Facebook ได้ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ สำหรับบรรดาเจ้าของเพจ นักจัดอีเวนต์ และธุรกิจรายย่อยทั้งหลายให้สามารถจัดอีเวนต์ออนไลน์แบบคิดค่าบริการจากคนที่เข้ามารับชมได้ โดยตั้งใจจะเริ่มให้บริการแบบฟรี ๆ ไม่มีค่าธรรมเนียมเพื่อช่วยเยียวยาผู้ประกอบการช่วง Covid-19 แต่ดันติดปัญหาที่ App Store ของ Apple นั้น มีค่าธรรมเนียมการรับจ่ายเงินถึง 30% และเมื่อขอความร่วมมือไปกลับถูก Apple ปฏิเสธแบบไม่ใยดี
เมื่อวันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา Facebook ได้ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ “Paid Online Events” หรือก็คือการจัด Live Streaming Conference ในรูปแบบที่ต้องจ่ายเงินสำหรับการรับชม โดยให้เหตุผลว่าฟีเจอร์ใหม่นี้จะเข้ามาเพื่อช่วยเหลือบรรดาธุรกิจรายย่อย เจ้าของเพจ นักจัดอีเวนต์ รวมถึงผู้สร้างคอนเทนต์เพื่อการศึกษาทั้งหลายที่รายได้นั้นขาดหายไปมากตั้งแต่เกิดโรคระบาด Covid-19 ในช่วงต้นปี ปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ
บริการ Facebook | Paid Online Events เปิดให้ผู้ประกอบการรายย่อย สามารถสร้างอีเว้นท์ออนไลน์แบบเสียเงินเพื่อเข้ารับชมขึ้นมาได้ เช่น คอร์สสอนทำอาหาร คอนเสิร์ต หรือการแสดงต่าง ๆ โดยผู้ที่สนใจสามารถชำระเงินเพื่อเข้าร่วมได้ผ่านระบบ Facebook Pay ในแอปได้เลย ปัจจุบันยังไม่เปิดให้บริการในเมืองไทย
โดยฟีเจอร์ Paid Online Events นี้ จะเปิดตัวให้บริการก่อน เฉพาะในประเทศที่มีระบบ Facebook Pay เป็นตัวกลางในการจ่ายค่าบริการเท่านั้น เพราะ Facebook ตั้งใจจะให้บริการนี้กันแบบฟรี ๆ ไปก่อนเป็นอย่างน้อย 1 ปี เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรดาผู้ประกอบการทั้งหลาย หรือก็คือหากคุณคิดค่าบริการสำหรับ อีเวนต์ออนไลน์ของคุณ 100 บาท Facebook จะไม่มีการหักค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้นทำให้ธุรกิจของคุณได้รับค่าบริการจากลูกค้าเต็ม ๆ 100 บาทนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ดันติดปัญหาอยู่ที่ว่า App Store ในระบบ iOS ของ Apple นั้นมีนโยบายสำหรับค่าบริการใด ๆ ก็ตามจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 30% ให้กับ Apple ซึ่ง Facebook ก็ไม่ได้นิ่งเฉยติดต่อขอความร่วมมือไปยัง Apple ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อขอให้พวกเขาพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียม 30% ในส่วนนี้ไปก่อนเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการร่วมกัน และ Apple นั้นได้ตอบกลับมาแล้วเรียบร้อยโดยปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าวยืนยันเก็บค่าธรรมเนียม 30% ตามปกติเหมือนเดิม เพื่อความเท่าเทียมสำหรับทุก ๆ Apps ใน iOS 😂
