จากที่มีรายงานว่าผู้ใช้งาน Samsung Galaxy S10 และ S10+ กลุ่มแรกที่ได้รับเครื่องไปแล้วจากโปรโมชั่น “กล้าท้าจอง” ประสบปัญหาสแกนนิ้วติดบ้างช้าบ้างหรือสแกนไม่ติดเลยก็มี ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้แนะนำไปรอบนึงแล้วว่าให้สแกนแบบเอานิ้วแตะจึ๊กเดียวก็พอไม่ต้องกดค้าง แต่ถ้าใครที่ยังคงมีปัญหาการสแกนนิ้วอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีสาเหตุอื่นๆ อย่างเช่นฟิล์มกันรอย หรือกระจกกันรอยที่ไปติดเพิ่มมานั่นเอง
เมื่อช่วงก่อนหน้าการเปิดตัวของมือถือซีรีส์ Galaxy S10 ได้มีข่าวลือว่าทาง Samsung จะติดฟิล์มกันรอยมาให้จากโรงงานเลย และปรากฎว่าเครื่องที่วางจำหน่ายก็มีฟิล์มกันรอยติดมาให้จริงๆ ตามข่าวลือ ซึ่งฟิล์มกันรอยที่ติดมาให้นี้ เป็นฟิล์มกันรอยแบบเฉพาะที่สามารถใช้งานได้กับเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือแบบ Ultrasonic ของ Galaxy S10 ได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่ามันก็สามารถปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนได้ดีไม่แพ้ฟิล์มของยี่ห้อดังๆ เลยด้วย (ราคาของฟิล์มกันรอยที่ติดมาให้อยู่ที่ราว 30 ดอลลาร์ หรือประมาณ 950 บาท เลยทีเดียว)
มีฟิล์มกันรอยติดมาให้อยู่แล้ว
และจากการที่เราได้ไปรวบรวมปัญหาการสแกนนิ้วไม่ติดของมือถือรุ่นนี้จากเหล่าผู้ใช้งานกลุ่มแรกก็เลยได้ข้อสันนิษฐานว่า.. ด้วยความที่มันเป็นครั้งแรกของมือถือ Samsung ที่มีฟิล์มกันรอยติดมาให้แบบนี้ ทำให้เราไม่ทันสังเกตไปซื้อฟิล์มหรือกระจกมาติดเพิ่ม และไม่ได้ลอกเอาฟิล์มตัวนี้ออกมาก่อน บวกกับฟิล์มใหม่ที่ติดทับลงไปอีก สรุปก็เลยกลายเป็นติดฟิล์ม 2 ชั้น ทำให้คลื่น Ultrasonic มีปัญหาในการเจาะผ่านชั้นฟิล์ม 2 ชั้นดังกล่าวนั่นเอง (ยิ่งถ้าเป็นกระจกกันรอยอาจจะยิ่งหนักถึงขั้นสแกนไม่ติดเลย)
กระจกกันรอยไม่รองรับระบบ Ultrasonic
หรือสำหรับผู้ที่ได้ลอกฟิล์มอันเก่าออกก่อนแล้วไปติดกระจกกันรอยแทน ปัญหาก็อาจจะอยู่ที่ตัวกระจกกันรอยที่อาจจะหนาเกินไป และไม่รองรับการใช้งานกับเซ็นเซอร์ Ultrasonic แบบนี้ก็เป็นได้ ซึ่งในตอนนี้ยังไม่พบว่ามีกระจกกันรอยรุ่นไหนที่รองรับการใช้งานระบบสแกนนิ้วแบบ Ultrasonic ได้แบบ 100% แม้แต่ตัวเดียวในตลาด
ลายนิ้วมือจาง
