จนถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนน่าจะโดนป้ายยาจากทาง Samsung ได้รับรู้ถึงฟีเจอร์สุดแจ่ม สเปคสุดแรง จากเพจและสื่อต่างๆจนทำให้กระเป๋าตังค์สั่นอยากได้เจ้า Galaxy S8 และ  S8+ มาครอบครองในเร็ววันแล้วเป็นแน่ แต่ว่าจากคำชมที่มากมายเหล่านั้นส่วนตัวผมก็มีเจอหลายอย่างที่ไม่ชอบมันอยู่บ้าง และไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไหร่นัก เลยขอสรุปรวมเท่าที่เจอมาบอกเล่าให้ฟังกันเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจนะ

อ่านก่อน

ก่อนที่ใครจะเข้าใจผิดคิดว่า blog นี้จะหาเรื่องติท่าเดียวนั้น ขอบอกกันไว้ก่อนว่าหลังจากการทดสอบลองเล่น Galaxy S8 และ S8+ ทั้งสองตัวรวมราว 2 สัปดาห์นี้ ต้องบอกว่าทั้งคู่เป็นโทรศัพท์ที่ดี น่าใช้มากๆเลยล่ะ

  • หน้าจอดีงาม ใหญ่เต็มตาดีมาก
  • UI/UX ออกแบบมาได้ลงตัวขึ้น
  • กล้องหน้าพัฒนาอย่างชัดเจน
  • กล้องหลัง + ถ่ายวิดีโอยังดีเหมือนเดิม
  • GPS นำทางแม่นยำ
  • เล่นเกมทั่วไปลื่นไหลดี

ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็น่าจะเคยเห็นผ่านๆตาจากหลายแห่งแล้วนั่นแหละ แต่ว่ามันก็ยังไม่ถึงกับเป็นสุดยอดโทรศัพท์ที่ไร้ที่ติขนาดนั้น ส่วนตัวคิดว่าหลังจากมียาเสน่ห์มาป้ายเยอะแล้ว ก็น่าจะมียาถอนมาดึงสติกันก่อนจะวู่วามไปมากกว่านี้แค่นั้นแหละ 555 เอาล่ะ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. สเปคหลายส่วนไม่เป็นตามคาดหวัง

สเปคของ Galaxy S8 ที่ใส่มาโดยรวมถือว่าน่าพอใจและใช้งานได้ดีแล้ว แต่ว่ามีสเปคและฟีเจอร์บางอย่างที่ปัจจุบันคู่แข่งหลักอย่าง iPhone หรือแม้แต่ผู้ท้าชิงอย่าง Huawei ก็ให้มาแล้วเรียบร้อย แต่เรากลับไม่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้บน Galaxy S8 คือ

กล้องหลังไม่มีกล้องคู่ >> ✖︎ Galaxy S8+ ✔︎ Huawei P10 Plus ✔︎ iPhone 7 Plus

กล้องคู่กำลังกลายเป็นมาตรฐานของตลาดหลังจาก Apple หยิบเอามาใส่ใน iPhone 7 (LG & HTC ร้องไหนทำไม :D) รุ่นเรือธงที่ออกในปีน่าจะหยิบเอากล้องแบบเดียวกันนี้มาใช้แทบจะทั้งหมด  แม้ว่า Galaxy S8 / S8+ จะมีโหมด Selective Focus สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้เช่นเดียวกับ Huawei P10+ และ iPhone 7 Plus ก็ตาม แต่ว่าด้วยกล้องคู่ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ จะทำให้ภาพออกมาได้สวยและปรับแต่งได้มากกว่า และคาดว่าเราน่าจะได้เห็นกล้องคู่นี้ใน Galaxy Note 8 อีกด้วย

ลำโพงไม่ใช่ stereo >> ✖︎ Galaxy S8+ ✔︎ Huawei P10 Plus ✔︎ iPhone 7 Plus

เช่นเดียวกันกับเรื่องกล้องคือ ลำโพงคู่สเตอริโอก็กลายเป็นมาตรฐานของตลาดอีกเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ และ iPhone ไม่ได้นำตลาดแต่อย่างใด เพราะทาง Sony ได้ใส่มาให้อย่างยาวนานแล้ว แต่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการมีสองลำโพงทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นมาก มีมิติกว่าลำโพงเดี่ยว ซึ่งบน Galaxy S8+ เท่าที่ได้ลองคือ ลำโพงเสียงดังดีมาก เรียกว่าดังกว่า iPhone และ Huawei ซะอีก แต่ว่ามิติของเสียงจะสู้กันไม่ได้เลย ซึ่งถ้าเป็นคนเน้นดังแต่เสียง ไม่ต้องเบสตึ้บ ทรีเบิ้ลแหลมล้นไปนิดหน่อยก็ไม่ว่ากัน อันนี้ Galaxy S8+ ก็ยังตอบโจทย์นะ