เพื่อเป็นการช่วยเหลือธุรกิจและนักคิดคอนเทนต์ โดยเฉพาะรายย่อยทั้งหลายในช่วงเวลานี้ Facebook จะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ จาก Paid Online Events เป็นระยะเวลา 1 ปีเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ เรายังได้ปรึกษาไปยัง Apple ให้ช่วยยกเว้นค่าธรรมเนียม 30% บน iOS หรือไม่ก็อนุญาตให้ลูกค้าจ่ายค่าบริการผ่านระบบ Facebook Pay ได้โดยตรงซึ่งทาง Facebook จะแบกรับต้นทุนต่าง ๆ ให้เอง แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เห็นด้วย ดังนั้นสำหรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ Facebook และ Android Apps ธุรกิจของพวกคุณจะได้รับค่าบริการเต็ม 100% และจะเป็น 70% สำหรับบน iOS – แถลงการณ์จาก Fidji Simo | Head of Facebook App
งานนี้เมื่อ Facebook ไม่ได้รับความร่วมมือจาก Apple นั้น ก็ดูเหมือนจะมีการจัดการแก้เผ็ดหักหน้ากันเล็กน้อยเพราะเล่นประกาศในแถลงการณ์กันเลยว่า ได้ขอความช่วยเหลือจาก Apple แล้วแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือกลับมา แถมหลังจากนี้ ภายในฟีเจอร์ Paid Online Events ที่ว่าจะมีการขึ้นคำอธิบายตัวเล็ก ๆ ไว้ขณะที่มีการจ่ายเงินค่าบริการหากเป็นบนเว็บไซต์และแอนดรอย์ว่า “Facebook doesn’t take a fee from this purchase” ความว่า “Facebook ไม่ได้รับค่าธรรมเนียมใด ๆ จากธุรกรรมนี้” ส่วนฝั่ง iOS จะขึ้นว่า “Apple takes 30% of this purchase” หรือ “Apple ได้รับส่วนแบ่ง 30% จากธุรกรรมนี้” แทนนั่นเอง เรียกได้ว่าแฉ ! เอ้ย ! ชี้แจงกันชัด ๆ ต่อหน้าลูกค้ากันเลยล่ะ
อ้างอิง: Facebook Newsroom | The Verge
ก็ดีแล้วนี่ Apple ไม่ลดให้ FB ก็จ่ายเพิ่มให้ไปซิ ป๋าๆ หน่อยยย
เป็นผมถ้าใช้ไอโฟนแล้วเจอแบบนี้คงย้ายไปแอนดรอยไม่ก็หัวเหว่ยแหละ
เพ้อเจ้อ
เหตุผลไร้สาระ
ต้องบอกว่า ถ้าผมเป็นผู้พัฒนา app จะย้ายไปทำลง platform อื่น อย่าง android แล้วใครอยากใช้ app ผมก็ไปใช้ android
แบบนี้ตรงประเด็นกว่าครับ เพราะ users ย้ายตาม app ผู้พัฒนาเจอเก็บแพง เขาอาจยังไม่มีผลอะไร คงไม่ย้าย 55
ใช้สติปัญญาคิดดูก็คงเข้าใจครับ ใช้ FPผ่านแอปเปิ้ลโดนหักหัวคิว 30% ใช้กูเกิ้ลหรือหัวเหว่ยไม่โดนหัก คุณจะใช้แอปเปิ้ลต่อก็คงไม่มีใครว่าครับ
ถือว่าไม่เลือกปฏิบัติก็ถือว่าโอเคแล้วสำหรับลูกค้าแพล็ตฟอร์มของแอ๊ปเปิ้ลนะ
fortnite ยัน facebook
แอปเปิ้ลนี่ไม่ฟังใครเลย จะเอาลูกเดียว
เลิกใช้ สินค้า apple เลยดีไหมเนี่ย
Fortnite นี่ทำผิดด้วยตัวเองชัดเจนครับ ผิดกฎการใช้บริการของทั้งฝั่ง app store และ play store
google ก็ไม่เอา fortnite อ่านข่าวให้ครบๆบ้างเถอะครับ 55555
Sportify ก็ลิ้งค์ไปจ่ายบนเวปตัวเองไม่เห็นโดนแบนเลยครับ
คือ อยู่จะให้เค้ายกเว้นค่าธรรมเนียมให้ฟรี ๆ เลยได้ยังไงละ แล้วเกิดแอพอื่นบอกว่า FB เค้าต้องได้บ้างจะทำยังไง?? มันก็แค่เคสปกติครับ