งานนี้เรียกว่าต้องดิ้นรนหาทางหนีทีไล่กันยกใหญ่ สำหรับบรรดาบริษัทเทคฯข้ามชาติที่มีการดำเนินกิจการประเภทโรงงานผลิตอยู่ในประเทศจีนทั้งหลาย โดยเฉพาะถ้าหากมีสหรัฐเป็นจุดหมายปลายทางของการบริโภค หลังจากที่ประธานาธิบดี Donald Trump ได้มีการประกาศขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าจากจีนครั้งล่าสุดในสินค้ากลุ่มเทคฯเพิ่มขึ้นไปอีก โดยรอบนี้ปัญหาตกเป็นของ Tech Giants สัญชาติอเมริกันเองที่ต้องตัดสินใจเร่งขยับฐานการผลิตไปยังไต้หวันและประเทศกลุ่มอาเซียนแทน
สหรัฐขึ้นภาษีอีก 2.5 เท่า ส่วนฝั่งจีนงัดไม้เด็ดส่งบริษัทเทคฯอเมริกันเข้าต่อรอง
ช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมานี้เอง ทางสหรัฐได้ประกาศเพิ่มความเข้มข้นทางมาตรการกดดันทางการค้าเข้าไปอีกโดย เพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าจากประเทศจาก 10% เป็น 25% คิดเป็นมูลค่าวงเงินกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ (6.24 ล้านล้านบาท) ในทันทีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีอย่าง motherboards | smartphones | game consoles | computers เป็นต้น ซึ่งส่งผลกระทบในทันทีไม่ใช่แค่สำหรับผู้ประกอบการหรือโรงงานผลิตสัญชาติจีน แต่รวมไปถึงบรรดาบริษัทเทคฯชั้นนำของโลกต่างๆที่มีฐานผลิตในจีนกันอยู่มาก (แน่นอนว่าบริษัทสัญชาติอเมริกันเองก็อ่วม ถ้า 2 ชาตินี้เจรจากันไม่ได้ข้อสรุปเสียที)
โดยจากรายงานเป็นที่เชื่อกันว่าผลิตภัณฑ์เกมส์คอนโซลชื่อดังอย่าง Nintendo Switch นั้นกำลังจะต้องขายสินค้าในราคาขาดทุน เรียกว่ายิ่งขายมากเท่าไหร่ จะยิ่งขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น หากไม่ย้ายฐานการผลิตไปจากประเทศจีนและต้องเจอกำแพงภาษีใหม่ ที่เพิ่มต้นทุนการนำเข้าไปอีก 250%
ส่วนทางฝั่งจีนก็ไม่ได้นิ่งเฉย ล่าสุดมีรายงานจากแหล่งข่าวของ New York Times ระบุว่ามีการทำคำเตือนไปยังบรรดาบริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่ทั้งหลายว่า “ระวังจะพบกับผลลัพธ์ที่เป็นการถาวร หากให้ความร่วมมือกับนโยบายกีดกันทางการค้าของทรัมป์” ส่วนนี้คาดการณ์ว่าน่าจะหมายความถึง ปัญหาในเรื่องการจัดการต้นทุนทางธุรกิจในระยะยาวและแรงกดดันอื่นๆจากทางจีน ซึ่งทางบริษัทเทคฯชั้นนำสัญชาติอเมริกันหลายรายก็กำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อเจรจาให้ Trump อ่อนข้อลงมาบ้างนั่นเอง
Google เร่งย้ายฐานผลิตไปไต้หวัน พร้อมเข้าร่วมวงเจรจาให้ Android อยู่คู่ Huawei ได้ต่อไป
ทาง Google หลังจากที่ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อประเด็นสงครามทางการค้าในประเด็นระหว่าง Huawei กับ รัฐบาลสหรัฐเอาไว้ ก็ได้มีการเตรียมพร้อมรับผลกระทบไว้บ้างแล้วหลังจากล่าสุดได้ย้ายฐานการผลิตสำหรับสินค้าที่มีสหรัฐเป็นตลาดหลัก โดยกลุ่มแรกจะเป็นชิ้นส่วนเทอร์โมสแตทส์ และ เมนบอร์ด ของผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมแบรนด์ Nest จะถูกย้ายไปยังโรงงานในไต้หวัน (คาดเป็นโรงงานเดียวกันที่ผลิตอุปกรณ์ Google Pixel) หรือเม็กซิโกแทน เพื่อไม่ให้รับผลกระทบจากอัตราภาษีนำเข้าใหม่นั่นเอง
