เราได้เห็นข่าวด้านลบเกี่ยวกับยอดขายของ iPhone กันมาตลอดทั้งสัปดาห์ แต่มรสุมที่ Apple เผชิญ อาจไม่ได้หยุดอยู่แค่ในจีน เมื่อบริษัทวิจัยตลาด Consumer Intelligence Research Partners (CIRP) พบว่ายอดการเปิดใช้งาน iPhone ในไตรมาสล่าสุด ในสหรัฐฯ ลดลงจาก 40% เหลือ 33% หากเทียบตามช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี ตามที่มีการเก็บสถิติมา

ยอดการเปิดใช้งานมือถือที่สำรวจโดย CIRP เป็นการนับสถิติในกรอบเวลา 12 เดือน โดยจะออกรายงานทุกไตรมาส CIRP พูดถึงภาพรวมของตลาด บอกว่าเมื่อ 6 ปีที่แล้ว iPhone ก็มีส่วนแบ่ง (การเปิดใช้งาน) ใกล้เคียงกับตอนนี้ แต่จุดแตกต่างคือ ตอนนั้นยังพอมี BlackBerry และ Windows Phone หลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง ในขณะที่ปัจจุบันทั้งสองค่ายสูญพันธุ์ไปจากสารบบเกือบ 100% จนเหลือแค่ iPhone กับ Android แล้ว เท่ากับว่าส่วนแบ่งอีก 67% ที่เหลือเป็นของ Android ล้วน ๆ แต่ในรายงานไม่ได้ระบุแยกย่อยเป็นแบรนด์

การที่ยอดขาย iPhone ตกในจีน ปัจจัยหลักมาจากการคืนชีพของ HUAWEI ที่แย่งฐานลูกค้าไปจาก Apple ตรง ๆ แต่ HUAWEI ไม่ได้ทำตลาดในต่างประเทศ ดังนั้น สาเหตุที่ยอดเปิดใช้งาน iPhone ในสหรัฐฯ ลดลง จึงมาจากเหตุผลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ HUAWEI หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่ในทางตรง

CIRP ทิ้งท้ายว่า มือถือยุคนี้มีราคาแพงขึ้น ไม่ค่อยมีการอัปเกรดอะไรที่ก้าวกระโดดในแต่ละปี ฟีเจอร์ใหม่ก็นาน ๆ ออกที แต่ในแง่ดีก็ยังมีในเรื่องของความทนทาน และการอัปเดตซอฟต์แวร์ ที่ได้เพิ่มมาตามราคา ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจส่งผลให้คนเปลี่ยนมือถือกันช้าลง สอดคล้องกับที่ Google และ Samsung เคยบอกไว้ จนนำไปสู่การขยายการอัปเดตซอฟต์แวร์นานสุด 7 ปี ในมือถือ Pixel และ Galaxy ตามลำดับ

ที่มา : CIRP