ดูท่า Apple จะไม่ได้มองว่า "นิ้วของคนเราเป็นสุดยอดสไตลัส" อีกต่อไป (แซว) เมื่อล่าสุด กรมดูแลสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐ (USPTO) ได้อนุมัติสิทธิบัตรล่าสุดของ Apple เกี่ยวกับปากกาสไตลัสที่สามารถ จด วาด เขียน บนพื้นผิวไหนๆ ก็ได้ แล้วส่งข้อมูลกลับมายัง iPhone หรือ iPad เพื่อนำไปใช้งานต่อ
บอกตรงๆ ว่านี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผมเคยเห็นการขึ้นราคามือถือหลังจากขายไปแล้ว คือจะ Nokia, Samsung, Sony หรือ HTC ก็ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์นี้มาก่อน และแน่นอนว่าก็คงไม่มีใครที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ นอกจาก Apple เจ้าเดียวเท่านั้น เมื่อล่าสุดราคา iPhone 6 ในรัสเซียปรับราคาขึ้นจาก 39,990 รูเบิ้ล เป็น 53,990 รูเบิ้ล เฉยเลย และไม่ใช่ว่าของขาดแล้วมีการโก่งราคานะครับ แต่ Apple นี่แหละที่ขึ้นราคาเองเลย
Apple และ Samsung ถือเป็นคู่ปรับตลอดกาลของสมาร์ทโฟนยุคใหม่ เพราะนอกจากการฟ้องร้องเรื่องสิทธิบัตรและขึ้นโรงขึ้นศาลกันหลายต่อหลายครั้ง ยอดขายมือถือของทั้งสองค่ายยังแข่งขันกันเพื่อชิงอันดับ 1 กันตลอดมา นี่เป็นเรื่องระดับองค์กรเท่านั้น ถ้านับเรื่องของสาวกของทั้งไทยและต่างประเทศที่แขวะแซะกันตลอดเวลาอีกค่ายเปิดตัวหรือออกรุ่นใหม่ๆ มาแล้วละก็ ยิ่งกว่าดราม่าแต่เรื่องของการแข่งขันและการตลาดก็เป็นเรื่องนึง แต่ถ้าเรื่องของวัตถุดิบ อะไหล่ และการผลิตนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่ Apple ยังคงต้องพึ่ง Samsung ต่อไป หลังล่าสุด Samsung ได้เริ่มเดินเครื่องผลิตชิพ Apple A9 หน่วยประมวลผล หรือ CPU ที่เป็นหัวใจหลักของ iPhone และ iPad ที่สถาปัตยกรรมระดับ 14 นาโนเมตร
อย่างที่เรารู้กันว่า Apple นั้นเสียส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกให้กับ Android ตลอดช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักอย่างหนึ่งคือ ขนาดหน้าจอของ iPhone จากรุ่นสู่รุ่นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก โดยยึดติดกับหน้าจอขนาดไม่เกิน 4 นิ้วมาตลอด ในขณะที่ Android นั้นมีตัวเลือกมากมายทั้งในแง่ของราคา, หน้าจอขนาดใหญ่ และความสามารถพิเศษที่ผู้ผลิตใส่มาให้กับมือถือรุ่นของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่า แนวโน้มกำลังเปลี่ยนไปหลังการวางจำหน่ายของ iPhone 6 และ 6 Plus ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้น โดยยอดขายของมือถือทั้งสองรุ่นช่วยให้ Apple ดึงส่วนแบ่งตลาดกลับมาจาก Android ได้มากขึ้นแล้ว
ในปีนี้นอกจากความพยายามในการเพิ่มความจุของแบตเตอรี่จากแบรนด์ต่างๆ เช่น Huawei Ascend Mate 7 ที่ให้แบตมาเยอะถึง 4100mAh อีกวิธีการแก้ปัญหาเรื่องแบตหมดไวก็จะเป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบตเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีโทรศัพท์จากสองค่ายที่กำลังโปรโมตความสามารถนี้อยู่ นั่นคือ Oppo Find 7 ที่ใช้ VOOC กับ Samsung Galaxy Note 4 ที่ใช้ Fast Charge ซึ่งวันนี้เดี๋ยวจะลองมาทดสอบกันว่าทั้งสองตัวนี้ชาร์จได้ไวแค่ไหน โดยเปรียบเทียบกับ iPhone 6 ที่ไม่มีเทคโนโลยีชาร์จไวมาให้ด้วยครับ