แบตไม่ได้อึดมาก และยังใช้ระบบชาร์จตัวเดิม >> ✖︎ Galaxy S8+ ✔︎ Huawei P10 Plus ✖︎ iPhone 7 Plus

หลังจากโศกนาฏกรรมของ Galaxy Note 7 ทำให้ Samsung น่าจะค่อนข้างระมัดระวังตัวกับเรื่องแบตพอสมควร เราจึงไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของ Galaxy S8 มากนัก เพราะความจุแทบจะเท่าเดิม และไม่เห็นความแตกต่างในเรื่องของการชาร์จ จากการทดสอบ Galaxy S8 จะยังใช้ระบบ Fast Charge ตัวเดิม ที่เทียบเท่ากับ QC2.0 (9V2A) เท่านั้น จะยังไม่ได้ขยับให้รองรับ QC3.0 ที่แรงขึ้นเป็น 12V2A แต่อย่างใด รวมถึงยังไม่รองรับมาตรฐานการจ่ายไฟของ USB type-c ที่ 5V3A อีกต่างหาก หากหยิบเอา adapter เหล่านี้มาใช้ตัว Galaxy S8 จะชาร์จไฟที่ระดับ 5V2A ในทันที ซึ่งจะกินเวลาในการชาร์จนานขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเลยครับ อย่างไรก็ดีเรื่องแบตนี่ แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เห็นพัฒนาการจาก Galaxy S8 แต่ว่าความเร็วของมันก็ยังเร็วกว่า iPhone 7 Plus อยู่ดี เพราะทาง Apple เค้ายังขี้ตืด ขี้กั๊ก ไม่ยอมยัดความสามารถนี้มาให้แต่อย่างใด

ทั้งหมดนี้อย่างเพิ่งเข้าใจว่าสเปค Galaxy S8 ด้อยกว่าชาวบ้านนะ เพราะก็ยังมีส่วนที่เหนือคู่แข่งอยู่อย่าง Bluetooth 5.0 ที่ทำให้เชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ได้พร้อมกัน เล่นเพลงได้จากทั้ง Speaker และ Headphone ได้เลย หรือ การกันน้ำที่ระดับ IP68 ที่ตัว Huawei เองก็ยังไม่ได้ใส่มาให้ หรือแม้แต่การสแกนม่านตาที่เปิดมาให้ใช้ก่อนในกันไปเลย ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ผมเชื่อว่า Samsung ก็น่าจะผลักดันจนกลายเป็นมาตรฐานของตลาดเช่นเดียวกันในอนาคตนะ

2. หน้าจอเสี่ยงแตกสูงมาก

จุดเด่นของ Galaxy S8 ที่ชัดที่สุดจนทำให้หลายคนอยากได้มาครอบครองก็คงจะไม่พ้นเรื่องหน้าจอที่ใหญ่มหึมา แต่ขนาดเครื่องพอๆกับพวกที่จอเล็กกว่า แต่เมื่อนำมาใช้จริง หน้าจอแบบนี้ทำให้9hv’กังวลตอนใช้งานพอสมควรเลย เพราะถ้าเผลอทำหลุดมือนิดหลุดร่วงไปลงขอบพอดีนี่น่าจะถึงชีวิตได้ ใช้งานก็ควรต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นอีก ซึ่งทาง Samsung ก็เหมือนจะรู้ว่ามีคนกังวลปัญหาข้อนี้ เลยจับเอาประกันหน้าจอแตกมาแถมให้สำหรับคนจอง Galaxy S8 ไปซะเลยถึง 1 ปี (เอาจริงๆน้องในทีมทำตกไปรอบนึงแล้ว ดีว่ามีติดกระจกกันรอยเอาไว้ เลยแตกแค่กระจกกันรอย แรงส่งไปไม่ถึงกระจกด้านใน)

