Grab ได้ออกมาประกาศว่าต่อไปนี้ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมเป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานแอปหน้าเดิมหรือหน้าใหม่ ทุกคนจำเป็นต้องถ่ายเซลฟี่มายืนยันตัวตนเพื่อแสดงว่าบัญชีที่ตนใช้นั้นเป็นบัญชีจริงๆ ซึ่งเอาเข้าจริงขั้นตอนยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายเซลฟี่นั้นก็มีมาสักพักแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทว่าเป็นขั้นตอนที่จะมีเพียงผู้ใช้รายใหม่ๆ เท่านั้นที่ต้องทำ แต่ตอนนี้ทาง Grab เองก็วางแผนที่จะให้ผู้ใช้ปัจจุบันยืนยันตัวตนด้วยวิธีนี้กันบ้างแล้ว 

“ที่ Grab พวกเราทำงานกันอย่างหนักเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งความปลอดภัยที่ผู้ใช้งานทุกท่านเวลาเรียกใช้งานบริการต่างๆ ผ่านแอปของเรา และตามข้อบังคับให้การเรียกรถแท็กซี่ออนไลน์ที่ทางรัฐบาลบัญญัติขึ้นมา เราเองก็จำเป็นที่จะต้องขอให้ผู้ใช้งานทุกท่านถ่ายรูปเซลฟี่ส่งมาเพื่อเป็นการยืนยันตัวตน”

ขั้นตอนการยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายเซลฟี่นั้นก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายและจบลงในแอป Grab เลยทีเดียวไม่ต้องสลับแอปอื่นไปมาให้ยุ่งยาก โดยสิ่งที่เราต้องทำก็มีเพียงแค่เอาหน้าไปใส่ให้ตรงกับกรอบที่ทาง Grab จัดไว้ให้เท่านั้นเองครับ ซึ่งหากเราทำทุกอย่างตามขั้นตอนครบหมดแล้ว แอปก็จะสั่งให้เราพยักหน้าขึ้นลงเพื่อที่จะเป็นการทำให้ขั้นตอนทุกอย่างจบสิ้นสมบูรณ์นั่นเอง เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว

และในเมนู Help Centre ของแอป Grab เองก็ได้มาอธิบายเพิ่มเติมว่าหากกล้องหน้าของผู้ใช้งานแอปนั้นเกิดเสียหรือใช้งานไม่ได้ ทางแอปเองก็เสนอทางเลือกให้ใหม่ก็คือ ใส่ข้อมูลของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตแทนเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนนั่นเอง ซึ่งย้อนกลับมาที่การถ่ายเซลฟี่ยืนยันตัวตนอีกรอบ ทาง Grab เองก็ออกมานั่งยันนอนยันว่า รูปเซลฟี่ของทางผู้ใช้งานแอปนั้นจะไม่ถูกแชร์ไปยังคนขับแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ผู้ใช้งานบางรายอาจจะถูกร้องขอให้ถ่ายเซลฟี่เพื่อขั้นตอนการยืนยันตัวเองมากกว่า 1 รอบ หาก Grab เห็นถึงความจำเป็น

“จุดประสงค์ของภาพเซลฟี่นั้นมีเพียงแค่การยืนยันตัวตรเท่านั้น และอาจจะใช้เพื่อการยืนยันบางสิ่งบางอย่างกับเจ้าหน้าที่เท่านั้นหากเห็นสมควร และทางเราเองก็รับประกันเลยว่าภาพเซลฟี่และข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บเป็นความลับและจะไม่ถูกแชร์ต่อไปยังคนขับหรือคนอื่นๆ แต่อย่างใด”

โดยในอดีตที่ผ่านมา ฟีเจอร์การถ่ายเซลฟี่เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของ Grab ก็สร้างประโยชน์ให้แก่สังคมมาแล้ว หลังจากที่มีคนขับ Grab คนหนึ่งหายตัวไป ซึ่ง Grab เองก็ใช้ภาพเซลฟี่ในการตามเบาะแส จนทราบในภายหลังว่าคนขับรถดังกล่าวนั้นถูกฆาตกรรมโหดโดยผู้โดยสารของเขาเอง

ที่มา: Says  & soyacincau และ Grab Help