หลังจากที่เปิดเผยยอดขาดของ Smartphone ในไตรมาส 3 ปี 2014 กันไปก่อนหน้า และเจ้าตลาดอย่าง Samsung ก็มียอดขายที่ลดลงทั้งที่ตลาดยังเติบโตดี เมื่อมาถึงตลาด Tablet ที่มี Apple iPad ยึดอันดับ 1 มาโดยตลอด ก็ประสบปัญหาเดียวกัน เมื่อตัวเลขเผยว่าตลาดยังมีการเติบโตอยู่ แต่ยอดขายของ iPad กลับลดลงถึง 12.8%
ดูเหมือนว่าที่ Xiaomi เคยประกาศเอาไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่าในปี 2015 จะทำยอดขายสมาร์ทโฟนให้ได้ 100 ล้านเครื่อง จะไม่ใช่เรื่องที่เกินฝัน หรือเพ้อเจ้ออีกต่อไป เมื่อมีการเปิดเผยตัวเลขของยอดการจัดส่งมือถือในไตรมาสที่ 3 และ Xiaomi ได้ไต่อันดับขึ้นมารั้งอันดับ 3 ทำ มากขึ้นจากปี 2013 ในไตรมาสเดียวกันราว 200% ทำให้ปัจจุบันเเป็นรองเพียง Samsung และ Apple ไปเรียบร้อย
ใครที่ติดตามข่าว iPad mini 3 และ iPad Air 2 ก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ทาง Apple ได้พัฒนา Apple SIM ขึ้นมาและฝังเอาไว้ในตัวเครื่อง iPad ใหม่ทั้ง 2 รุ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยสามารถเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วก็เลือกเครือข่ายและแพ็คเกจที่จะใช้งานได้เลยไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนๆ รวมถึงสามารถเลือกเปลี่ยนเครือข่ายได้ด้วย โดยมีการทดลองใช้งานในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาก็จะเจอภาพแบบนี้แต่ผลปรากฎว่า AT&T เครือข่ายลูกรักของ Apple เองแท้ๆ ในสหรัฐยังเล่นแง่ ไม่ยอมให้ระบบของ Apple SIM ทำงานได้สมบูรณ์ คือถ้าคุณเลือกบริการกับ AT&T แล้วซิมของคุณจะถูกล็อกทันที ถ้าคิดจะเปลี่ยนเครือข่าย คุณต้องไปหา Apple SIM อันใหม่เท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่สาวก Apple ผู้ใช้งาน iPhone และ iPad ชอบเอามาข่มพันธมิตร Android อยู่เป็นประจำ นั่นก็คือการที่ Apple นั้นปล่อย iOS ใหม่ๆ ให้อัพเดทแล้วสามารถอัพเดทได้กันทุกเครื่องพร้อมกันทั่วโลกทันที แต่ฝั่ง android นั้นต้องรอแล้วรออีกเป็นเดือนๆ หลังจาก Google ปล่อย android และกับ iOS 8 ก็เช่นกัน เมื่อเปิดตัวแค่สัปดาห์แรกเท่านั้น ก็มีผู้ใช้งานเข้าไปอัพเดทกันถึง 46% เรียกได้ว่าเร็วมากๆ แต่ผลสำรวจล่าสุดกลับพบว่าหลังจากผ่านมาได้เกือบเดือน ยอดการอัพเดท iOS 8 กลับเพิ่มขึ้นเพียงนิดเดียวเป็น 48% เท่านั้นเอง เล่นเอางงไปเลยว่าเหตุใดผู้ใช้งานหลายๆ คนยังไม่ยอมอัพเดท
จากการแซวเรื่อง #BendGate ของ iPhone 6 มาอย่างยาวนาน ซึ่งก่อนหน้าก็คาดกันว่าการงอนี้ ไม่ใช่ปัญหาอะไรมาก เลวร้ายสุดก็แค่เสียโฉม เครื่องดูน่าเกลียดเท่านั้น แต่ล่าสุดก็งอจนได้เรื่องจนได้ เมื่อนาย Phillip Lechter ได้รับอุบัติเหตุพร้อมกับ iPhone 6 ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้า แล้วเครื่องเกิดการบิดงอ จนเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาบริเวณขา ได้รับแผลไฟไหม้ระดับ 2 ขนาด 11.5 x 10.5 ซม. โดยเครื่องของนาย Phillip ถูกใส่เคสหนังเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดการงอนี้ได้ครับ