หลังจากที่พาทัวร์ก่อนวันงาน https://droidsans.com/google-io-2017-day-zero คราวนี้ก็ถึงเวลาพาเที่ยวชมบรรยากาศภายในงานกันบ้าง เพราะว่า Google I/O ในปีนี้มีอะไรน่าสนใจเยอะแยะมากมายจนผมต้องเก็บมาเล่าสู่กันฟังนี่แหละ

ก่อนอื่นก็ต้องขออภัยที่กลับมาอัพเดตช้าไปพอสมควร เนื่องจากดองงานไว้เยอะมากเพื่อไปงานนี้ ก็เลยต้องกลับมาชดใช้บาปกรรมให้หมดก่อนถึงจะได้มาเขียนข่าวนี้นี่ล่ะครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน Google I/O

ขอเล่ารายละเอียดของงานนี้เพิ่มเติมเล็กน้อย ถึงแม้ว่าผมจะเล่าเกี่ยวกับงาน Google I/O ไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ แต่น่าจะมีผู้อ่านหลายๆท่านที่สงสัยหลายๆอย่างเกี่ยวกับงานนี้ครับ

งาน Google I/O เป็นงานประจำปีที่ทาง Google จะเปิดตัว Product ใหม่ๆหรือ Technologies ใหม่ๆ โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่นักพัฒนา (Developer) ครับ โดยเนื้องานทั้งหมดนั้นจะเป็นเนื้อหาเฉพาะทางสำหรับนักพัฒนาเป็นหลัก หรือก็คือเป็นงานสัมมนาสำหรับนักพัฒนา (Developer Conference) ครับ โดยจะมี Session ต่างๆอีกมากมายต่อจาก Keynote ที่ให้นักพัฒนาเลือกเข้าไปฟังตามความสนใจ ซึ่งภายในงานจะมีการแบ่งห้องทั้งหมด 9 ห้องที่จะมี Session ต่างๆตลอดทั้ง 3 วัน (แต่ทุก Session ก็มีถ่ายทอดสดบน YouTube เช่นกัน)

เนื่องจากงานนี้เป็นงานสัมมนาสำหรับนักพัฒนา ดังนั้นผู้เข้างานส่วนใหญ่จะเป็นนักพัฒนาหรือสายงานที่เกี่ยวข้องแทบทั้งหมด (รวมไปถึงผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างๆด้วย) และในการซื้อตั๋วเข้าร่วมงาน ทาง Google จะใช้วิธี “สุ่มสิทธิ์ในการซื้อตั๋ว” (มีเงินไม่พอ ต้องมีดวงด้วยนะ) ถึงจะบอกว่าสุ่มก็เถอะ แต่เบื้องหลังการสุ่มนั้นก็น่าจะมีการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมด้วยน่ะแหละ เพื่อให้มั่นใจว่าได้คนที่เกี่ยวข้องมาเข้าร่วมงานจริงๆ (ถ้าไม่ได้ทำสายงานที่เกี่ยวข้อง ผมว่าจ่ายเงินเพื่อมางานนี้มันก็ไม่คุ้มหรอก) ส่วนของผมนั้นค่อนข้างพิเศษหน่อย เนื่องจากผมทำงานบางอย่างร่วมกับทาง Google จึงได้ตั๋วเข้าร่วมงานทุกปี ซึ่งในปีนี้ก็มีคนไทยหลายคนที่ได้เข้าร่วมงาน (มีทั้งได้สิทธิ์แบบผม, สุ่มได้สิทธิ์ซื้อตั๋ว และผู้สื่อข่าว)

 

ตื่นเช้าเข้าห้อง Keynote

วันที่ 17 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันแรกของงาน Google I/O 2017 ผู้เข้าร่วมงานทุกๆคนนั้นจะต้องมาต่อคิวเข้างานตั้งแต่เช้าเพื่อรอเข้าห้อง Keynote ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่สุดของงานนี้ และเมื่อประตูเข้างานเปิดแล้ว ก็ต้องเข้าไปต่อแถวข้างในอีกเพื่อทยอยเข้าไปใน Amphitheater อีกทีหนึ่ง

ต่อแถวกันยาวมาก ยาวมาจนถึงหน้าประตูเข้างาน

ซึ่ง Keynote จะจัดใน Amphitheater ซึ่งเป็นเวทีหลักของงานนี้ที่ใหญ่มากพอที่จะรองรับผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดเลยนะ มีการแบ่งโซนที่นั่งตามประเภทที่ระบุไว้ใน Badge โดยจะแยกประเภทกันตั้งแต่ตอนที่ต่อแถวเลย

