เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรมของประเทศเกาหลีใต้ (KFTC) ได้เข้าบุกตรวจสำนักงานใหญ่ของ Apple ที่เกาหลีใต้ หลังได้รับเสียงร้องเรียนจากสมาคมนักพัฒนาเกมมือถือ (KMGA) ว่ามีการหักส่วนแบ่งของรายได้ผ่าน App Store ที่ไม่เป็นธรรมถึง 33% ไม่ใช่ 30% ตามที่ Apple กำหนดไว้
Apple ประกาศปรับราคาสินค้าบน App Store ครอบคลุมทั้งแอป การซื้อในแอป และบริการต่าง ๆ ในทุกประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร รวมถึงประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ชิลี อียิปต์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ปากีสถาน โปแลนด์ เกาหลีใต้ สวีเดน เวียดนาม โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
ตอนนี้ Apple มีแผนขยายธุรกิจในด้านการโฆษณาเพิ่มมากขึ้น จากที่ปกติมีรายได้เพราะโฆษณาราว 4 พันล้านดอลลาร์ แต่หลังจากนี้จะตั้งเป้าเพิ่มรายได้ด้านโฆษณามากขึ้นให้ถึงหลักหมื่นล้านดอลลาร์ ดังนั้นเท่ากับว่าต้องเพิ่มรายได้ส่วนนี้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่าเลยทีเดียว โดยวิธีการเพิ่มรายได้ก็คือเตรียมใส่ Ad ให้โผล่บนแอปต่าง ๆ ด้วย งานนี้ผู้ใช้เตรียมตัวเจอโฆษณาขึ้นจอกันรัว ๆ แน่ครับในอนาคต
ก่อนหน้านี้เราได้เห็นการแจ้งเตือนจากเว็บไซต์ความปลอดภัยไซเบอร์เรื่องแอปแฝงมัลแวร์+แอปหลอกกินเงินมาบ่อยแล้ว คราวนี้มาถึงฝั่ง iOS กันบ้าง…ล่าสุดพบว่ามีแอปประเภท Fleeceware กว่า 80 แอปอยู่ใน App Store หลอกกินเงินเจ้าของ iPhone ที่หลงกลติดตั้งแอปเหล่านี้ไปรวม ๆ แล้วกว่า 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยมียอดดาวน์โหลดสูงถึง 7.2 ล้านครั้ง แถมยังไม่โดนลบทิ้งจาก App Store ซะด้วย
ชาว iOS ที่เป็นสมาชิกแอปฯ ที่มีค่าบริการรายเดือนต่าง ๆ หลังจากนี้ต้องคอยเช็คค่าบริการกันให้ดี เพราะล่าสุด Apple ออกกฎใหม่ให้แอปฯ ใน App Store สามารถต่ออายุการใช้งานให้อัตโนมัติแม้ว่าทางผู้พัฒนาจะมีการปรับเพิ่มราคาค่าบริการทั้งรายเดือนและรายปี โดยไม่ต้องถามผู้ใช้ก่อน จากเดิมที่ผู้ใช้งานจะต้องกดเลือกต่ออายุด้วยตนเองก่อนทุกครั้ง หากมีการเปลี่ยนแปลงค่าบริการ
ล่าสุดมีผลสำรวจเผยออกมาว่า ตอนนี้ App Store ของทาง Apple และ Play Store ของ Google มีแอปที่โดนทิ้งร้างโดยที่ไม่ได้อัปเดตมาเป็นเวลามากกว่า 2 ปี รวม ๆ แล้วถึง 1.5 ล้านแอป ซึ่งปัญหาแอปที่ถูกปล่อยทิ้งแบบนี้นี้มันจะส่งผลกระทบกับ User อย่างเรา ๆ ยังไงบ้าง? นักพัฒนาแอป จะเจอกับปัญหาอะไรบ้างรึเปล่า? และต้นทาง Google กับ Apple จะมีวีธีจัดการกับปัญหานี้อย่างไร?
กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ใช้งานฝั่ง iOS เมื่อ Apple เริ่มส่งจดหมายเตือน ขู่จะลบแอปที่ไม่ได้อัปเดตเป็นเวลานานออกจาก App Store โดยให้เวลา 30 วันในการแก้ไข ซึ่งความคิดเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
แนวทางการตรวจสอบแอปใน App Store ของ Apple ที่อัปเดตล่าสุดเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ได้มีการระบุให้ทุก ๆ แอปที่มีระบบสร้างและล็อกอินด้วยบัญชี ต้องมีตัวเลือกสำหรับ “การลบบัญชี” ควบคู่กันไปด้วยเสมอจากภายในแอป ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวต่อข้อมูลของผู้ใช้งาน ล่าสุดมีการกำหนดเส้นตายออกมาแล้ว โดยแอปที่นักพัฒนาจะส่งให้ Apple รีวิวหลังจากวันที่ 31 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าว
เกิดเหตุการสุดน่าใจหายขึ้นจากนักลงทุน Bitcoin รายนึงชื่อว่า Phillipe Christodoulou ซึ่งตอนนั้นกำลังมองหาที่เก็บ Bitcoin มูลค่าราว ๆ 600,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 19 ล้านบาท) ก็เลยติดตั้งแอปจาก App Store ที่มีชื่อว่า Trezor Wallet ลงใน iPhone และได้โอน Bitcoin ทั้งหมดไปในแอปดังกล่าวเพื่อฝากเงินเอาไว้…แต่ในภายหลัง นาย Phillipe กลับมาเปิดดูบัญชีที่ฝากไว้ ปรากฎว่ายอด Bitcoin ทั้งหมดได้หายวับไป โดยมารู้ทีหลังว่าแอป Trezor Wallet เป็นแอปปลอมที่แฮกเกอร์สร้างไว้หลอกคนนั่นเอง
Google เล็งออกกฎข้อบังคับใหม่ ยอมตัดสินใจลดค่าคอมมิชชั่นสำหรับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ทำรายได้จากการขายแอป และสินค้าภายในแอปไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี จากเดิม 30% เหลือเพียง 15% เท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการลดค่าคอมมิชชั่นให้กับผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นรายย่อยใน Play Store ที่มีจำนวนมากถึง 99% เลยทีเดียว
