พร้อมจะสัมผัส Galaxy Note 9 กันหรือยัง ตอนนี้ droidsans ได้เครื่องมาแล้วเรียบร้อย พร้อมที่จะพาทุกคนไปทดสอบความสามารถใหม่ๆ รวมถึงความน่าสนใจของ S Pen ที่เพิ่มเติมเข้ามาในงานเปิดตัว ยัง! ยังไม่พอ เพราะยังมีกล้องที่เพิ่มระบบ Intelligent เข้ามาอีก อย่ารอช้า มาพรีวิว Galaxy Note 9 ไปด้วยกันเลย

ตัวเครื่อง Galaxy Note 9

เปิดหัวมาด้วยความตื่นเต้น แต่พอหยิบเครื่องขึ้นมา.. เฮ้ย นี่มัน Note 8 เหรือเปล่าครับพี่น้อง! ฮ่าๆ ใช้แล้วครับ ช่วงนี้เหมือน Samsung เดินมาจนถึงสุดทางของการดีไซน์แล้วหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะเราก็ได้เห็นการเลือกใช้หน้าจอ Infitity Display มาต่อเนื่อง 3-4 รุ่นเข้าไปแล้ว

แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าหน้าจอของ Note 9 (ซ้าย) นั้นจะได้พื้นที่เพิ่มขึ้นมาจาก Note 8 (ขวา) อีกนิดหน่อย แม้ตัวเฟรมจะมีขนาดเท่าๆ กัน เพราะขอบรอบๆ จอ Infinity Display นั้นบางลงไปอีกหน่อย

Galaxy Note 9 Color

รุ่นนี้เปิดตัวกันมารวดเดียว 4 สี โดยเป็น 3 สีใหม่ ม่วง Lavender Purple, ทองแดง Metallic Copper, น้ำเงิน Blue Ocean และมีหนึ่งสีเก่าคือดำ Midnight Black

สีของ S Pen แต่ละเครื่องก็ไม่เหมือนกัน และมันยังมีความลับของสีซ่อนอยู่ด้วย

ส่วนในกล่องของ Galaxy Note 9 นั้นจะมีอะไรให้บ้าง ลองมาดูกันครับ (แต่บอกไว้ก่อนว่านี่ยังเป็นกล่องเครื่องทดสอบ ของอาจจะไม่เป๊ะ 100%)

รายการของต่างๆ ในกล่องนอกจากตัวเครื่อง S Pen แล้ว ก็มีหม้อแปลง Adaptive Fast Charge, หูฟัง AKG, ตัวแปลง Micro USB เป็น Type C, อุปกรณ์โอนถ่ายข้อมูล, แหนบดึงเปลี่ยนหัว S Pen และมีหัวปากกาอีก 2 ไส้ ผมเองคิดว่าในรุ่นขายไทยน่าจะมีเคสใสแถมมาด้วย เพราะตอน S9 มีมาให้ แต่ก็ไม่แน่ รุ่นนี้อาจจะไม่แถมก็ได้

ส่วนอื่นๆ ความ กว้าง ยาว สูง หนา ทั้ง 4 มิติ อันนี้แทบจะบอกไม่ได้ว่าเป็นคนละรุ่นกัน เพราะขนาดแทบจะเท่ากันเป๊ะ

จุดสังเกตุง่ายๆ ว่ารุ่นไหนคือ Note 9 คือการย้ายเอาสแกนลายนิ้วมือมาไว้ด้านล่างชุดกล้องคู่

และอีกจุดนึงคือขอบตรงเฟรมโลหะมีการขัดเงาแบบ Diamond Cut แต่ก็เส้นบางมากๆ ถ้าไม่เทียบกันนี่แทบมองไม่เห็น (ขนาดเทียบกันแล้วยังมองยาก)

ตำแหน่งปุ่มกดต่างๆ นั้นอยู่ที่เดียวกันหมด เรียกว่าใครใช้ Note 8 มาก็จะคุ้นเลยกับการกดจับหน้าจอผิดแล้วไปกด Bixby แทน (ฮ่าๆ ผมเองพลาดประจำ) ซึ่งจริงๆ ก็ใช้ปาดสันมือเอาจะสะดวกกว่ามาก แต่ด้วยความเคยชินที่ได้ทดสอบหลายเครื่องมันก้จะคุ้นมือกับการใช้ปุ่ม power + vol down มากกว่า

มาถึงด้านล่างเราจะได้เห็นช่องลำโพง USB C ที่รองรับ Adaptive Fast Charge และช่องไมโครโฟน ส่วนรูกลมๆ นี่เรียกว่าเป็นรูสวรรค์ (จะเรียกแบบนี้จริงๆ เหรอ?) ของคนฟังเพลงเลยก็ว่าได้ เพราะช่องหูฟัง 3.5 มม. ตอนนี้มันกำลังจะสูญพันธ์ หลังจากมือถือรุ่นท็อปต่างพากันทำหมัน อุดรูไปเกือบหมดแล้ว ถ้า Galaxy Note 9 ไปอยู่ในดงมือเรือธงจากหลายๆ ค่าย ก็คงต้องยกให้มันเป็นมือถือหายาก ขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์สงวนอะไรแบบนั้นไปเลยยังได้

S Pen Remote

มาถึง S Pen กันบ้าง หน้าตามันอาจจะไม่ได้ดูแตกต่างจากรุ่นก่อนๆ สักเท่าไหร่ แต่ใครจะรู้ว่า Samsung สามารถเปลี่ยนปากกาด้ามนี้ให้เป็นรีโมท Bluetooth ได้

อ้าว! แบบนี้ถ้าเป็น Bluetooth ก็ต้องชาร์จแบตในการใช้งานหรือเปล่า? ใช่ครับต้องชาร์จ แต่ขออธิบายเพิ่มเติมก่อนเกิดความสงสัยและเข้าใจผิด

ฟีเจอร์การใช้ S Pen ขีดๆ เขียนๆ บนหน้าจอแบบเดิมนั้น ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ และไม่ต้องใช้ Bluetooth ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ใน S Pen แท่งเล็กๆ บางๆ เนี่ยมันจะมีกี่มิลลิแอมป์?