มีป้ายบอกเพื่อแยกแถวอย่างชัดเจน

เริ่มทยอยเข้าไปประจำที่นั่ง

ถ้ายังจำกันได้ ของผมจะเป็น Reserved ซึ่งเป็นพื้นที่โซนด้านหน้าใกล้เวทีครับ ต่อจากโซนของผมก็จะเป็นพื้นที่ของผู้สื่อข่าว (Press)

ไกลแค่ไหน คือ ใกล้

นั่งข้างหน้ากล้องที่ถ่ายทอดสดพอดี ถ้ายื่นหน้าไปก็คงเห็นกันทั่วโลก (แล้วก็โดนอุ้มออกจากงาน…)

และด้านหลังของโซนผู้สื่อข่าวก็จะเป็นโซนของผู้เข้าร่วมงานทั่วไป ซึ่งมีบางส่วนได้นั่งบนพื้นหญ้าด้านหลังด้วย แต่ก็แค่บางส่วนเท่านั้น

อยู่ในระหว่างการทำทยอยเข้าไปหาที่นั่งรอ Keynote ซึ่งคนจะเยอะมากตอนที่ Keynote เริ่ม

นอกจากนี้ยังมีการจัดโซนเฉพาะให้สำหรับผู้พิการ (ADA/Accessibility) ให้ด้วย ซึ่งภายในงานก็จะมีพื้นที่และเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลืออยู่ทั้งงาน รู้สึกได้เลยว่าเค้าให้ความสำคัญกันมากแค่ไหน

สำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับ Keynote ก็ขอข้ามไปเลยละกัน เพราะว่าผู้อ่านหลายๆคนก็คงอ่านสรุปเนื้อหาช่วงนี้จากทีมงาน Droidsans ของเรากันไปแล้ว หรือถ้ายังไม่ได้อ่านก็ดูจากลิ้งข้างล่างนี้เลยครับ

 

ถึงเวลาพาเที่ยวให้ทั่วงาน

หลังจากจบทั้ง Keynote หลักและ Developer Keynote ก็จะเป็นเวลาที่นักพัฒนาต่างแยกย้ายกันตามใจชอบ มีทั้งเดินตามโซนต่างๆภายในงาน, เข้าห้องสัมมนา, นั่งทำงาน, นอนเล่น(!?) หรือพบปะพูดคุยกับผู้คนภายในงานด้วยกัน สำหรับผมเลือกที่จะเข้าห้องสัมมนาเฉพาะบาง Session ที่น่าสนใจจริงๆเท่านั้น เนื่องจากมีการถ่ายทอดสดและสามารถดูย้อนหลังได้บน YouTube จึงรู้สึกว่าไม่ค่อยจำเป็นมากนัก เว้นแต่ว่าต้องการเข้าไปถามคำถามใน Session นั้นๆหรืออยากจะคุยกับ Speaker ที่ต้องการ แต่บางห้องก็เข้าไปนั่งฟังเผื่อว่าจะมีของแจก (แต่ดูเหมือนว่าปีนี้จะไม่มี) ดังนั้นเวลาที่เหลือส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการสำรวจให้ทั่วงานนั่นเอง

บรรยากาศใจกลางของงาน Google I/O 2017

พื้นที่สำหรับผู้สื่อข่าวที่นั่งเขียนข่าวกันอย่างขะมักเขม้น

ห้องสัมมนาถูกจัดเตรียมมาดีขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ติดแค่เรื่องแดดร้อนนี่แหละ และสำหรับหัวข้อสัมมนาในแต่ละห้องก็จะมีตารางบอกไว้ในเว็ปและแอพฯอยู่แล้ว ถ้าใช้แอพก็จะสะดวกมากขึ้นไปอีก เพราะมีทั้งการแจ้งเตือนและการจองที่นั่งล่วงหน้า (ได้สิทธิ์เข้าไปเลือกที่นั่งก่อนเฉยๆ) ซึ่ง Keynote ปีนี้อาจจะดูเหมือนว่ามีเรื่องของแอนดรอยด์น้อยลง แต่บอกเลยว่าหัวข้อสัมมนาที่เกี่ยวกับแอนดรอยด์ปีนี้เยอะมากกกกกก (แต่เกี่ยวกับนักพัฒนาแอพล้วนๆ)

นอกจาก Keynote แล้ว Amphitheater ก็ยังเป็นหนึ่งในพื้นที่สัมมนาเหมือนกัน

ห้องสัมมนาส่วนใหญ่จะมีคนเยอะมาก ถ้าไม่ได้กดจองที่นั่งในแอพ Google I/O ไว้ ก็ต้องต่อแถวยาวๆแบบนี้แทนครับ

