Huawei และ ZTE สองบริษัทยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมข้ามชาติจากเมืองจีนกำลังตกเป็นเป้าโจมตีจากสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ZTE เกือบจะต้องปิดตัวลงเมื่อปีก่อนเนื่องจากโดนแบนการนำเข้าและทำการค้า ตอนนี้ทั้ง ZTE และ Huawei อาจจะถูกกันจากการจำหน่ายสินค้าด้านโทรคมนาคมในสหรัฐอเมริกา
จากรายงานของ Bloomberg กล่าวว่ารัฐบาลของทรัมพ์กำลังพิจารณาคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี (executive order) ที่ “จะมีการควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ” กับบริษัทโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนเป็น ในการดำเนินกิจการในสหรัฐฯ แม้จะไม่ได้มีการระบุชื่อว่าคือ ZTE และ Huawei โดยชัดเจน แต่ทางกฎหมายทั้งสองบริษัทก็จะได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังไม่ได้เสนอต่อประธานาธิบดีทรัมพ์ และทางทำเนียบขาวเองก็ยังไม่ได้ยืนยัน โดยเมื่อปีกลาย ZTE เกือบจะต้องปิดตัวลงจากการถูกแบนการนำเข้าสินค้าโดยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลจากที่พบว่ามีการฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรทางการค้ากับอิหร่าน โดยการแบนถูกยกเลิกเมื่อ ZTE ชำระค่าปรับเป็นเงินมากกว่า $1 พันล้านดอลล่าห์สหรัฐ แต่อย่างไรก็ตามทาง ZTE ก็ยังโดนโจมตีด้านบทบาทของการขยายเครือข่าย 5G
สมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนสนับสนุนข้อกำหนดตาม “พระราชบัญญัติการป้องกันราชอาณาจักร” ที่จะแบนอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมของ Huawei, ZTE และบริษัทของจีนรายอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนั้นยังไม่ได้ผ่านเข้าสู่กระบวนการออกเป็นกฎหมาย โดยคณะกรรมการร่างกฎหมายนำโดย Mike Conaway ผู้แทนฯ จากมลรัฐเท็กซัส กำลังดำเนินการที่จะแบนเทคโนโลยีอีกอย่างของจีน โดยผ่าน “ร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันระบบสื่อสารของสหรัฐฯ” (Defending U.S. Government Communications Act) ที่ห้ามให้หน่วยงานรัฐบาลใช้บริการหรืออุปกรณ์โทรคมนาคมของ Huawei และ ZTE
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นร่างกฎหมายของสภาคองเกรส หรือคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีก็ตาม ล้วนมีผลกระทบต่อยอดขายมือถือและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของ Huawei และ ZTE ที่วางขายในสหรัฐฯ ซึ่งเดิมทีทาง Huawei วางแผนที่จะขยายตลาดมือถือในสหรัฐฯ แต่ทางเครือข่าย AT&T และ Verizon ต่างก็กลับลำไปเสียก่อน เนื่องจากแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ นั่นเอง
ขณะนี้ CFO ของ Huawei อยู่ระหว่างกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากแคนาดามาสหรัฐฯ ในข้อหาที่เธอบิดปังการเชื่อมโยงของ Huawei กับบริษัทที่พยายามขายเทคโนโลยีให้กับอิหร่าน โดย CEO ของ Huawei ได้กล่าวในจดหมายถึงพนักงานว่า “การแบนจากรัฐบาลจะมีผลกระทบต่อบริษัทและพนักงานเป็นอย่างมาก และในปีต่อไปหนทางของบริษัทคงไม่สดใสอย่างที่หวังไว้ และเราจะต้องเตรียมพร้อมกับช่วงเวลาอันยากลำบาก”
ที่มา androidpolice
Comment