บอกได้เลยว่าใน S Pen นั้นไม่มีแบตเตอรี่ครับ แต่มันมี Super Capacitor ที่คอยเก็บประจุไฟเอาไว้ โดยในการชาร์จให้เต็มหนึ่งครั้งจะใช้เวลาแค่ 40 วินาที และจะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 30 นาที

ส่วนวิธีการชาร์จก็ไม่ยาก แค่เสียบเข้าไปในช่อง S Pen แบบนี้ …..

ว้าย! ไม่ใช่แบบนั้นสิ ใครจะคิดให้ชาร์จปากกายื่นออกมาจากเครื่องแบบนั้น เดี๋ยวตีตายเลย ดูแล้วมันประหลาดๆ เนอะ วิธีชาร์จคือ.. ไม่มีครับ แค่เสียบเข้าไปในช่องมันก็คือการชาร์จแล้ว แล้วมันจะมีคอยล์ข้างในที่เป็นแม่เหล็กที่จะเหนี่ยวนำไฟเข้ามาเก็บใน Capacitor

การใช้งาน S Pen ทั่วไปก็คือเอามาดๆ เขียนๆ วาดๆ ซึ่งใน Galaxy Note 9 มีความพิเศษตรง Screen off memo จะรองรับการเขียนเป็นสีต่าง ตามสีของด้ามปากกา และสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นสีขาวได้ ส่วนด้ามสีดำจะเขียนได้แค่สีขาวเท่านั้น

S Pen Remote

ฟีเจอร์รีโมทบน S Pen นั้นเปิดให้ใช้งานบนแอปต่างๆ ได้ตั้งแต่ Gallery, Voice Recorder Camera, Google Chrome, Spotify และแอปอื่นๆ อีกเพียบ โดยการสั่งงานจะมีอยู่ 3 รูปแบบคือ กดหนึ่งครั้ง กดเบิ้ล และกดค้าง

  • กดหนึ่งครั้ง ใช้เลื่อนภาพ เปลี่ยนสไลด์ เล่น/หยุดเพลง (ต่างกันไปในแต่ละแอป)
  • กดเบิ้ล เลื่อนเพลง เลื่อนหน้าจอ (ต่างกันไปในแต่ละแอป)
  • กดค้างจะเป็นการเรียกแอปที่เราตั้งค่าเอาไว้ขึ้นมาใช้งานจากหน้าจอไหนก็ได้ ซึ่งกดหนดได้แอปเดียว

กล้อง Intelligent Camera

กล้องหลังคู่ Intellignet Camera นอกจากจะเอาความสามารถในการปรับรูรับแสง f1.5 / 1/2.4 จาก S9 มาแล้ว

ยังเพิ่มความฉลาดด้วย Smart Camera Auto Mode ที่จำแนกซีนต่างๆ ได้ตามที่มองเห็น ไม่ต้องเปิดโหมดอาหารอีกต่อไปก็ถ่ายออกมาให้น่ากินได้ หรือจะไปถ่ายท้องฟ้า ทะเล ชายหาด สีของฟ้าก็จะสวยงาม ต้นไม้ ป่าเขาลำเนาไพรก็จะดูเขียวขึ้น

เรียกว่าเป็นการปรับทั้งสีสัน ความคมชัดและการตั้งค่ากล้องต่างๆ ให้เหมาะกับการถ่ายภาพในซีนนั้นๆ ได้กว่า 20 แบบ

นอกจากนั้นยังมีระบบ Smart Detection รู้ได้ทันทีว่าภาพมีปัญหาเช่นถ่ายออกมาแล้วสั่น หรือมีคนกระพริบตา ก็จะมีการแจ้งเตือนขึ้นมาทันที เผื่อเราอยากจะถ่ายแก้หรือซ่อมใหม่ ซึ่งหากมีคนหลับตาอยู่แล้ว หรือแอบถ่ายตอนหลับมันจะไม่แก้ให้นะ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง (ทะยอยเพิ่มเรื่อยๆ)

กล้องหน้าของ Galaxy Note 9 มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เซนเซอร์เป็นตัวเดียวกับ S9 มีระบบออโต้โฟกัส 

AR Emoji ก็มีการเพิ่มลวดลายสติ๊กเกอร์มากกว่าเดิม และยังสามารถเขียนชื่อเราลงไปในสติ๊กเกอร์ได้ด้วย

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า (ทะยอยเพิ่มเรื่อยๆ)

Play video

มีข่าวฝากมาจากทาง Focus ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องกระจกกันรอยหน้าจอว่าจะหายากนะ เพราะตอนนี้ทาง Focus มีฟิล์มกระจกกันรอยกาวเต็ม 3D Full Stick ที่ทำมารับรองโดยเฉพาะแล้ว ติดแล้วเนียนสวย สามารถใช้งานคู่กับเคสได้สบายๆ ไม่มีปัญหาเรื่องแตะไม่ติดจอทัชไม่ไปด้วยค่า