ห้องสัมมนาแต่ละห้องสามารถรองรับคนได้ 700-900 คนเลยทีเดียว

ปัายแสดงหัวข้อสัมมนาของแต่ละห้อง

ร้านค้าขายของที่ระลึกของงาน Google I/O ก็ยังอยู่ที่ด้านหน้าทางเข้าเหมือนเดิม โดยปีนี้ก็เปลี่ยนลวดลายของสินค้าให้เข้ากับธีมงานปีนี้ ซึ่งรู้สึกว่า Minimal เกินไปหน่อย เมื่อเทียบกับราคา และก็รับเฉพาะบัตรเครดิตหรือ Android Pay เท่านั้นนะ ถ้าพกเงินสดมาก็อดซื้อจ้า

ร้านที่นี่ Cashless, รับแต่บัตรเครดิตหรือ Android Pay เท่านั้น

ยังแพงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

Android Mini Collectible ของงานปีนี้เป็นหุ่นด๋อยใส่เสื้องาน Google I/O 2017 (ดูได้จากคนข้างหลังซ้ายมือของภาพ)

นอกจากห้องสัมมนาแล้ว ยังมีพื้นที่และห้องที่ใช้จัดโชว์สินค้าหรือเทคโนโลยีต่างๆของ Google อยู่หลายจุดเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็น Android, Web, Firebase และ AR/VR ซึ่งจะแยกออกเป็นหลายๆห้อง

ห้องจัดแสดงหรือห้องโชว์สินค้าและเทคโนโลยีต่างๆของ Google จะเป็นโดมแบบนี้

พื้นที่จัดโชว์สินค้าและเทคโนโลยีแต่ละตัวจะมีพนักงานของ Google ที่ดูแลสินค้าหรือเทคโนโลยีตัวนั้นๆประจำอยู่เพื่อให้คำแนะนำและคำปรึกษาต่างๆกับนักพัฒนา เป็นการเปิดโอกาสให้นักพัฒนาได้พูดคุยกับคนดูแลโดยตรง ที่ปกติจะไม่ค่อยมีแบบนี้ซักเท่าไรนัก

“ภาษา Kotlin จะรองรับการเขียนแอพแอนดรอยด์อย่างสมบูรณ์” เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นักพัฒนาแอนดรอยด์ฮือฮากันเป็นอย่างมาก ซึ่งในงานก็ได้ก็สามารถพูดคุยกับทีมพัฒนาภาษา Kotlin ได้เช่นกัน

Android Wear ถูกนำมาแสดงโชว์แบบครบทุกรุ่น แม้แต่ TAG Heuer Connected (แต่ยี่ห้อใหม่ๆที่เพิ่งประกาศใน Keynote ยังไม่มีให้ลองนะ)

หน้าจอวงกลมขนาดใหญ่สีสันสดใสสำหรับแสดงโชว์ Android Wear

Android Auto ปีนี้เอา Audi และ Volvo มาโชว์ให้ได้ลองเข้าไปนั่งสัมผัสกันจริงๆ

เครื่องให้ขนมที่ต้องยิ้มใส่กล้องก่อนถึงจะปล่อยขนมออกมาให้ ซึ่งสร้างด้วย Android Things ที่เป็นระบบแอนดรอยด์สำหรับ IoT

การประกาศรางวัล Google Play Award สำหรับแอพบน Google Play ก็ถูกประกาศในงานนี้เช่นกัน https://droidsans.com/google-play-award-2017/

Google Home ถูกนำมาแสดงในโซนของอุปกรณ์สำหรับ Smarthome

นอกจากสินค้าของ Google แล้ว ก็มีสินค้าต่างๆที่สามารถใช้งานร่วมกับ Nest ได้มาโชว์ด้วย

อย่างที่บอกครับว่างานนี้เปิดให้นักพัฒนาได้ปรึกษากับทีมของ Google ดังนั้นจึงมีโซนสำหรับปรึกษาโดยเฉพาะ นักพัฒนาสามารถนำแอพของตนเองมาขอคำแนะนำได้เลย เช่น ขอคำแนะนำเรื่องของดีไซน์จากทีม Material Design หรือไอเดียในการพัฒนาโปรดักส์ซักตัว

 

