ในที่สุด Android 5.0 Lollipop ก็ได้เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มีทั้งผู้ที่ดีใจเพราะได้กินอมยิ้ม และผู้ที่เสียใจเพราะต้องนั่งแพลอยน้ำไป แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็ถูกใจกับการมาของเวอร์ชันนี้กันค่อนข้างมาก เพราะว่ามีทั้ง Material Design ที่เปลี่ยนการทำงานของ UI และลูกเล่นต่างๆให้สวยยิ่งขึ้น หรือฟีเจอร์ใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามา (ผมก็ด้วย)

    Moto 360 จาก Motorola เรียกได้ว่าเป็น Android Wear ตัวแรกเลยก็ว่าได้ ซึ่งได้เปิดตัวพร้อมกับ Android Wear มาตั้งแต่ต้น แต่กว่าจะวางจำหน่ายก็นานแสนนานเหลือเกิน จน LG G Watch และ Samsung Gear Live ที่ออกมาตามหลัง ก็ได้ชิงจำหน่ายไปก่อนแล้ว    จนในที่สุด Moto 360 ก็ได้วางจำหน่ายบนเว็ปของ Motorola เอง และผมก็ไปคว้ามาสวมแขนได้ซักพักแล้ว ดังนั้นก็ถึงเวลารีวิวตัวนี้กันแล้วล่ะ![update] ถ้าใครหาซื้อเจ้า moto 360 นี้อยู่ก็อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปดูใน droidsans marketplace ด้วยนะ มีคนเอาของมาปล่อยสภาพดีๆน่าใช้อยู่เพียบเลย

        เนื่องจาก Android Wear เริ่มเข้ามาในบ้านเราแล้ว และผมก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจเหมือนกัน เพราะได้ลองเล่นมาพอสมควรแล้ว แต่ทว่าหลายๆคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่า Android Wear มันคืออะไร แล้วมันน่าสนใจอย่างไร ดังนั้นก็เชิญอ่านกันได้เลยจ้า      สำหรับบทความนี้จะเกริ่นเกี่ยวกับ Android Wear โดยรวมๆ เพื่อปูทางความรู้ความเข้าใจก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่รีวิวของ Moto 360 นะครับ เพราะถ้าอธิบายรวมไปในรีวิวก็จะทำให้เนื้อหารีวิวเยอะเกินไป :D

   หลายๆคนอาจจะพึ่งเคยได้ยินกับเทคโนโลยีตัวนี้ และก็น่าจะมีคนที่เคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง ในวันนี้ก็ขอหยิบยกเจ้าเทคโนโลยีตัวนี้มาเล่าสู่กันฟังเสริมความรู้สร้างสุขลักษณะนิสัยกันดีกว่า (ไม่น่าใช่นะ...) ว่ามันคืออะไร เอาไว้ทำอะไร และมีดีเยี่ยงไร 

       เนื่องจากผมได้สั่ง Moto 360 มาใช้งานก็เลยขอรับหน้าที่ทำรีวิวซะเลยดีกว่า โดยตั้งใจว่าจะเอามาใช้งานส่วนตัวแล้วก็เอาไว้ Development ตามแต่ไอเดียจะบรรเจิด แต่ก่อนอื่นก็ขอทำพรีวิว Unboxing เจ้า Android Wear ตัวนี้ที่ใครๆหลายคนนั้นหมายปองกัน เพื่อเรียกน้ำย่อย (และยั่ว) ผู้อ่านกันซักหน่อยดีกว่า :D  

        วันนี้ผมขอหยิบยกเจ้า Google Cardboard มารีวิวเล่นๆดู เพราะเป็นอะไรที่ชอบดีทั้งในแง่ของการใช้งานและตัววัสดุที่ใช้ ซึ่งผมก็มีโอกาสได้สัมผัสกับเจ้า VR ตัวนี้ (ทั้งของแท้และแบบ Clone) มาพักใหญ่แล้ว ก็อยากจะจัดรีวิวให้อ่านกันเล่นๆ 

ในช่วงนี้หลายๆคนอาจจะเคยเห็นกระทู้พันทิปกระทู้หนึ่งถูกแชร์ในวงโซเชียล ที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับอันตรายจาก Permission ในแอปพลิเคชัน Facebook Messenger ซึ่งบอกเล่าถึงการที่แอพฯตัวหนึ่งขอ Permission เยอะๆแล้วมันมีอันตรายใดๆบ้าง แต่เนื้อหาในนั้นก็ค่อนข้างเกินจริงมากจนทำให้เกิดความเชื่อผิดๆได้ และหลายๆคนก็คงยังแชร์กันต่อไปเรื่อยๆอยู่

Remote Device Access หรือเรียกสั้นๆว่า RDA ซึ่งเป็นบริการจาก Nokia เพื่อให้นักพัฒนาสามารถทดสอบแอพบนเครื่องจริงๆผ่านอินเตอร์เน็ตได้ โดยทาง Nokia ได้จัดเตรียมเครื่องจริงๆไว้ให้นักพัฒนาสามารถเข้าใช้งานผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแอพ แล้วทดสอบใช้งานว่ามีปัญหาหรือไม่ หรือจะลองกดใช้งานเมนูต่างๆในเครื่องก็ได้ ล่าสุดได้มีการแจ้งว่าจะปิดให้บริการในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ซะงั้น (วันแม่พอดิบพอดี) ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการนี้เป็นบางครั้งบางคราว (ล่าสุดก็ตอนที่พรีวิวเจ้า Nokia X2 นั่นเอง) หรือว่านี่เป็นผลจากการที่ Microsoft ประกาศจะลอยแพ Nokia X อย่างเป็นทางการ? (จะลอยแพกระทั่งนักพัฒนาด้วยหรือนี่)

สำหรับ Nokia X2 ที่มาพร้อมกับ Nokia X Platform 2.0 ที่พึ่งจะเปิดตัวไปได้ซักพัก ที่ทำให้เหล่าผู้ใช้ Nokia X ที่รันบน Nokia X Platform 1.0 ต้องน้ำตาตกในกันเพราะอัพเดทเป็น 2.0 ไม่ได้ คราวนี้ผมก็ไปได้ข้อมูลจากตัวเครื่องมาก็เลยคาบข่าวมาสรุปให้ได้อ่านกันเล่นๆ เพื่อที่ว่าผู้อ่านจะได้เก็บเป็นข้อมูลเอาไว้ช่วยในการตัดสินใจว่าจะรอซื้อดีมั้ย หรือเปรียบเทียบว่าต่างจากตัวเก่าซักแค่ไหน คราวนี้มีปุ่ม Home แล้วนะจ๊ะ ไม่ต้องกดปุ่ม Back ค้างกันอีกต่อไปแล้ว~

AMOLED ที่หลายๆคนรู้คุ้นเคยกันดีบน Smartphone หรือ Tablet ที่หลายๆคนคงจะรู้ดีกันอยู่แล้วว่าสีมันสดมาก คมชัดมาก และอื่นๆอีกมากมาย รวมไปถึงตัวเทคโนโลยีของมันเอง ดังนั้นวันนี้จะไม่ได้มานั่งเล่าว่า AMOLED มันคืออะไรหรือมันดียังไง แต่อาจจะเคยได้ยินกันอยู่แล้วว่าจอ AMOLED จะประหยัดไฟมากกกก ดังนั้นจะมาทดสอบให้ดูว่ามันประหยัดไฟได้สมคำล่ำลือมากแค่ไหน!!