Galaxy S8+ รอดจากจอแตกได้เพราะกระจกกันรอยโฟกัส

Galaxy S8+ รอดจากจอแตกได้เพราะกระจกกันรอย ซึ่งไปได้ตัวทดสอบจากทางโฟกัสมาติดไว้

เอาจริงๆไม่ว่าจะใช้ Galaxy S8 หรือรุ่นไหนก็ตาม การทำโทรศัพท์ตกพื้น โดยเฉพาะคอนกรีต หินแกรนิต มันก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ต่อให้จะใช้ Gorilla Glass พันธุ์ไหนรุ่นอะไรก็ไม่รอดหรอก ทุกอย่างมันต้องมีบุบสลายแหละ ยังไงก็คงต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเหมือนกัน

3.สัดส่วนหน้าจอใหม่ 18.5:9 ใช้งานลำบาก

ต่อจากเรื่องที่เราต้องห่วงว่ามันจะแตกแล้ว แต่สัดส่วนหน้าจอใหม่บน Galaxy S8 ที่ 18.5:9 นี้ ก็ไม่ได้เป็นสัดส่วนที่น่าพิศมัยเท่าไหร่นัก (อย่างน้อยก็สำหรับผม) เพราะเมื่อเอาไปใช้งานจริงแล้ว กลับหาคลิปที่ทำมาสำหรับขนาดหน้าจอนี้ไม่ง่ายนัก คนที่อาศัยเปิดดูคลิปและวิดีโอต่างๆผ่าน Facebook กับ YouTube เป็นหลัก จะกลายเป็นหงุดหงิดไป เพราะจะมีขอบดำซ้ายขวาเยอะ หรือถ้าจะเลือกภาพให้แสดงผลเต็มหน้าจอ ภาพส่วนบนล่างก็จะโดนตัดออกไปแทน และเมื่อเราจับภาพหน้าจอส่งให้ชาวบ้าน สัดส่วนมันจะยาวแปลกๆ และจะเอาไปใช้ต่อก็ต้องมาหาทางย่อขยายตัดส่วนทำให้มันกลายเป็น 16:9 อีกทีอยู่ดี เพราะ 16:9 นี้เป็นมาตรฐานที่ใช้กันแพร่หลายไปมากๆแล้วนั่นเอง

เทียบหน้าจอ S7 Edge (16:9) vs S8 (18.5:9)

เทียบหน้าจอ S7 Edge (16:9) vs S8 (18.5:9)

แต่ข้อดีมันของหน้าจอที่ยาววววแบบนี้มันก็มีอยู่บ้าง หลักๆเลยก็สำหรับคนที่ชอบใช้งาน Multi Window เพราะมีพื้นที่เหลือสำหรับกดคีย์บอร์ดพิมพ์งานมากขึ้น และฟีเจอร์ใหม่ Snap View ล็อคเฉพาะส่วนของแอปมาแสดงผลหน้าจอบนก็สะดวกดีเหมือนกัน และจะฟินที่สุดก็ขาโหลดหนังอัตราส่วนแบบเดียวกับโรงหนังมาดู ภาพก็จะได้เต็มตาแบบสุดๆนั่นเอง

Multi Window บน Galaxy S8

4. ดีไซน์ยังไม่ลงตัว

แม้ว่า Samsung จะบอกว่าใส่ใจและพิถีพิถันในการผลิต Samsung Galaxy มากขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ว่าในด้านของการเก็บงานดีไซน์ Samsung น่าจะยังพยายามไม่เพียงพอ เรื่องที่คนบ่นกันเยอะที่สุดคงไม่พ้นตำแหน่งการวางสแกนนิ้วนั่นเอง เพราะมือคนโดยมาก (โดยเฉพาะผู้หญิง) ไม่สามารถเอื้อมนิ้วไปแตะถึงได้ รวมถึงไปแตะแล้วก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด อาจจะกลายเป็นแตะกล้องแทนทำให้หน้าเลนส์เปื้อนได้อีก ซึ่งถ้าใครตามข่าวก็น่าจะพอได้ยินกันมาบ้างว่าเหตุที่ต้องเอาแสกนลายนิ้วมือไปไว้ด้านหลังนี้ก็เพราะทาง Supplier ทำชิ้นส่วนแสกนใต้กระจกไม่สามารถพัฒนามาได้ทันนั่นเอง ทำให้ทาง Samsung ต้องจำใจใช้แบบนี้ไปก่อน และคาดว่าจะได้เห็นมันย้ายกลับมาด้นหน้ารวมกับปุ่มโฮมบนหน้าจอแทนไปเลยบน Galaxy Note 8 นั่นเอง


