โอ้ว ในทีสุด GARMIN Fenix 3 HR ก็เข้ามาวางจำหน่ายในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วคร้าบ Fexnix 3 HR ในราคา 23,400 บาท ถือเป็นนาฬิกาสายออกกำลังกายตัวท็อปที่หลายคนรอคอยกันมายาวนาน เพราะนอกจากดีไซน์สวยงาม แบตอึดใช้งานได้หลายวันแล้ว ยังรองรับการออกกำลังกายหลายรูปแบบในตัว และความนิยมที่เพิ่มมากขี้นเรื่อยๆ ของ Optical Heart Rate Sensor ทำให้ทาง GARMIN เองต้องนำเอามันมาใส่ใน Fenix 3 แ­­­­­­ละทำออกมาขายเป็น Fenix 3 HR นั่นเอง วันนี้ขอแกะกล่องพรีวิว แล้วก็เปรียบเทียบกับรุ่นเดิมไปเบาๆ ว่ามีอะไรต่างกันบ้าง

Fenix 3 นี่ผมใช้มาจะครบปีแล้วครับ ซึ่งชุดที่ผมซื้อมาเป็นแบบครบชุดมาพร้อมสายรัดหน้าอดสำหรับวัดอัตราการเต้นหัวใจด้วย ซึ่งกล่องใหญ่กว่ากันเกือบ 2 เท่าเลยก็ว่าได้ เอาจริงๆ ฟีเจอร์การใช้งานทั่วไปของมันนั้นไม่ต่างกันเลย แถมการวัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยสายรัดนั้นยังมีความสเถียรและแม่นยำกว่าแบบ Optical อยู่มาก

แต่ผมเองเน้นความสะดวกสบาย คือตอนที่ใช้ Fenix 3 วิ่งเนี่ย ไม่เคยได้ใช้สายคาดเลย รู้สึกว่าไม่คุ้ม เลยคิดว่างั้นเปลี่ยนมาสอยแบบที่มี Optical ก็ได้มั้ง เพราะไม่ได้ต้องการวัดเป๊ะๆ ขนาดนั้น เอาแค่พอคุมโซนออกกำลังได้ก็พอแล้ว

ด้วยความวู่วาม สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจเปลี่ยน เอาง่ายๆ ฮ่าๆ เอาว่าเปลี่ยนเพราะขี้เกียจพกสายคาดหน้าอกนั่นแหละ

เริ่มจาก Fenix 3 รุ่นแรกก่อน แกะกล่องออกมาเทียบกันเห็นได้ชัดๆ ว่าของในรุ่นเก่านั้นมีเยอะกว่ามากมาย เพราะเป็นชุด bundle สายคาดและเครื่องวัดอัตรการเต้นหัวใจ นอกจากนั้นก็เป็นตัวเรือน Fenix 3 สายชาร์จ และหม้อแปลง

ส่วน Fenix 3 HR กล่องเล็กน่ารัก ข้างในมีแค่ Fenix 3 HR สายชาร์จ และหม้อแปลง 2 อัน (งงเหมือนกันว่าทำไมให้มาสองอัน อันนึงหัวปลั้กกลม อีกอันหัวแบน)

สายชาร์จ Fenix 3 กับ Fenix 3 HR นั้นใช้แทนกันไม่ได้นะครับ เพราะของ HR มันจะมีการเว้นช่องเผื่อส่วนที่เป็น Optical heart rate sensor เอาไว้ แต่ของ Fenix 3 นั้นไม่มี

สายชาร์จพร้อมตัวล็อคของ Fenix 3 นั้นพื้นมันจะเรียบ เพราะด้านหลังของ Fenix 3 นั้นเรียบไม่มีอะไรยื่นออกมา

ส่วนของ Fenix 3 HR บนแท่นตัวล็อคนั้นจะมีรูตรงกลาง เพื่อให้ช่อง Optical heart rate นั้นมีช่องให้ประกบเข้าไปได้

อีกอย่างนึงที่มีการเปลี่ยนแปลงคือสายของ Fenix 3 HR นั้นมีการปรับดีไซน์ใหม่เล็กน้อย จะเห็นว่าช่องปรับระดับสายนั้นไม่ได้เจาะมาทั้งเส้น เหมือนรุ่นก่อนหน้า อ้อ! แต่สายทั้งสองรุ่นยังสามารถสลับไปมาใช้แทนกันได้นะครับ เพราะตรงส่วนข้อต่อนั้นยังเป็นแบบเดียวกันและมีขนาดเท่ากันอยู่ ใครที่ซื้อสายหลายๆ สีเอาไว้เปลี่ยนก็ไม่ต้องขายทิ้ง เก็บไว้ใช้ได้

ตัวเรือน Fenix 3 นั้นมีรุ่นหน้าปัดกระจก และหน้าปัดกระจกแซฟไฟร์แยกกัน แต่ของ Fenix 3 HR หน้าปัดจะมีแค่กระจกแซฟไฟร์เท่านั้น เรียกว่าจัดเต็มกันเลยไม่มีกั๊ก และสุดท้าย Fenix 3 HR รองรับการใช้งานภาษาไทยและการแจ้งเตือนเป็นภาษาไทยแล้วครับ โดยที่เราจะเลือกใช้งานเป็นเมนูภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยก็อ่านได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าเป็น Fenix 3 รุ่นก่อนจะมีแค่รุ่น Rose Gold ที่รองรับภาษาไทย

Play video

ปิดท้ายด้วยคลิปแกะกล่องสั้นๆ และผลจากการเอาไปทดลองวิ่ง 3 กิโลนิดๆ ซึ่งผมใส่ Fenix 3 HR แบบไม่แน่นมาก คือไม่รัดข้อมือจนเกินไป พอขยับได้นิดๆ มันก็สามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจได้เหมือนกัน เอาไว้ได้ทดสอบยาวๆ หรือเอาไปออกงานวิ่งแล้วจะมารีวิวเต็มๆ ให้อีกรอบ