เดือนมีนาคมที่ผ่านมา Samsung หวนกลับมาลุยตลาดทีวี OLED อีกครั้งในรอบ 8 ปี โดยการออกทีวีระดับไฮเอนด์รุ่น S95B ค่าตัวเริ่มต้นราว 8 หมื่นบาท ทำให้มีการคาดหวังกันว่า Samsung จะมีการขยับลงมาแข่งขันในตลาดทีวี OLED ที่มีราคาถูก (กว่านี้) กับผู้ผลิตรายอื่น เช่น LG และ Sony ด้วยหรือเปล่า แต่สิ่งนั้นอาจไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เพราะล่าสุดมีรายงานว่า การเจรจาเพื่อขอซื้อพาเนล OLED จาก LG ไม่มีความคืบหน้า จนต้องยุติการเจรจาชั่วคราว

ทีวี OLED ที่พบเห็นในตลาดตอนนี้ แทบทั้งหมดใช้เทคโนโลยี W-OLED ในการแสดงผล ในขณะที่ S95B ของ Samsung นั้นมากับเทคโนโลยี QD-OLED ที่เป็นการผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง Quantum dot กับ OLED ซึ่งจะมอบสีสันที่มีความบริสุทธิ์และอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า อีกทั้งยังมีความสว่างสูงใกล้เคียงกับพาเนล LCD ที่ใช้ LED เป็นแบ็กไลต์ สะท้อนถึงคุณภาพการแสดงผล HDR ที่ดี

OLED, W-OLED, QD-OLED แตกต่างกันอย่างไร


เปรียบเทียบความแตกต่างโครงสร้างและการทำงาน W-OLED และ QD-OLED

  • OLED เป็นเทคโนโลยีที่หลายคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีให้พบเห็นได้ทั่วไปในสมาร์ทโฟนระดับกลางไปจนถึงระดับบน ประกอบด้วยไดโอดสีแดง เขียว และน้ำเงิน เป็นที่มาของชื่อ RGB OLED โดยไดโอดแต่ละจุดจะทำงานแยกกันอย่างอิสระ จุดเด่นคือ ขอบเขตสีกว้างและเที่ยงตรง อัตราคอนทราสต์สูง จากการที่สามารถแสดงผลสีดำได้ดำสนิทอย่างไร้ที่ติ
  • W-OLED ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยปรับโครงสร้างของแหล่งกำเนิดแสงใหม่ จากที่วางเป็นจุดแยกกันใน RGB OLED ก็จับมาวางซ้อนกันเป็นเลเยอร์หลายชั้น แล้วส่งแสงผ่านฟิลเตอร์กำเนิดสีอีกทีหนึ่ง ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการแก้จุดอ่อนในเรื่องของความสว่างสูงสุด และปัญหาเรื่องการเบิร์นอินจากการใช้งานต่อเนื่อง
  • QD-OLED มีแหล่งกำเนิดแสงเพียงสีเดียว คือสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นช่วงคลื่นแสงที่มีพลังงานสูงที่สุด แปลงเป็นสีสันต่าง ๆ ผ่านอนุภาคของสารกึ่งตัวนำเล็กจิ๋วระดับนาโนเมตรที่เยีกว่า Quantum dot การทำงานลักษณะนี้ ทำให้ความสว่างที่เพิ่มมากขึ้นของแสงสีขาว ไม่ไปรบกวนหรือลดทอนความสว่างของแสงในสีอื่น ๆ เหมือนอย่างใน W-OLED ส่งผลให้สีสันมีความบริสุทธิ์มากกว่า

ทำไมทีวี OLED ถึงยังมีราคาแพง

QD-OLED มีข้อดีหลายประการเหนือ W-OLED ข้อจำกัดเดียวของมันในตอนนี้ คือต้นทุนที่สูงมาก หาก Samsung มีแผนจะออกทีวี OLED ราคาถูกขึ้นมาจริง ๆ ก็ต้องหันมาใช้ W-OLED แทนอย่างไม่มีทางเลี่ยง แต่ปัญหาคือ LG เป็นเพียงรายเดียวที่สามารถผลิตพาเนล W-OLED ในจำนวนมากได้