ส่วนข้อสุดท้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับบางคนก็คือ “ลายนิ้วมือจาง” โดยเคสนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับระบบสแกนนิ้วมือออพติคอลในมือถือทั่วไป และระบบ Ultrasonic ใน Galaxy S10 เนื่องจากลายนิ้วมือจางมากจนแทบจะไม่มีร่องรอยให้เซ็นเซอร์อ่านค่าได้ อันนี้เคยเห็นตัวอย่างจริงๆ มาแล้ว คนอื่นสแกนได้ตามปกติ แต่คนที่ลายนิ้วมือจางมากๆ จะไม่สามารถปลดล็อคเครื่องได้เลยเพราะเซ็นเซอร์อ่านไม่ถูก
สุดท้ายก็ขอแนะนำว่าก่อนจะซื้อ Galaxy S10 และ S10+ ให้ไปทดลองการสแกนนิ้วมือกับเครื่องจริงดูก่อนว่ามันมีปัญหากับเรารึเปล่า เพราะตอนที่เราใช้มือถือรุ่นอื่นอาจจะไม่เคยเจอปัญหานี้มาก่อนเลย และถ้าเกิดว่ามันมีปัญหาในการสแกนจริงๆ อาจจะต้องเลี่ยงไปใช้การปลดล็อคด้วยรหัสผ่าน หรือเปลี่ยนไปใช้ระบบสแกนใบหน้าแทน (ซึ่งคำแนะนำในตัวเครื่องบอกเอาไว้ว่าการสแกนนิ้วมือหรือใช้รหัสผ่านมีความปลอดภัยมากกว่า) ส่วนใครที่ไม่มีปัญหากับลายนิ้วมือและกำลังจะไปสอยมาใช้บ้างก็อย่าลืมล่ะว่าเครื่องมันติดฟิล์มกันรอยมาให้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปติดเพิ่ม แต่ถ้าจะเปลี่ยนมาใช้กระจกกันรอยก็อย่าลืมหารุ่นที่รองรับการสแกนนิ้วมือด้วยระบบ Ultrasonic มาใช้ และอย่าลืมลอกฟิล์มเดิมออกก่อนด้วยนะครับ
ข้อมูล : Phonearena, Samsung members
สรุปคือรุ่นนี้ติดฟิลม์แล้วอาจมีปัญหา
เครื่องเขาติดฟิลม์มาจากโรงงานแล้วไม่ต้องไปติดซ้ำเดียวปัญหาครับ
เพราะ เค้าติดมาให้แล้ว มันออกแบบให้ใช้กับระบบใหม่นี้แล้ว ปัญหามีเมื่อไปติดฟิมล์ หรือ กระจก เพิ่มอีก
ผมไม่เคยติดฟิมล์ หรือ กระจก มาตั้งแต่ กอลิล่า4 ละ ไม่ว่ายี่ห้อไหน ไม่เคยเป็นรอยนะ
ผมเคยคิดว่าจะลองเหมือนกันแต่ไม่กล้าครับ ต้องลองซะแล้วแบบนี้ 555
แสดงว่าไม่ได้ใส่ในกระเป๋าหลังครับ ผมใช้ S9+ ไม่ได้ติมฟิล์ม
แต่พอใส่ในกระเป๋าหลังแล้วหน้าจอมันขูดกับเม็ดทรายที่อยู่ใน
กระเป๋าครับ ยืนยันว่าเป็นรอยยาวเลย ทั้งคัดเตอทั้งกรรไกรกรีดไม่เข้า
แต่โดนเศษดิน ไม่รอดครับ
ทำไมคนชอบติดฟิลม์กระจกกันจัง ติดไปแปบเดียวก็เห็นมันร้าวทุกที
ผมใช้ฟิลม์พลาสติคตลอดทำตกร้อยรอบก็ยังไม่เคยจอแตก
vivo เป็นมานานละติดฟิม จะสแกนลำบากมากกก และไม่ติดเลยจนเสียรม
วิตกกังวลกันมากไปนะครับ ผมนี่เลิกติดฟิล์มติดกระจกมาหลายปีแล้ว ทั้งความคมทั้งสัมผัสทัชหน้าจอโดยตรงดีกว่ากันเยอะ ไม่ต้องมาสิ้นเปลืองติดไปแปปเดียวฟิล์มก็เป็นรอย
ส่วนเรื่องรอยมันจะมีบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกของใช้งาน สองสามปีก็กลายเป็นขยะเทคโนโลยี
ตอนใช้ S8 ไม่ติดเลย 1 ปีเต็ม… ไม่มีปัญหา . จนจอเบิร์นไปเปลี่ยนจอยกชุด ก่อนหมดประกัน .. แจ่มมากตรงเปลี่ยนยกชุดได้ครบ