มีข่าวลือว่า Samsung มีแผนจะเจรจากับ LG เพื่อขอซื้อจอ WOLED มาใช้ในการผลิตทีวี โดยมีจุดประสงค์หลักคือการรักษาส่วนแบ่งการตลาดทีวีทั่วโลก 20% เอาไว้ให้ได้อย่างเหนียวแน่น (อันดับ 1 ในปัจจุบัน)  ซึ่งสองค่ายยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้เคยมีประสบการณ์พ่ายแพ้ในสงครามราคาจากตลาด LCD มาแล้วจนต้องถอนตัวไป จึงต้องหาทางรับมือไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกเป็นครั้งที่สอง

แม้ Samsung จะได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน OLED แต่ถ้าเจาะจงในรายละเอียดจริง ๆ แล้ว ต้องระบุว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญด้าน OLED ขนาดเล็ก’ โดยส่วนใหญ่อยู่ในอุปกรณ์พกพา จำพวกมือถือและแท็บเล็ต เป็นต้น ซึ่งในทางตรงกันข้ามกับ OLED ขนาดใหญ่ที่ใช้ผลิตทีวีนั้น Samsung ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก

Samsung ยังไม่สามารถควบคุมคุณภาพของหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ได้อย่างที่ต้องการ ทั้งยังไม่สามารถควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่จะไปแข่งขันกับบริษัทอื่นได้อย่างราบรื่น โดยจะเห็นว่าได้ปัจจุบัน Samsung เลือกที่จะข้ามตลาดทีวี OLED ระดับ ล่าง-กลาง-บน ไปทั้งหมด แล้วไปจับเอาเฉพาะตลาดซูเปอร์พรีเมียมแทน ด้วยหน้าจอแบบ QD-OLED ที่มีคุณภาพสูงสุด ๆ (แต่ต้นทุนก็สูงสุด ๆ ด้วย) เพื่อจะได้ไม่ต้องชนกับคู่แข่งส่วนใหญ่โดยตรง

ดังนั้นทางออกของ Samsung ที่ดูจะใช้เวลาน้อยและไม่ต้องลงทุนมาก คือไปขอซื้อจอ OLED จากผู้ผลิตที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว และต้องไม่ใช่จากฝั่งจีน ซึ่ง LG เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ลงตัวได้ทุกอย่างพอดี ซ้ำยังเป็นค่ายเพื่อนร่วมประเทศกันอีก ยิ่งดีเข้าไปใหญ่

เทคโนโลยี OLED ที่ LG เชี่ยวชาญคือ WOLED ซึ่งมีคุณสมบัติในการให้ความสว่างที่มากกว่า RGB OLED แบบดั้งเดิมที่ Samsung ถนัด และมีโอกาสเกิดเบิร์นอินได้ยากกว่า (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่าง) โดยทีวี OLED ที่ขายกันอยู่ในตลาดตอนนี้จะใช้พาเนล WOLED เป็นส่วนใหญ่ และพาเนลเกือบทั้งหมดจากในนั้นก็ถูกผลิตโดย LG อีกทีหนึ่ง

ทำไมทีวี OLED ถึงยังมีราคาแพง – มีแนวโน้มจะมีราคาถูกลงไหม

ส่วนผู้ผลิตหน้าจอ OLED จากจีน เช่น BOE, China Star Optoelectronics Technology และ Visionox ต่างได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อสร้างโรงงานผลิต OLED ขนาดใหญ่แล้ว คงต้องติดตามต่อไปว่าสงครามนี้จะดำเนินไปในทิศทางใด ถือเป็นหนึ่งในประเด็นน่าจับตามอง เพราะรายงานจากหลายแหล่งชี้ตรงกันว่า ตลาดทีวี OLED กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับทีวี LCD ที่ค่อย ๆ หดตัวลง

 

ที่มา : Nikkei Asia