คุยกันแบบตัวต่อตัวเลย

Firebase, Google Cloud Platform และ TensorFlow (Machine Learning) ก็ถูกแยกมาอยู่ในอีกห้องหนึ่ง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้อาจจะเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไปพอสมควร (เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับนักพัฒนาซะมากกว่า) ดังนั้นจึงไม่ขอเล่าอะไรมากนัก แต่ก็มีทีมพัฒนาคอยให้คำปรึกษาได้เหมือนกับห้องของแอนดรอยด์เลย

TPU สำหรับทำ Machine Learning ที่ประกาศเปิดตัวใน Keynote ก็ถูกนำมาโชว์ตัวให้ได้ชมกัน

ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องเชิงเทคนิคเท่านั้นนะ เพื่อให้เห็นภาพการทำงานในเทคโนโลยีต่างๆของ Google ก็จะมีการทำโปรเจคตัวอย่างที่ใช้เทคโนโลยีของ Google เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นโดยตรงเห็นภาพได้ง่ายขึ้น

Photobooth ที่ใช้ Raspberry Pi, Firebase และ Google Assistant ทำงานร่วมกัน

Wrack-a-Pod ที่ใช้ค้อนทุบตัวตุ่นโดยใช้ Kubernates อยู่เบื้องหลัง

สามารถขอคำแนะนำในการนำ Google Maps ไปใช้งานบนเว็ปหรือแอพได้ที่นี่

I/O Transport Tracker เป็นโปรเจคตัวอย่างที่ใช้กับระบบของรถบัสส่งผู้โดยสารในงาน Google I/O

Accelerated Mobile Pages (AMP : คล้ายกับ Instant Articles ของ Facebook) จะรองรับการแสดงโฆษณาในเร็วๆนี้

Progressive Web App (PWA) อีกหนึ่งเทคโนโลยีฝั่งเว็ปที่จะทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างเว็ปที่ทำงานได้เทียบเท่ากับแอพมากขึ้น

Lighthouse เป็น Chrome Extension ที่จะช่วยทดสอบประสิทธิภาพของหน้าเว็ป (ต่อยอดจาก PageSpeed) และให้คำแนะนำกับนักพัฒนาเพื่อทำให้เว็ปเร็วขึ้น ลื่นขึ้น

แจกสติ๊กเกอร์ไปแปะบน Laptop กันได้เต็มที่ จะหยิบกลับไปฝากเพื่อนพี่น้องก็ได้เช่นกัน

เครื่องผสมม็อคเทลที่สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant เป็นโปรเจคตัวอย่างในการประยุกต์ใช้งาน Google Assistant กับอุปกรณ์ภายนอก

มาต่อกันที่ห้อง Accessibility + Design และ Daydream + Tango กันต่อ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการพัฒนาโปรแกรมใดๆก็ตาม ทาง Google ได้ให้ความสำคัญกับผู้พิการเป็นอย่างมาก เพื่อลดกำแพงเทคโนโลยีระหว่างผู้พิการให้น้อยลง และที่ห้อง Accessibility + Design ก็จะมีทีมงานที่พร้อมจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการออกแบบโปรดักส์โดยเฉพาะเช่นเดียวกับห้องอื่นๆ

ด้านหน้าคือห้อง Accessibility + Desing ส่วนห้องด้านหลังคือ Daydream + Tango

มีการจัดแสดงตัวอย่างแอพที่ผ่านขั้นตอนการออกแบบอย่างเป็นขั้นตอน

ในการพัฒนาเว็ปหรือแอพ การสร้าง Wireframe จะขาดไปไม่ได้เลย เพื่อดูความเป็นไปได้ในการใช้งานแอพก่อนที่จะนำไปออกแบบ UI ให้สวยงาม แล้วพัฒนาขึ้นมาเป็นแอพในขั้นตอนต่อไป

สามารถทดลองใช้งาน Daydream กับ Tango ภายในงานได้เลย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้คำแนะนำในการใช้งานอุปกรณ์ตลอดเวลา โดยจะเปิดให้เข้าไปเป็นรอบเวลาที่กำหนดไว้

ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย แต่ต้องติดตามต่อในตอนหน้านะ

เพื่อไม่ให้รูปเยอะจนเกินไป ผมจึงขอแบ่งบทความพาทัวร์งาน Google I/O 2017 เป็น 2 ตอนด้วยกัน ซึ่งตอนต่อไปจะเน้นไปที่ภาพรวมของงาน, จุดที่น่าสนใจนอกเหนือจากสาระหลักของงาน และปาร์ตี้ตอนกลางคืน ซึ่งยังมีภาพอีกเยอะมากที่เก็บมาเล่าสู่กันฟัง โปรดอดใจรอกันก่อนนะครับ