เมื่อวานนี้ทาง Grab ได้ทำการเปิดตัวบริการใหม่ GrabKitchen ซึ่งหลังงานก็ได้มีการตอบคำถามแก่ผู้สื่อข่าวอยู่หลายข้อ แต่เรื่องที่น่าสนใจมากคือคำตอบจากคำถามที่ว่า Grab ได้รับผลกระทบใดจากเศรษฐกิจที่แย่ในปัจจุบันหรือไม่ ทางผู้บริหารได้ตอบอย่างมั่นใจว่าบริการของบริษัทเติบโตได้เป็นอย่างดี หรือเรียกว่าเป็นปีทองของพวกเขาเลยก็ว่าได้ สวนทางกับหลายธุรกิจที่แทบจะปิดตัวลงในช่วงนี้
Grab เปิดครัวครัวกลางสำหรับร้านอาหาร นำร้านดังสู่กลางเมือง สั่งออเดอร์เดียวจากหลายร้านได้เลย
เราได้เห็นบริษัทห้างร้านหลายแห่งบ่นถึงเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มาโดยตลอด แต่เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับบริษัทอย่าง Grab แต่อย่างใด โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป้าการเจริญเติบโตที่ได้แถลงเอาไว้เมื่อต้นปี ตอนนี้ทะลุเป้าไปแล้ว ภาพรวมของ Grab เติบโตดีมากทั้งบริการ Transport, GrabExpress รวมถึง Food ก็เติบโตมาก เรียกว่าเป็นปีทองเลยก็ว่าได้ และมีการเปิดตลาดต่างจังหวัดของ GrabFood ปัจจุบันรวม 20 เมือง 18 จังหวัด เมื่อเดือนพฤษภาคมได้เคยมีการแจ้งไว้ว่า GrabFood ผ่านมา 4 เดือน ก็สามารถทำยอดไปได้ถึง 4 ล้านออเดอร์ โดยมีเป้าว่าสิ้นปีน่าจะได้ยอดออเดอร์รวมราว 20 ล้านรายการ แต่ตอนนี้คาดว่าน่าจะทำได้ก่อนสิ้นปีเป็นที่แน่นอนแล้ว และล่าสุด Grab ก็เพิ่งเปิดให้บริการ GrabPay Wallet ไปอีกด้วย
โดยเหตุผลที่ทางคุณธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ก็คือ ธรรมชาติธุรกิจของบริษัทจะเป็นแบบ Gig Economy ที่จะเป็นตลาดเสรี ใครอยากจะทำหรือเลิกทำเมื่อไหร่ก็ได้ (คำว่า Gig เป็นคำแสลงที่หมายถึงงานในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งปกติจะใช้กับพวกนักดนตรี) ส่วนมากคนจะเข้ามามาทำเพื่อหารายได้เสริม ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจของทางบริษัทก็จะเติบโตตามขึ้นไปด้วยนั่นเอง
และแม้ว่าการแข่งขันในธุรกิจกลุ่มเดียวกับที่ Grab ให้บริการอยู่จะมีความรุนแรง มีผู้เล่นเข้ามาแข่งขันมากมาย แต่ทางผู้บริหารกลับมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะการที่แต่ละเจ้าเข้ามาอัดงบการตลาด รวมถึงโปรโมทสินค้าและบริการของตัวเองเยอะ ก็ถือเป็นการทำให้ตลาดรวมทั้งหมดเติบโตดีมากตามไปด้วย
อย่างไรก็ดีทางคุณธรินทร์ ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขแบบเฉพาะเจาะจงนัก ว่าประสบความสำเร็จอย่างไร มีตัวเลขที่น่าสนใจขนาดไหน ซึ่งน่าจะต้องรอช่วงปลายปีที่จะมีการสรุปและแถลงผลการดำเนินงานต่อไป แต่แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพรวมของอุตสาหกรรมหนึ่งว่าเติบโตได้ดีแค่ไหน และน่าจะมีอีกหลายภาคส่วนที่ก็น่าจะยังเติบโตได้ดีไม่แพ้กัน แต่ก็ต้องรู้จักการปรับตัวตามโลก หาช่องทางใหม่ในการดำเนินงาน และนำเอาเทคโนโลยีไปช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมกันด้วย
ขอหยิบเอามาฝากเผื่อใครที่กำลังมึนงงกับธุรกิจตัวเอง และรอวันที่เศรษฐกิจจะกลับมาดีในเร็ววัน ว่าในอีกมุมนึงมันก็มีธุรกิจเติบโตได้ดีอยู่ ไม่แน่ว่าการเริ่มหาช่องทางใหม่สำหรับตัวเอง อาจจะดีกว่ารอฟ้ารอฝน ปัจจัยภายนอกอื่นที่เราควบคุมไม่ได้มันดีขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้ครับ
มาแรงจริง 🙂 🙂
ปรับตัวตามโลกที่หมุนไป สบายๆ
ก็พี่เป็นตัวการ Disruptive ชาวบ้านเขา