นอกจากข้อมูลตัวเครื่อง สเปค และเทคโนโลยีล้ำๆ ของ Google Pixel 4 ที่หลุดมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดยังมีข่าวลือหนาหูออกมาอีกด้วยว่า ทีมงาน Outsource ที่ทำหน้าที่พัฒนาระบบ Facial Recognition ให้กับเจ้าเรือธงใหม่ตัวนี้ดันไปหลอกใช้ใบหน้า คนไร้บ้านผิวสี และวัยรุ่นอเมริกันจำนวนมากมาเป็นฐานข้อมูลเสียนี่
งานนี้ถูกแฉโดยผู้สื่อข่าวจาก Atlanta เมืองหลวงของมลรัฐ Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกาที่รายงานว่า บริษัททำวิจัยด้านเทคโนโลยีชื่อ Randstad ถูกว่าจ้างโดย Google เพื่อพัฒนาระบบ Facial-recognition ที่ถูกเชื่อว่าจะนำมาใช้ใน Google Pixel 4 ที่กำลังจะเปิดตัวขึ้นนี้เลย ซึ่งก็คงจะไม่มีอะไรหากพวกเขาไม่ได้ถูกกล่าวหาว่า “มีการหลอกเก็บฐานข้อมูลใบหน้าจากคนไร้บ้านผิวสี และวัยรุ่นจำนวนมากโดยไม่ได้แจ้งให้เจ้าตัวทราบ”
เดือดร้อนไปถึงตัวแทนเจ้าหน้าที่รัฐเมือง Atlanta ต้องเรียกคนของ Google เข้าไปชี้แจงโดยด่วนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยเบื้องต้นทาง Google ได้ออกมาชี้แจงไปแล้วแบบปัด ๆ กันเบา ๆ ว่าทาง Google เองมองว่าหากข่าวลือนี้เป็นเรื่องจะนับว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจอย่างมาก แต่ Google เองนั้นไม่เคยมีการชี้เฉพาะเจาะจงให้ไปเก็บข้อมูลจากใครด้วยวิธีใด เพียงแค่บอกกับทางทีมวิจัยว่าให้เพิ่มเติมฐานข้อมูลของ “บุคคลที่มีลักษณะผิวสีที่เข้มมากขึ้น” เท่านั้น
แหล่งข่าวเผยอีกว่า ทางทีมเก็บข้อมูลรายดังกล่าวนั้น ใช้วิธีการบอกกับกลุ่มเป้าหมายว่า ให้ร่วมทดลองแอปพลิเคชั่นหรือเกมส์ใหม่ที่ต้องมีการถ่ายภาพ Selfie และก็จะแลกได้ Gift Card มูลค่า 5 เหรียญ ฯ หรือราว ๆ 150 บาท ไปอย่างฟรีๆ ง่ายๆแค่นี้แน่นอนว่าใครก็เผลอร่วมให้ Selfie ได้ง่ายๆเลย เอารูปฉันไปเลยจ้า แต่ปัญหาก็คือ แค่การไม่บอกว่าเอาภาพไปใช้ทำอะไรต่อนี้แหละ มันผิดกฎหมายแล้วล่ะ!
อย่างไรก็ตามล่าสุดมีอัพเดทอย่างเป็นทางการจากฝั่ง Google แล้วว่าบริษัทจัดเก็บข้อมูลรายดังกล่าวถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้แล้วระหว่างที่ทาง Google กำลังทำการสอบสวนอย่างจริงจังต่อไป แต่เชื่อว่าผลลัพธ์ของการวิจัยและพัฒนาชุดนี้ต้องออกมาเรียบร้อยได้สักพักแล้วเพราะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องนี้กำลังจะถูกเปิดตัวขึ้นพร้อม ๆ กับ Google Pixel 4 ที่กำลังจะจัดงานขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคมที่จะถึงนี้นั่นเอง
ที่มา: The Verge | The New York Times (Subscription)
เรื่องแบบนี้มีกันทุกแบรนด์ ทุกประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้วิธีไหนเก็บ และถูกเปิดเผยเมื่อไหร่
สำคัญตกไปอยู่กับใครเอาไปใช้ทางบวก หรือลบ ใครได้ผลประโยชน์
ผู้ใช้อย่างเรา หลีกเลี่ยงยาก ถ้ามันจะแอบเก็บข้อมูลจริงๆ
หาความเป็นส่วนตัวยากครับ 🙂 🙂
ไม่ใช่แค่จีนแล้วนะ ท่องไว้
อย่างน้อยก็มีคนตรวจสอบ