ข่าวนี้อาจถือเป็นการสืบสวนกรณี “การผูกขาดทางการค้า” หรือ “Antitrust” ครั้งประวัติศาสตร์ของชาติเศรษฐกิจแบบเสรีอย่างสหรัฐ ฯ ซึ่งนับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ยุค 90s เลยทีเดียว เพราะเล่นรวมเอา 4 CEO ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกจากบรรดา Tech Giants ชื่อดังไม่ว่าจะเป็น Jeff Bezos (Amazon) | Tim Cook (Apple) | Mark Zuckerberg (Facebook) และ Sundar Pichai (Google) เข้าให้การต่อหน้าสภาสหรัฐ ฯ เพื่อชี้แจงตามข้อกล่าวหาทำธุรกิจโดยอาศัยการผูกขาดการค้าและกีดกันการแข่งขัน

Tech Giants เข้าให้การข้อหา “ผูกขาดการค้า” ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคของ Bill Gates (Microsoft) ตั้งแต่ยุค ’90 เลยทีเดียว

งานนี้ถึงแม้จะเป็นการเข้าให้การของ CEO จากธุรกิจสัญชาติสหรัฐ ฯ ต่อหน้าสภาสหรัฐ ฯ เอง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั่วโลกก็ต้องจับตาเกาะติดกรณี “Antitrust” หรือ “การผูกขาดทางการค้า” ไปพร้อม ๆ กันอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย เพราะชื่อชั้นของ CEO ทั้ง 4 นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงผู้บริหารชื่อดัง แต่นับได้ว่าอยู่ในระดับผู้ทรงอิทธิพลของโลกไปแล้วในยุคที่ทุกสิ่งอย่างนั้นขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยี โดย 4 CEO ที่ว่าได้แก่

  • Jeff Bezos จากค่าย Amazon ผู้ขึ้นแท่นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แม้กระทั่งมีปัญหาครอบครัวเกิดกรณีหย่าร้างกับอดีตภรรยาอย่างคุณ MacKenzie Bezos แล้ว ส่วนแบ่งทรัพย์สินจากการหย่าร้างก็ยังส่งผลให้อดีตภรรยาของเขากลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 4 ของโลกได้ในชั่วข้ามคืนเลยล่ะ

  • Tim Cook จาก Apple Inc. ผู้รับไม้ต่อจาก Steve Jobs ได้อย่างราบรื่นแถมฝีมือนั้นจัดจ้านชนิดว่าเปลี่ยนให้ธุรกิจของ Apple ที่มักจะถูกมองว่าเน้นขายผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยมที่สาวกอาจถึงกับต้องขายไตไปแลกมานั้น กลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่า (Market Cap) สูงที่สุดในโลก จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งพร้อมความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลกยกให้เป็นเบอร์ 1

  • Mark Zuckerberg จาก Facebook ซึ่งแน่นอนว่า เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม Social Media ที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุดในโลกอย่าง Facebook – Instagram และ Whatsapp ซึ่งถึงทุกวันนี้ คงเป็นที่พิสูจน์ชัดเจนในตัวเองแล้วว่าชายผู้นี้คือจุดเริ่มต้นของยุคที่เราสามารถเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกันเป็นสังคมในรูปแบบที่ ระยะทางนั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป

  • Sundar Pichai จาก Google คือผู้ได้รับความไว้วางใจจากคู่หูผู้ก่อตั้งอย่าง Page & Brin ให้ทำหน้าที่นำทัพขับเคลื่อนแหล่งข้อมูลสำคัญของโลกทั้งใบเอาไว้ แน่นอนเขาไม่ใช่เพียงแค่พนักงาน Google ผู้ซื่อสัตย์ แต่ผลิตภัณฑ์อย่าง Gmail – Drive – Maps – Search และ Google Chrome ทั้งหมดนี้ คืออิทธิพลด้านความรู้ของชายชาวอินเดียสุดขยันและภักดีจนได้เป็น CEO นามว่า Sundar Pichai นี่แหละ

ทั้งหมดนี้จึงเป็นคำตอบในตัวมันเองว่า การเข้าให้การต่อสภาสหรัฐ ฯ ในช่วงสัปดาห์สิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น สำคัญมากสำหรับประวัติศาสตร์ด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ การเมือง และสังคมโลกโดยรวม แถมยังเป็นการเรียก CEO สายเทคโนโลยีเข้าพบครั้งใหญ่ที่สุดที่ทั่วโลกจับตามองนับตั้งแต่ปี 1998 ที่ Bill Gates ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกในขณะนั้นต้องทำแบบเดียวกันในวันที่ Microsoft เป็นผู้เล่นรายหลักรายเดียวสำหรับโลกเทคโนโลยีเพื่อชีวิตประจำวันและการทำงานอย่าง Personal Computer (Windows OS) และ Office Suites ในวันนั้นเลยแหละ

