แอบได้ข่าวแว่วๆ มาว่า Xiaomi Mi 9 มีกำหนดจะเข้ามาวางขายในประเทศไทยในอีกไม่นานนี้ ซึ่งนับเป็นมือถือเรือธงที่ใช้ชิป Snapdragon 855 เป็นรุ่นแรกที่พร้อมวางขายในบ้านเราเลยก็ว่าได้ (เพราะดูแล้วคงไม่มีใครตัดหน้าทัน) เพราะฉะนั้นเรามาแกะกล่องพรีวิว Mi 9 ไปพร้อมกับ droidsans กันเลยดีกว่า

แกะกล่อง Xiaomi Mi 9

ชี้แจงแถลงไขกันก่อนว่าเครื่อง Xiaomi Mi 9 ที่อยู่ในภาพนี้ ยังไม่ใช่เครื่องศูนย์ และเป็น ROM จีนอยู่เลย แต่ดีไซน์หน้าตา และของในกล่องก็ไม่น่าจะผิดแผกไปจากนี้ เผลอๆ จะมีของแถมนอกกล่องเพิ่มเติมมาอีกด้วยซ้ำ เพราะ Xiaomi ไทยชอบตั้งราคาสูงนิดๆ แล้วแถมของเพิ่มให้สำหรับคนจองประจำ ภายในกล่องก็มีอุปกรณ์มาตรฐานตามปกติ ตัวแปลง Type C เป็นช่องหูฟัง 3.5 หม้อแปลง และสาย USB C

มีเคสซิลิโคนใสแถมมาด้วย ส่วนด้านหลังตัวเครื่อง Holographic ก็เหลือบเงาสะท้อนเป็นสีรุ้งได้จริงๆ ตามที่ประกาศเอาไว้เมื่อตอนเปิดตัว สวยงามสมคำร่ำลือดีแท้

หม้อแปลงที่แถมมาก็จัดเต็ม จากในภาพคือรองรับ Quick Charge 3.0 จ่ายไฟสูงสุดที่ 20v 1.35A หรือ 28 วัตต์ นั่นเอง

 

ความรู้สึกแรกสัมผัส Mi 9

ด้านหน้าตัวเครื่อง Mi 9 อาจจะเชยไปสักนิด เพราะติ่งจอแบบหยดน้ำมันค่อนข้างจะเกร่อแล้วในปีที่ผ่านมา เลยดูไม่มีอะไรพิเศษเลย น่าเสียดายตรงนี้นิดหน่อย ขนาดหน้าจอถือว่ากำลังดี 6.39 นิ้ว ใหญ่กว่าตอน Mi 8 นิดหน่อย วัสุดตัวเครื่องและงานประกอบนั้นดีงาม แค่หยิบขึ้นมาอยู่ในมือก็รู้สึกถึงความหรูขึ้นมาทันที

เฟรมโลหะนั้นก็ทำสีมาเป็นโทนเดียวกับตัวเครื่อง ยังมี IR Blaster หรืออินฟราเรดรีโมทให้ใช้งานเหมือนเดิม

ด้านล่างนั้นเจาะช่องสำหรับไมโครโฟนและลำโพงเอาไว้ขนาบช่อง USB C ถาดซิมอยู่ทางด้านซ้าย รองรับ Dual nano sim แต่ไม่มีช่องให้เติมเมมเพิ่ม ตามปกติของตระกูล Mi ส่วนด้านข้างนั้นมีปุ่ม XiaoAI เพิ่มเข้ามา ซึ่งในเวอร์ชั่น Global นั้นถูกจับไปผูกกับ Google Assistant เป็นที่เรียบร้อย

 

Snapdragon 855 แรงไหม

เราได้เห็นผลทดสอบของ Snapdragon 855 ไปบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคะแนนหลุด หรือการทดสอบก่อนขายจริง งั้นเรามาทดสอบกับ Xiaomi Mi 9 กันเลยดีกว่า ซึ่งคะแนนก็ดุเดือดตามคาด ฟาด Antutu ไป 369,181 ฝั่งของ Geekbench ก็มีคะแนน Single-Core 3512 / Multi-Core 11068 ส่วนคะแนน 3D Mark เน้นที่ Sling Shot Extreme ฝั่งของ OpenGL ES 5477 / Vulkan 4830

 

 

กล้อง Mi 9 ที่ไปเขย่าชาร์ต DxO

ส่วนของกล้องหน้าที่อยู่บนติ่งจอแบบหยดน้ำนั้นมีความละเอียด 20MP (f/2.0) อันนี้ยังไม่มีคะแนนจาก DxOMark Selfie ประกาศออกมา แต่ส่วนตัวจากที่ได้ลองก็ค่อนข้างพอใจในเรื่องของความละเอียดและสีสัน คือมาแนวธรรมชาติ สีค่อนข้างตรง มี AI ช่วยในการปรับ White balance เวลาถ่ายเซลฟี่ในสภาพแสงที่ต่างกันด้วย

กล้องหลัง 3 ตัวครั้งแรกของ Xiaomi จัดเต็มด้วยกล้องกลัง 48MP IMX586 (f/1.75) ทำงานร่วมกับ 12MP เลนสู์ซูม 2X (f/2.2) และกล้องมุมมองกว้าง 16MP เลนส์ Wide Angle 117° (f/2.2)

การถ่ายภาพปกติทั่วไปนั้นจะอยู่ที่ 12MP ครับ แต่ถ้าหากอยากเปิดภาพความละเอียดสูง 48MP ก็สามารถเลือกเปิดได้จากแถบการตั้งค่า

ส่วนระยะเลนส์ของกล้องทั้ง 3 ตัวนั้นก็จะต่างกันออกไปกดสลับได้จากปุ่มซูม 1x หรือ 2x แต่ที่แปลกหน่อยคือใน Mi 9 หากจะเปิดกล้อง Ultra Wide ต้องไปกดสัญลักษณ์ที่มุมซ้ายล่างแทน

เสร็จแล้วก็จะได้ภาพมุมกว้างแบบนี้ออกมา เวลาจะกลับมากล้องปกติก็ต้องกดปิดอีกทีนึง ฟีเจอร์กล้องเท่ๆ อย่าง Animate Bokeh ในการถ่าย Portrait ก็ยังมีให้เล่นครบครัน ส่วนโหมดการถ่ายวิดีโอนั้นก็สูงสุดที่ 4K UHD 60fps เลยทีเดียว

ตัวอย่างภาพโหมด Auto ที่ใช้ AI ช่วยถ่ายมา กับโหมดขุดอย่าง Night Mode ก็จะเห็นรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของเนื้อไฟล์ ความส่างและน๊อยส์ที่ Night Mode จัดการได้ดีขึ้น

ภาพ 3 ระยะ จาก 3 กล้องหลัง เผื่อใครสนใจว่าระยะเลนส์แต่ละตัวมันกว้างมากน้อยแค่ไหน

ส่วนภาพ 48MP นั้นจะเห็นได้ชัดว่ามีรายละเอียดและความคมเพิ่มขึ้นจริง ดูจากหน้าของภาพถ่ายและกระเป๋าหวายที่ครอปออกมาได้ว่าต่างกันค่อนข้างชัดเจน

Play video

ไว้มาลุ้นไปด้วยกันครับว่า Xiaomi ประเทศไทยจะเปิดราคา Mi 9 ออกมาเท่าไหร่ และจะมีรุ่นไหนเข้ามาวางขายบ้าง จะหนีบเอา Mi 9SE และ Mi 9 ALITA ที่เป็น Explorer Edition มาพร้อมกันเลยหรือเปล่า