นอกจากนั้น Bloomberg ยังรายงานอีกว่า Google ที่มีส่วนได้เสียจำนวนมหาศาลกับปัญหาระหว่างจีนกับสหรัฐ ถึงกับออกอาการนั่งไม่ติดเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจเพื่อช่วยล้อบบี้กับทางการในกรุง Washington D.C. อย่างต่อเนื่องให้มั่นใจว่าจะสามารถทำงานร่วมกับ Huawei ต่อไปได้ในกรณีของ Android และที่มากกว่านั้นคือตามข่าวลือที่ว่า Google ได้เตรียมการและทำงานกับรัฐบาลจีนอย่างใกล้ชิดมาหลายปีเพื่อที่จะเปิดให้บริการซอฟแวร์ภายในประเทศจีนให้ได้เร็วๆนี้ คงไม่ต้องการเห็นสงครามทางการค้านี้ยืดเยื้อออกไปอีกแน่ๆ
อ่านเพิ่มเติม: ทำไม Google ถึงมองว่าการแบน Huawei อาจส่งผลเสียต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา มากกว่าเดิม
Apple บอกเตรียมตัวมาดีกับ Foxconn ส่วน Nintendo ลืออาจย้ายมาแถวๆอาเซียน
สำหรับยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอีกรายที่เรียกได้ว่ามีจีนเป็นโรงงานผลิตหลักมาตลอดเลยก็ว่าได้อย่าง Apple นั้น ดูจะเตรียมการมาเป็นอย่างดีเพราะล่าสุดประกาศชัด ไม่ยกเลิกการผลิตสินค้าในจีนที่ทำร่วมกับ Foxconn Technology มาอย่างยาวนาน เพียงแต่จะโยกไปใช้โรงงานผลิตของ Foxconn ที่อยู่ในประเทศอื่นแทนเฉพาะสำหรับสินค้าล็อตที่จะต้องถูกส่งไปขายในสหรัฐเท่านั้น ซึ่งไม่มีปัญหากับต้นทุนมากนักหากอัตราภาษีนำเข้า 25% กับจีนนี้จะคงอยู่ต่อไป
ส่วนในรายของ Nintendo มีแหล่งข่าวในระบบ Supply Chain ของการผลิตเผยว่าผลิตภัณฑ์ Game Console ที่กำลังสร้างชื่ออย่าง Nintendo Switch นั้น กำลังจะต้องทยอยโยกย้ายการผลิตไปยังโรงงานในประเทศกลุ่มอาเซียนที่คาดว่าจะเป็นมาเลเซียเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีความชัดเจนต่อไปในปัญหาสงครามการค้านี้ นอกจากนั้นยังเผยอีกว่ารุ่นถัดไปของ Nintendo Switch นั้นอาจจะต้องถูกเลื่อนเวลาเปิดตัวออกไปก่อนด้วยเพราะเหตุเดียวกัน
นอกจากนั้น บริษัทชื่อว่า Wistron Corp. ซึ่งทำหน้าที่รับผลิตอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลของ Tech Giants อย่าง Facebook และ Microsoft นั้นก็กำลังมีการพูดคุยและตัดสินใจกันอยู่เช่นกันว่าจะต้องย้ายฐานการผลิตออกไปนอกประเทศจีนหรือไม่ งานนี้เรียกได้ว่านโยบาย “อเมริกามาก่อน” หรือ “American First” ของรัฐบาลภายใต้การนำของ Trump นั้นเริ่มแสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์มากขึ้น เพราะตอนนี้ “American (เริ่มเจ็บ) First” แล้วนั่นเอง
อ้างอิง: Engadget | Bloomberg (subscription) | The Wall Street Journal (subscription) | The New York Times (subscription)
ล่าสุดเพิ่งโดน Huaweiฟ้องละเมิดสิทธิบัตรอีก สามหมื่นกว่าล้านนี่ครับ https://m.gsmarena.com/huawei_is_seeking_upwards_of_1_billion_from_verizon_in_alleged_230_patent_infringements-news-37565.php
เห็นภาพ แล้วนึกถึงคำว่า
มึงไปเล่นตรงโน้น
เอาเหอะ
ไม่มีใครมาไทยบ้างเลย เราคงต้องพิจารณาความเสถียรของเศรษฐกิจบ้านเราบ้าง T_T
EEC บ้านเราก็เห็นว่าเล็งอุตสาหกรรมกลุ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์อัจฉริยะกลุ่มนี้อยู่นะครับ ไม่แน่อาจจะมา ถ้าการเมืองนิ่งๆแล้ว เพียงแต่ตอนนี้…. T-T
ตอนนี้ส่วนมากย้ายฐานการผลิตไปเวียดนามครับ ตอนนี้หลายๆ ธุรกิจเริ่มนิ่ง โดยเฉพาะต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทย บางรายก็หันหัวไปที่เวียดนามแทน ปีหน้าน่าจะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นครับ และถ้าเป็นแบบนี้ไปอีกสัก 4 ปี เวียดนามน่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ทางด้านเศรษฐกิจของฝั่งอาเชียน