Amazon กับ ข้อหาละเมิดข้อมูลผู้ค้าบนอีคอมเมิร์ซมาใช้ภายใน – ส่วน Facebook ถูกตั้งคำถามว่าการเข้าซื้อ Instagram คือการกินรวบ

Jeff Bezos ในฐานะชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ กับความเป็น Amazon ที่ยังไม่เคยมีโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าสภามาก่อน ถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยพวกเขาโดนข้อหาหลักที่ต้องชี้แจงในครั้งนี้คือ การที่ Amazon นั้นได้ละเมิดนำเอาข้อมูลของร้านค้าทั่วไป (3rd Party) ที่ขายสินค้าอยู่บนระบบ E-commerce ของพวกเขามาใช้สร้างประโยชน์ให้กับร้านค้าในแบรนด์ของพวกเขาเอง เช่น การปรับต้นทุนเพื่อตัดราคาสินค้าแบบเดียวกัน เป็นต้น

  • โดยเบื้องต้น Bezos นั้นเผยว่า Amazon นั้นมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ว่าจะต้องไม่มีการนำเอาข้อมูลในระบบของผู้ค้าใด ๆ ที่ไม่ใช่ของพวกเขาเองไปใช้ในทางเป็นประโยชน์และจำกัดการแข่งขันในระบบ แต่เขาก็ยอมรับเองด้วยว่า “เขาไม่สามารถรับประกันได้ว่า นโยบายดังกล่าวจะไม่ถูกละเมิด”

ถัดมาในฝั่งของ Mark Zuckerberg นั้น ถูกตั้งคำถามสำคัญเรื่องการเข้าซื้อ Instagram ในปี 2012 นั้น นับเป็นการกินรวบธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อทำลายการแข่งขันทางตรงหรือไม่ โดยมีการเปิดหลักฐานชิ้นเด็ดคือ Email ภายในที่ Zuckerberg ส่งโต้ตอบกับทีมงานก่อนเข้าซื้อกิจการว่า “Instagram นั้นอาจเป็น Disruption โดยตรงต่อ Facebook” ซึ่งทำให้แรงจูงใจในการเข้าซื้อกิจการนั้น อาจถูกมองเป็นการใช้เงินกำจัดคู่แข่งโดยเข้าซื้อกิจการซะเลย

  • งานนี้ทาง Zuckerberg เองเหมือนจะชินชากับสภาเสียแล้ว เล่นตอบโต้เอาตรง ๆ ชนิดดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยกังวลกับผลลัพธ์ที่อาจตามมาอีกต่อไป โดยเขายอมรับ (ด้วยการตอบว่าไม่ปฏิเสธ 🙄 ) ว่าพวกเขามอง Instagram เป็นเสมือนภัยคุกคามโดยตรงต่อธุรกิจของ Facebook แต่การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวถูกกฎหมายทุกประการเพราะได้รับความยินยอมจาก FTC (Federal Trade Commission) หรือ คณะกรรมการการค้าที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรงแล้วนั่นเอง

คู่หูคู่แค้นแห่งโลกสมาร์ทโฟนกับข้อกล่าวหาคุ้นหู | Google ผูกขาดการโฆษณาออนไลน์ – ส่วน Apple ผูกขาด Ecosystem ด้วย App Store

Google นั้นถูกกล่าวหากรณีผูกขาดแพลตฟอร์มสำหรับการโฆษณาออนไลน์ เพราะ Google ถือครองข้อมูลจำนวนมหาศาลของโลกเอาไว้ผ่านระบบ Search ทำให้พวกเขาสามารถผูกขาดการตลาดดิจิทัลได้อย่างเบ็ดเสร็จไม่ว่าจะเป็นจาก Demand-side (ผู้ซื้อโฆษณา) หรือ Supply-side (ผู้ขายโฆษณา) ในฐานะผู้รู้ของโลกนั่นเอง

  • เบื้องต้นทาง Sundar Pichai ได้ชี้แจงเอาไว้ใจความหลักเพียงว่า “สำหรับผู้ซื้อโฆษณานั้น พวกเขาจะยังคงมีทางเลือกอีกมากมาย เพียงแต่โมเดลธุรกิจของ Google นั้นคือการมอบสิ่งที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับทั้งธุรกิจและผู้บริโภคในด้านโฆษณาเท่านั้น”