การมีผู้ผลิตพาเนล W-OLED รายใหญ่เพียงรายเดียว ไม่ได้ส่งผลดีกับผู้ผลิตทีวีและผู้บริโภคเท่าไหร่นัก เพราะมันหมายความว่า LG จะมีอำนาจต่อรองทางธุรกิจสูง ตรึงราคาได้ง่าย ไร้คู่แข่งมากดดัน และแน่นอน LG ก็คงไม่อยากสูญเสียกำไรในส่วนนี้ไป เป็นเหตุผลหลักที่ว่า ทำไมทีวี OLED จึงยังมีราคาแพง

ตัวอย่างในทางตรงกันข้ามคือ ตลาดพาเนล LCD ที่มีผู้ผลิตจากจีนเข้ามาร่วมแจม โดยการเสนอราคาต่อหน่วยที่ต่ำกว่าผู้ผลิตจากเกาหลีใต้ และเรื่องนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่นำไปสู่การยุติสายการผลิต LCD ของ Samsung และ LG ด้วย (อ่านเพิ่มเติม)

กล่าวโดยสรุปคือ ทีวี OLED ยังไม่มีแนวโน้มจะมีราคาถูกลงในเร็ว ๆ นี้ อย่างน้อยก็อีก 1 หรือ 2 ปี

ตัวเลือกไหนที่น่าสนใจ นอกเหนือจากทีวี OLED


mini-LED สว่างกว่า LED และแสดงผลสีดำได้เยี่ยมกว่า แม้จะไม่สมบูรณ์แบบเหมือน OLED ก็ตาม

ทีวีที่มีแนวโน้มจะมีราคาถูกลงคือ ทีวี mini-LED ที่เป็นเทคโนโลยีที่อยู่ตรงกลางระหว่าง LCD กับ OLED โดย David Gold ประธานของ Hisense สหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า ต้นทุนของ mini-LED กำลังลดลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ทำให้มีโอกาสสูงที่จะขยายไปยังทีวีราคาถูกได้มากกว่า เจ้าตัวคาดว่าจะได้เห็นทีวี mini-LED ครอบคลุมมากขึ้นภายในปี 2566

mini-LED คือ หลอดไฟขนาดจิ๋วที่เล็กและสว่างกว่า LED มันมีคุณสมบัติในการเปิดหรือปิดการทำงานของพิกเซลย่อย คล้ายกับในพาเนล OLED ถึงแม้จะไม่เทียบเท่าแต่อย่างน้อยก็ก่อให้เกิดคอนทราสต์เรโชที่ดีกว่า LCD มากโข จากประมาณ 1,000:1 ขยับมาเป็น 1,000,000:1 เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งแสนเท่า (อ่านเพิ่มเติม)

ตัว mini-LED เอง สามารถนำไปใช้งานร่วมได้กับทั้งพาเนล LCD ทั่วไป เช่น iPad Pro รุ่นขนาด 12.9 นิ้ว ของ Apple หรือจะนำไปใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี Quantum dot ก็ได้อีกเช่นกัน เช่น ทีวีในซีรีส์ Neo QLED ของ Samsung

รอซื้อทีวี OLED ตอนตกรุ่น อาจได้ราคาถูกกว่าทีวี mini-LED


LG OLED C1 หนึ่งในทีวี OLED รุ่นที่ได้รับความนิยมจาก LG

อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากได้ทีวีคุณภาพสูง แต่ไม่อยากจ่ายในราคาแพงจนเกินไป คือ รอซื้อทีวี OLED ในช่วงที่มันตกรุ่นไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ทีวี OLED C1 ของ LG ในรุ่นเริ่มต้นขนาด 48 นิ้ว เปิดตัวในปี 2564 มาด้วยราคา 45,990 บาท ปัจจุบันตกรุ่นไปแล้ว บางที่เอามาจัดโปรโมชัน ลดเหลือไม่ถึง 3 หมื่นบาท ถูกว่า mini-LED หลาย ๆ รุ่นในตลาดเสียอีก

แต่ข้อควรพิจารณาเวลาซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ตกรุ่นไปแล้วก็มีอยู่บ้าง เช่น การรับประกันยังมีอยู่ไหม สินค้าเก็บไว้นาน สภาพยังดีอยู่หรือเปล่า แล้วพวกของรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกมาทีหลังมีฟีเจอร์หรือฟังก์ชันอะไรที่เหนือกว่าบ้าง ซึ่งควรนำมาพิจารณาประกอบการซื้อด้วย เป็นต้น

 

อ้างอิง : TechRadar (1, 2)