Bloomberg เผยเศรษฐกิจดิจิทัลในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ในปี 2023 อาจชะลอการเติบโต ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 นักวิเคราะห์คาดว่า ผู้คนเริ่มรัดเข็มขัดการจับจ่ายผ่านระบบ e-Commerce น้อยลง และในอนาคต 1 – 2 ปี อาจลดลงถึง 13% หลังเจอปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

เศรษฐกิจดิจิทัล SEA ปี 2023 อาจชะลอตัว

นักวิเคราะห์จาก Google, Temasek Holdings Pte และ Bain & Co เผยว่าในปี 2023 นี้ การจับจ่ายใช้เงินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในแถบ SEA จะเติบโตที่ประมาณ 11% หรือคิดเป็นเงินกว่า 2.18 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ก็ถือว่าชะลอตัวเมื่อเทียบกับอัตราเติบโตของปี 2022 ที่เติบโต 20% แถมปี 2023 ยังเป็นอัตราเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังได้ลดมูลค่าโดยรวมของเศรษฐกิจดิจิทัลในแถบ SEA ภายในปี 2025 ที่รวมทั้งสิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.3 แสนล้านเหรียญฯ ลดลงเหลือเพียงแต่ 2.95 แสนล้านเหรียญฯ เท่านั้น ซึ่งถือเป็นรอบที่สองแล้วที่มีการปรับลดตัวเลขลงมา

ส่วนยอดคาดการณ์รายได้รวมในกลุ่มที่มีการจับจ่ายเยอะที่สุดอย่าง e-Commerce ในปี 2025 ก็ถูกปรับลดลงเช่นกัน จาก 2.11 แสนล้านเหรียญฯ เหลือเพียงแค่ 1.86 แสนล้านเหรียญฯ เท่านั้น ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ เป็นเพราะประชากรในแถบ SEA เริ่มรัดเข็มขัดลดการจับจ่ายเพื่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น และในเมื่อการใช้จ่ายผ่านอินเทอร์เน็ตชะลอการเติบโต บริษัทเทคยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Alibaba, Grab, Sea รวมถึง GoTo Group ก็เริ่มมีการแข่งขันที่ดุเดือด และตึงเครียดขึ้นเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาด

และถึงแม้ว่าประชากรกว่า 650 ล้านคนใน SEA ต่างเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น แต่กระนั้นยอดใช้จ่ายออนไลน์ของคนในแถบนี้ ส่วนใหญ่ยังคงมาจากประชากรในกลุ่มรายได้สูงตามหัวเมืองใหญ่เท่านั้น ซึ่งยอดใช้จ่ายกว่า 70% ทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นยอดที่มาจากประชากรที่มีรายได้สูงระดับ Top 30% แทบทั้งสิ้น ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า บริษัทออนไลน์ต่าง ๆ กำลังประสบปัญหาที่ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าที่มีศักยภาพในแถบภูมิภาคห่างไกล ให้มาใช้บริการในแพลตฟอร์มได้

นักลงทุนคิดหนักในรอบ 6 ปี

ในฟากการลงทุนนอกตลาดในบริษัทแถบ SEA ยังร่วงหนักที่สุดในรอบ 6 ปี หลังนักลงทุนต่างระวังในการลงทุนกันมากขึ้น และยังมีเรื่องของเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ ส่งผลให้การลงทุนในบริษัท Tech ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเมื่อปีก่อน

นอกจากนี้บริษัท SEA ต่าง ๆ ที่เคยได้รับเงินลงทุนในช่วง 5 – 7 ปีก่อน ต่างถูกนักลงทุนกดดันให้จ่ายเงินค่าตอบแทน ที่ผ่านมาบริษัทในแถบ SEA ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียงแค่ 4% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับบริษัทในจีน และสหรัฐอเมริกาฯ ที่ให้ผลตอบแทนกว่า 50% และ 40% ตามลำดับ

ที่มา: Bloomberg