ส่วน Apple นั้นถือว่าชิว ๆ เพราะว่าถูกตั้งคำถามในข้อหาที่ถูกเอกชนจ้องฟ้องกันอยู่เนือง ๆ อย่างกรณีผูกขาดการค้าโดยการกำหนดนโยบายใน App Store สร้างข้อจำกัดทางการแข่งขันให้กับคู่ค้าที่เป็นคู่แข่งให้บริการ Apps แบบเดียวกันกับที่ Apple มีเช่น Spotify vs Apple Music เป็นต้น

  • โดยทาง Tim Cook เองก็ยังไม่ได้มีคำตอบให้กับเรื่องนี้ที่ชัดเจนนัก เพียงแต่อธิบายไปตามความว่า Apple มีนโยบายที่ชัดเจนแน่นอนสำหรับการบริหารจัดการแพลตฟอร์มหลักอย่างเช่น App Store และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก็ใช้มาตรฐานเดียวกันและไม่มีการปรับขึ้นมาเป็นเวลานานแล้วทั้ง ๆ ที่ผู้ใช้งานมากขึ้น คุณภาพทางด้านรายได้ของแพลตฟอร์มเองก็ดีขึ้นด้วย

อ่านเพิ่มเติม: ทางการสหรัฐ ฯ เรียก Amazon | Apple | Facebook | Google ชี้แจง “ผูกขาดทางการค้า” | Apple งานเข้าอีกแล้ว ! EU สั่งสอบสวนกรณีผูกขาดทางการค้า

สภาสหรัฐ ฯ ใช้เวลากว่า 1 ปี กับเอกสารกว่า 1 ล้านฉบับ จับผิด 4 Tech Giants – นี่แค่นัดแรกเท่านั้น !

คณะกรรมาธิการด้านความยุติธรรมแห่งสภาสหรัฐ ฯ หรือ House Judiciary Commitee นั้นได้ทำการตรวจสอบและสืบสวนตามข้อกล่าวหาลักษณะ “ผูกขาดทางการค้า” ของ Tech Giants ทั้ง 4 มาเป็นเวลากว่า 1 ปี พร้อมรวบรวมเอกสารหลักฐานกว่า 1 ล้านฉบับ 😯 สำหรับการจับพิรุธ CEO ผู้ทรงอิทธิพลทั้ง 4 ผู้ซึ่งแวดวงการเมืองและสังคมนั้น ยกให้ว่า ทรงอิทธิพลเสียยิ่งกว่านักการเมือง ผู้นำลัทธิ หรือผู้นำประเทศเสียอีก

การให้การนัดนี้ Jeff Bezos ของ Amazon นั้นจะได้ปรากฏตัวต่อหน้าสภาเป็นครั้งแรก ส่วนอีก 3 รายจาก Apple – Facebook และ Google นั้นอาจเรียกได้ว่าชินสนามกว่า เพราะก่อนหน้านี้ก็หมุนเวียนกันเข้าสภารวมถึงมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่บ่อย ๆ เพราะมีผู้เสียประโยชน์จากการทำธุรกิจด้วยและดันแข่งไม่ไหว 😥 แถม Zuckerberg จาก Facebook นั้นก็ดูจะชินชาสุด ๆ เพราะถูกโยงเข้าไปเกี่ยวกับปัญหาดราม่าการเมืองข้ามชาติแบบไม่จบไม่สิ้นมาโดยตลอดเลย งานนี้แทบจะเรียกได้ว่า เบาะ ๆ 😆

มีการเก็บสถิติเชิงปริมาณว่า CEO ทั้ง 4 นั้นถูกตั้งคำถามในจำนวนที่ต่างกันพอสมควร โดย Cook รับไปเบา ๆ 35 คำถาม | Bezos เจอกันครั้งแรกจัดเต็ม 59 คำถาม | ส่วน Sundar กับ Zuckerberg นั้นโดนกันไปคนละ 61 และ 62 คำถามตามลำดับ แถมมีคำถามการเมืองเชื่อมโยงด้วยเป็นระยะ โดยเฉพาะจากนักการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยมที่เชื่อว่า Facebook และ Google เป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขาโดยตรง

ครั้งนี้เป็นการเรียก CEO ทั้ง 4 ขึ้นให้การต่อสภาอย่างเป็นทางการเป็นนัดแรกเท่านั้น แถมใช้วิธีการแบบ New Normal เข้าให้การผ่าน Video Conference แทน เนื่องจากสถานการณ์การ Covid-19 ที่สหรัฐ ฯ ที่ยังไม่สู้ดีนัก ซึ่งกระบวนการสอบสวนประเด็นระดับนานาชาตินี้จะต้องดำเนินไปอีกพักใหญ่ ๆ โดยทีมงาน DroidSans จะติดตามประเด็นนี้กันอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาอัปเดตและวิเคราะห์ข่าวให้เพื่อน ๆ ทราบต่อไป

 

อ้างอิง: The Verge | CNN Tech | The Guardian