ตลอดปี 2020 นี้ ประเด็นปัญหาการ “ผูกขาดทางการค้า” ของเหล่า Tech Giants ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นพิเศษหลังจากที่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีนั้นกำลังกลายเป็นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจและสังคมแทนที่ธุรกิจแบบดั้งเดิมที่เคยมีมา งานนี้ฝั่งรัฐบาลจีนไม่ขอน้อยหน้าใคร สั่งเริ่มทำการสอบสวน Alibaba และ Ant Group ภายใต้การนำของแจ็ค หม่า มหาเศรษฐีของโลกจากแดนมังกรก่อนใครว่ามีพฤติกรรมทำธุรกิจอย่างผูกขาดหรือไม่
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง Facebook นั้นถูกรัฐบาลกลางสหรัฐ ฯ ตั้งข้อกล่าวหาในประเด็นการผูกขาดทางการค้ามาตลอด ล่าสุดก็มีประเด็นร้อนส่งท้ายปีเพิ่มขึ้นมาให้ปวดหัวอีกเรื่อง หลังทางคณะกรรมาธิการการค้า หรือ FTC (Federal Trade Commission) ของสหรัฐ ฯ ยื่นเรื่องดำเนินคดีแก่ Facebook เพื่อบังคับให้ขาย Instagram กับ WhatsApp ออกไป เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายลดอำนาจการผูกขาดตลาดธุรกิจ...
งานนี้ไม่รู้ว่าเป็นการทิ้งทวนให้ผู้สนับสนุนชาวอเมริกันประทับใจก่อนการโบกมือลาทำเนียบขาวของ Trump แบบเป็นทางการในช่วงเดือนหน้านี้หรืออย่างไร หลังจากล่าสุดทางด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ฯ ได้รับไฟเขียวให้ส่งฟ้อง Facebook ในข้อหาเลือกปฏิบัติสำหรับประเด็นการรับสมัครพนักงานกว่า 2,600 ตำแหน่งที่ Trump เชื่อว่าไม่เป็นไปตามนโยบาย American First เพราะเป็นตำแหน่งที่เปิดรับเฉพาะผู้สมัครชาวต่างชาติล้วน ๆ
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางรัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศทีท่าในการจัดเก็บภาษีผู้ให้บริการออนไลน์ หรือ Tech Tax ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Tech Giants สัญชาติอเมริกันโดยให้โอกาสตัวแทนของ Trump เข้าร่วมโต๊ะเจรจาหาข้อสรุปก่อนจัดเก็บจริงในช่วงปี 2021 ต่อไป แต่ปรากฎว่ารัฐบาลสหรัฐ ฯ เล่นแรงขู่ขึ้นภาษีสินค้าแฟชั่นและเครื่องสำอางค์สัญชาติฝรั่งเศสเป็นการตอบโต้แถมไม่เข้าร่วมเจรจา ทำให้ล่าสุดฝรั่งเศสยืนยันเป็นครั้งสุดท้ายว่า เก็บภาษีแน่ เว้นแต่ Biden จะขอเข้าเจรจาอีกครั้งหลังเข้ารับตำแหน่ง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ การขายของผ่านไลฟ์สดนับว่าเป็นนวัตกรรมการช็อปปิ้งออนไลน์แนวใหม่ที่นิยมไม่ใช่แค่สำหรับผู้บริโภคชาวไทย แต่ระบาดหนักไปในหลายประเทศในเอเชีย ซึ่งจีนนับเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการไลฟ์ขายกันเลยทีเดียว โดยล่าสุดรัฐบาลจีนออกไอเดียบรรเจิด นำเสนอร่างกฎหมายควบคุมการขายสินค้าบนโลกออนไลน์ด้วยวิธีการไลฟ์หวังยกระดับความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคชาวจีนได้ CF กันแบบมันส์มือชนิดไม่ต้องกลัวถูกหลอกง่าย ๆ อีกต่อไป
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการปรับเปลี่ยนแนวนโยบายการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐ ฯ ในฐานะมหาอำนาจทางด้านเทคโนโลยีของโลกนั้น ย่อมส่งผลกระทบทางตรงต่อทิศทางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา Tech Giant สัญชาติอเมริกัน – จีน ที่เราเห็นได้ตามหน้าข่าวมาโดยตลอด ซึ่งการที่ Joe Biden ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่แทน Donald Trump หลังจากผ่านไปแค่เทอมเดียว (4 ปี) นั้น ย่อมส่งผลกระทบอย่างฉับพลันต่อธุรกิจของ...
คณะกรรมการธิการยุโรปออกแถลงการณ์รับไม่ได้กับคำตัดสินล่าสุดสำหรับประเด็นข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีของ Apple ที่มีสาธารณรัฐไอร์แลนด์เป็นเสมือนผู้สมรู้ร่วมคิดในคดี หลังศาลอุทธรณ์ยุโรปมีคำตัดสินว่า Apple ไม่มีความผิดโดยมีไอร์แลนด์เป็นพยาน โดยล่าสุดคณะกรรมาธิการต่อต้านการผูกขาดการค้าเตรียมทำเรื่องดำเนินการยื่นศาลสูงสุดของยุโรปต่อไป ขอสู้ต่ออีกยกหลังส่อแววสูญเงินภาษีมูลค่าสูงสุดเกือบ 5 แสนล้านบาท
ในขณะที่ดีลร่วมทุนเข้าซื้อกิจการ TikTok Global ของธุรกิจสัญชาติอเมริกันอย่าง Oracle x Walmart นั้นได้รับการอนุมัติโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ฯ ไปแบบงง ๆ ก่อนหน้านี้ และกำลังรอไฟเขียวจากรัฐบาลฝั่งจีนก่อนดำเนินการต่อไปได้นั้น สื่อชื่อดังอย่าง China Daily และ The Global Times ของจีนได้ออกโรงจวกดีลนี้กันตรง...
งานนี้เรียกได้ว่า งงกันทั้งบางไล่ตั้งแต่สาวก TikTok ธุรกิจสายเทค ฯ สัญชาติอเมริกันที่จ้องเข้าซื้อดีลนี้ และแน่นอนที่สุดคือบรรดานักลงทุนทั่วโลกที่ถึงกับออกอาการหัวร้อนกันเป็นแถว หลังจากที่ล่าสุด Trump ประกาศหน้าตาเฉย อนุมัติดีลลงทุนใน TikTok ร่วมกับ ByteDance แล้วโดยจะมีบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Oracle และ Walmart ถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนอย่าง TikTok Global ต่อไป
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Zoom นั้นกลายเป็นหนึ่งในชื่อคุ้นหูได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว สำหรับซอฟต์แวร์ประชุมออนไลน์ นับตั้งแต่เกิดโรคระบาด Covid-19 ขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าเทรนด์ WFH ทั่วโลกที่ยังไม่ทีท่าว่าจะสิ้นสุด ย่อมส่งผลให้รายได้ของพวกเขาเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยล่าสุด Zoom สำหรับรายงานผลประกอบการนั้น เรียกได้ว่าประทับใจผู้ถือหุ้นสุด ๆ มีรายได้และกำไรเติบโตเฉลี่ยกว่า 10 เท่าเลยทีเดียว