image courtesy : xda-developers

และอีกอย่างที่ยังคงความหงุดหงิดคือตำแหน่งพอร์ทและปุ่มต่างๆบนเครื่องยังไม่สมมาตร หรือจัดให้กึ่งกลาง คนทั่วไปอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรนัก แต่สำหรับคนที่ดูงานออกแบบมาเยอะๆ หรือชอบความสมบูรณ์แบบแล้ว เครื่อง Samsung Galaxy เป็นอะไรที่คนกลุ่มนี้ไม่ชอบเอาซะเลย เพราะกี่รุ่นๆมาก็ไม่ได้ใส่ใจ และลงรายละเอียดกับเรื่องนี้สักที ถ้าเป็น OCD ด้วยแล้ว คงจะถือไม่ได้เพราะน่าจะคันอยากจะจัดให้มันตรงกันให้ได้นั่นแล 555

5. Bixby ทำมาซ้ำกับ Google Assistant และยังใช้งานไม่ได้

ผู้ช่วยอัจฉริยะคนใหม่ ที่ Samsung ภูมิใจนำเสนอ แต่สำหรับคนที่ใช้งาน Google Assistant อยู่น่าจะเบ้ปากมองบนว่ามันต่างกันยังไง ตอนพรีเซนต์ความสามารถนี่แทบจะลอกวิธีการพูดกันมาเลยก็ว่าได้ เปิดตัวเสร็จปุ๊บคนก็อยากลองทดสอบความฉลาดของมันอยู่ว่าจะทำได้แค่ไหน แต่กลับต้องผิดหวังเพราะความสามารถหลายๆอย่างกลับยังไม่พร้อมให้ใช้งานซะงั้น แถมความสามารถสั่งงานด้วยเสียงจะเปิดให้ใช้งานได้หลังจากขายแล้วสักพักเลยอีกต่างหาก ส่วนว่าจะใช้ในเมืองไทยได้เมื่อไหร่นั้น ตามข้อมูลที่ได้รับมาล่าสุด น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะฟังภาษาไทยออกในเร็ววันนี้แน่ๆ ใครไม่สันทัดภาษาอังกฤษก็ตัดใจจากฟีเจอร์นี้ไปก่อนได้เลย คงต้องรอให้ทาง Samsung จับเอา Bixby ไปผนวกรวมกับทีม VIV อดีตทีมงานเบื้องหลัง Siri ที่เพิ่งซื้อมาไม่นาน ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเมื่อไหร่ เราอาจจะได้เห็น Bixby เก่งขึ้นกว่าเดิมอีกมากก็เป็นได้

bixby not viv

ปล. เรื่องการทำบริการซ้ำๆกับ Google ออกมาเป็นเรื่องน่าเบื่ออย่างนึงของ Samsung ถ้าเอาทรัพยากรในการพัฒนาตรงนี้ไปสร้างบริการใหม่ขึ้นมาอาจจะมีประโยชน์มากกว่านี้มาก

6. มี CPU และเซนเซอร์กล้อง 2 เวอร์ชั่น

บางคนน่าจะรู้เรื่องนี้กันบ้างแล้วว่า Chipset และเซนเซอร์กล้องบน Galaxy S8 นั้นไม่ได้มีเพียงแค่แบบเดียว แต่ว่า Samsung มีสเปคแยกขายในแต่ละประเทศ แต่ละโอเปอเรเตอร์ที่ต่างกัน

