กล้องขนาดใหญ่ หากถ่าย Text ใกล้ๆ ขอบจะเบลอ ต้องแก้ปัญหาด้วยการถอยหลังไปอีกนิดแล้วยิงซูม 2x แทน​ (อันนี้เป็นกันทุกยี่ห้อที่เซนเซอร์ใหญ่มากๆ)​

Play video