CPU : Qualcomm Snapdragon 835 หรือ Samsung Exynos 8895

กล้องหลัง : Sony IMX333 หรือ ISOCELL S5K4E6

โดยตัว CPU Snapdragon 835 นั้นจะเป็นเวอร์ชั่นหลักของที่อเมริกา ส่วน Exynos จะเป็นรุ่นที่ถูกใช้เป็นหลักในเวอร์ชั่นจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมาโดยตลอดว่าตัวใดดีกว่ากัน เพราะเมื่อครั้งแรกตั้งแต่ Galaxy Note 3 ที่มีเรื่องนี้แดงขึ้นมาประสิทธิภาพของ Exynos นั้นด้อยกว่า Snapdragon อย่างเห็นได้ชัด จนกลายเป็นความจำฝังใจของหลายๆคนว่า Exynos นั้นแย่กว่า Snapdragon แต่หลังๆมานี้ Exynos ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นมาก ประสิทธิภาพทัดเทียมกับ Snapdragon ได้แล้ว รวมถึงนักพัฒนารอมต่างๆก็เริ่มโมรอมให้ซีพียู Exynos กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีรอมให้ Exynos มากกว่า Snapdragon ใน Samsung Galaxy บางรุ่นเสียด้วยซ้ำไป

ส่วนกล้องก็จะคล้ายๆกับ CPU ที่ตัว Sony IMX333 มักจะได้พบในเครื่องที่ใช้ Snapdragon ส่วน ISOCELL มักจะอยู่ในเครื่อง Exynos นั่นเอง ซึ่งก็ถกกันไฟแล่บไม่ต่างจาก CPU ว่า Sony IMX หรือ Samsung ISOCELL ใครจะดีกว่ากัน หลายๆสื่อพยายามหาเครื่องมาทดสอบความแตกต่าง ซึ่งก็เห็นได้ชัด แต่เสียงก็แตกอีกเช่นกันว่าใครดีกว่าใครกันแน่

เปรียบเทียบภาพจาก Galaxy S8+ vs Huawei P10 Plus vs iPhone 7 Plus

มาดูเปรียบเทียบภาพจาก Galaxy S8+ (ISOCELL) vs Huawei P10 Plus vs iPhone 7 Plus

ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหามากกับเรื่องประสิทธิภาพว่าใครด้อยกว่าเพราะเอาจริงๆมันไม่เห็นความต่างที่ชัดเจนมากนัก แต่ที่หงุดหงิดก็คือต้องมี 2 เวอร์ชั่นมาให้รู้สึกกังขา ส่วนเหตุผลลึกๆที่ทาง Samsung ต้องทำแบบนี้ก็น่าจะไม่ต่างจากของ Apple นัก ก็คือเรื่องการผลิตที่ต้องกระจายออก ไม่สามารถทำให้เพียงพอ หรือพึ่งพาเพียงเจ้าใดเจ้าหนึ่งได้ และติดในเรื่องของสิทธิบัตรในบางประเทศด้วยเช่นกัน

7. ไม่มีจอเรียบ ขอบไม่โค้ง ให้เลือก

กลับไปที่เรื่องจออีกรอบ ในความสวยงามของ Galaxy S8 ความโค้งมนของขอบเครื่องคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Infinity Display เลย แต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้เกิดความลำบากในการใช้งานเช่นกัน แม้ว่าขอบโค้งบน Galaxy S8 จะมีการป้องกันอุ้งมือไปโดนได้ดีขึ้นมากแล้ว แต่ส่วนตัวไม่ได้ชอบหน้าจอโค้งมาแต่ไหนแต่ไร ตอนซื้อ Galaxy S7 ยังเอาตัวธรรมดา เพราะรู้สึกว่าใช้งานไม่สะดวกเท่าจอเรียบ เวลาติดกันรอยต่างๆ หน้าจอเรียบก็ทำได้ง่ายกว่าจอโค้งมาก ก็เข้าใจว่าจะทำให้พลาดฟีเจอร์ของ Edge screen ไปนะ แต่เอาจริงๆนี่ใช้นับครั้งได้เลย ส่วนมากคือบังเอิญลากไปโดนซะมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วถามว่าขอบจอโค้งนี้จะเป็นอุปสรรคให้คนไม่เปลี่ยนมาใช้ S8 เยอะขนาดไหน ก็คงตอบว่าไม่เยอะขนาดนั้น เพราะสุดท้ายแล้วยังไงรูปลักษณ์ที่สวยงามของมันก็น่าจะดึงคนได้มากกว่าทำให้คนบ่ายหน้าหนีอะนะ

8. ราคา

ต่อมาจากข้อ 7 เรื่องจอโค้ง พอทาง Samsung ไม่มีหน้าจอแบนเรียบให้เลือก ก็กลายเป็นว่าต้องดันราคาเริ่มต้นของ Galaxy S8 (เปิดตัว 27,900 บาท) ขึ้นไปเทียบกับเท่า Galaxy S7 Edge (เปิดตัว 26,900 บาท) ที่จอโค้งเหมือนกัน ส่วน Galaxy S8+ พุ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก เริ่มต้นที่ 3 หมื่นบาทเป็นครั้งแรกในตระกูล Galaxy S ที่ขายในไทยเลย ซึ่งตามข้อมูลของ IHS ที่ทาง Statista รวบรวมมา Galaxy S8 เป็นมือถือที่มีต้นทุนการผลิตสูงที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้

ต้นทุนการผลิตของ Samsung Galaxy vs iPhone vs Huawei

ต้นทุนการผลิตของมือถือเรือธง

อย่างไรก็ดี เมื่อลองดูจากต้นทุนแล้ว ก็กลายเป็นว่า Galaxy S8 อาจจะไม่ใช่มือถือที่ฟันกำไรหัวแปะที่สุด แต่กลับกลายเป็น Apple iPhone 7 ที่ขายในราคาใกล้เคียงกัน แต่กลับมีต้นทุนเรื่องชิ้นส่วนที่ถูกกว่าเกือบ 30% ไปแทน ซึ่งสาเหตุก็น่าจะมาจากที่ iPhone 7 ไม่ได้มีดีไซน์อะไรใหม่มากมาย ฮาร์ดแวร์ใหม่ๆก็ไม่ได้มีเยอะเท่ากับของชาวบ้านนั่นเอง

อย่างไรก็ดี เรื่องราคานี่ถ้าใครติดปัญหาเงินทองไม่พอใช้ก็อย่าเพิ่งทำอะไรเกินตัวน่อ โดยเฉพาะรีบซื้อตอนเปิดตัวใหม่ๆนี่อาจจะเจ็บตัวหนักกว่าชาวบ้านได้ ยังไงถ้าเครื่องเดิมไม่เสีย ไม่ต้องรีบเปลี่ยน ก็ถือตัวเดิมไปก่อน รอให้ราคาตลาดมันลงมาก่อน หรือจะหันไปมอง Galaxy S7 ไปเลยก็น่าสนใจไม่น้อยนะ

เปรียบเทียบ Galaxy S8 vs Galaxy S7

กดอ่านเปรียบเทียบทั้งสองรุ่นนี้ได้

ข้อแถม : ปัญหาจออมชมพู

ดราม่ากำลังอุ่นได้ที่สำหรับปัญหาจออมชมพูของ Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ซึ่งเริ่มมีคนสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อเริ่มวางขายในประเทศเกาหลีใต้ และเมื่อในประเทศไทยวางจำหน่ายก็ไม่รอดพ้นจากอาการนี้เช่นเดียวกัน

Galaxy S8+ Pinkish Edge

สังเกตบริเวณขอบจอ Galaxy S8+ เครื่องที่ทีมงานเราซื้อมานี่ขอบๆจะติดชมพู

ซึ่งปัจจุบันทาง Samsung ได้รับทราบถึงปัญหานี้แล้ว และแจ้งว่าจะทำการอัพเดทเฟิร์มแวร์ออกมาปรับให้มันมีสีขาวตามปกติ ซึ่งหลายๆคนก็สงสัยว่าทำได้จริงหรือ ปัญหานี้มันไม่ใช่เรื่องของฮาร์ดแวร์ที่คุณภาพหน้าจอที่ไม่ได้มาตรฐานหรืออย่างไร และถ้าทำได้จริง ทำไมไม่ยอมทำมาแต่แรก ปล่อยให้คนโวยวายก่อนเพื่ออะไร

สรุป

ทั้ง 8 ข้อนี้ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัวลองเล่น Galaxy S8 มาสักพักใหญ่ๆแล้วคาใจ จึงขอนำมาแชร์กัน การใช้งานทั่วไปก็เรียกได้ว่าโอเค ดีงาม ส่วนเรื่องเล็กๆน้อยๆ ปัญหาจุกจิก รวมถึงราคา ตามที่กล่าวใน blog นี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เพื่อนๆกังวล หรือถึงกับทำให้ไม่อยากซื้อ ก็ขอเชิญจัด Galaxy S8 ได้เลยครับ