เมื่อวานนี้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้จัดงานประกาศวิสัยทัศน์ขึ้น เนื้อหามีการพูดถึงการปรับทัพองค์กรเพื่อรองรับกระแสดิจิทัล มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานในส่วนต่างๆ ซึ่งการพัฒนาส่วนนี้จะทำให้ธนาคารสามารถปรับลดสาขาและพนักงานลงได้มากกว่าครึ่ง และเล็งให้ SCB EASY เป็นแอปที่ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้มากขึ้นด้วย
สรุปเนื้อหาที่น่าสนใจจากงานแถลงวิสัยทัศน์ของธนาคารไทยพาณิชย์ ปี 2561
- ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน และนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพองค์กร
- สร้างพนักงานให้มีขีดความสามารถและทักษะ ตามตัวเทคโนโลยีให้ทัน
- ต้องการสร้างให้ไทยพาณิชย์เป็น “The Most Admired Bank” (ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด)
- โครงสร้างรายได้ธนาคารที่เปลี่ยนแปลง ค่าธรรมเนียมต่างๆจะค่อยๆลดลง ด้วยเทคโนโลยี
- SCB EASY จะมุ่งเน้นไปที่การเป็น Lifestyle Application เป็นมากกว่าแอปทำธุรกรรมการเงิน
- ผลักดันให้เกิดสังคมไร้เงินสด ด้วยการพัฒนาระบบการชำระเงินผ่าน QR Code
- ธนาคารเล็งลดจำนวนสาขาที่อยู่ราว 1,100 สาขาทั่วประเทศเหลือเพียง 400 กว่าสาขาเท่านั้น
- และด้วยสาขาที่ลดลง พนักงานก็จะลดลงตามจาก 27,000 คนเหลือเพียง 15,000 คนเท่านั้น
- จำนวน 400 สาขาและพนักงาน 15,000 คน น่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2020 หรือ พ.ศ. 2563
- จำนวนที่ลดลงของสาขาและพนักงาน เป็นตัวสะท้อนถึงการปรับตัวของกระแสดิจิทัล และประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นหลังปฏิรูปองค์กร
- พนักงานที่ลดลงไม่ได้มาจากการเลย์ออฟ แต่พนักงานมีคนออกอยู่แล้วราว 3,000 คนต่อปี
สำหรับคนที่ต้องการติดตามอ่านถึงวิสัยทัศน์การปฏิรูปองค์กรของทางธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จาก ผ่ายุทธศาสตร์ไทยพาณิชย์ “Going Upside Down” (กลับหัวตีลังกา) เดินหน้าสร้างแพลตฟอร์มแบงก์ใหม่ หวังครองใจลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งวิสัยทัศน์ของทางธนาคารในครั้งนี้จัดว่าเป็นการริเริ่มที่น่าสนใจและคิดต่างจากธนาคารอื่นในปัจจุบันไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว
ด้วยความที่ไทยพาณิชย์เป็นธนาคารที่มีฐานลูกค้ามากเป็นอันดับ 3 มีผู้ใช้ mobile banking มากเป็นอันดับ 2 การปรับตัวในครั้งนี้ก็น่าจะสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมได้ไม่น้อย ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีก็มีโอกาสที่จะเพิ่มฐานลูกค้า และสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีกว่าธนาคารอื่นๆได้อีกมาก และหากธนาคารใดต้องการจะที่ปรับตัวตามก็น่าจะไม่ได้ใช่เรื่องที่ง่ายนัก ด้วยความที่แต่ละธนาคารเป็นองค์กรที่ใหญ่ กว่าจะเลื่อนฟันเฟืองทุกชิ้นให้เคลื่อนไปในทางเดียวกันได้ก็เป็นเรื่องยากแสนยาก และใช้เวลา แถมจะหาผู้นำที่เข้าใจในกระแสดิจิทัลพร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่เลย
อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าทางธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรที่มีจำนวนผู้ใช้เป็นอันดับ 1 และ 2 เห็นด้วยกับแนวทางของธนาคารไทยพาณิชย์และจะปรับตัวตามหรือไม่ การปิดสาขาลงและผลักดันให้ลูกค้าเข้ากระแสดิจิทัล จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องโดนใจลูกค้าขนาดไหน หรือจริงๆแล้วธนาคารยังต้องทำทั้งสองทางควบคู่กันต่อไปอีกสักพักก่อน ให้ลูกค้าทุกกลุ่มทุกวัยได้มีโอกาสปรับตัว และตัวแอป Mobile Banking ก็ควรจะให้มันทำหน้าที่ทำธุรกรรมการเงินให้ดีและง่าย ไม่ใช่มีอะไรเข้ามากวนการใช้งานมากมายกันแน่
และเชื่อว่าเวลาก็คงจะเป็นคำตอบ อย่างช้า 3 ปี นี้รู้กัน
ปล. หยิบเอามาฝากกันสักนิดนึง แม้ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับมือถือเพียงนิดเดียว (SCB EASY – Mobile Banking) แต่ก็น่าจะมีผลต่อชาวเรา และการใช้งานมือถือเพื่อการทำงานบ้างไม่มากก็น้อยครับ 🙂
ที่มา ข่าว-กิจกรรมธนาคารไทยพาณิชย์ 22 มกราคม 2561, ประชาชาติธุรกิจ
กำลังจะเจ๊งเหรอ??? ถึงต้องลดสาขา ลดพนักงาน
ปีๆกำไรเป็นหมื่นล้าน ยังจะทำงกอีก พนักงานก็ซวยกันพอดี ลูกค้าโดยเฉพาะคนมีอายุหน่อยก็จะวุ่นมากขึ้น
บางสาขามันไม่ก่อให้เกิดรายได้ไงครับ หรือไม่มีการธุรกรรมทางการเงินไม่คุ้มต้นทุนในการเปิดสาขา เขาก็ไม่สนใจแล้ว ปิดไปมีแต่ได้กับได้ ต้นทุนลดมาก แต่รวมๆรายได้ลดไม่เยอะ กำไรมันก็มากขึ้นเป็นธรรมดา
นี่ดีน่ะที่ลด 45% ผมว่า bank อื่นน่าจะลดกว่าครึ่ง ลองคิดดูเอาเองว่าในเดือนที่ผ่านมาเราไป bank กี่ครั้ง และใช้ mobile app bank กี่ครั้ง ท่านจะได้คำตอบเองว่าทำไมถึงต้องลด
ลดจำนวนสาขาลง 60% พนักงาน 45% => แบบนี้ไม่ว่า
ขออย่างเดียว อย่าเพิ่มค่าธรรมเนียม
อันนี้จริง และเห็นด้วยเลย
คิดมุมคนงานก็ดูจะโหดๆหน่อย แต่มันก็ตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
คิดมุมบริหาร ทรัพยากรที่ไม่ประโยชนื ก็ต้องปรับเปลี่ยน
สถาพนี้ต้องยอมรับจริงๆ นะ ว่า พนักงานที่สาขา ทักษะควมรู้เกี่ยวกับ งานบริการค่อนข้างต่ำ ไม่เก่งคน ไม่เก่งงาน ก็ลำบาก สมัยนี้ มีอะไร โทรหา คอลเซ็นเตอร์ ง่ายกว่า แจ้งปัญหา การสนทนาเป็นมิตรมากกว่าเยอะ แถมการแก้ไขรวดเร็วมากกว่า ผมเคยไปที่สาขา เพื่อสอบถามข้อมูล รอคิวที่สาขา แจ้งเรื่อง พูดคุย ร่วม ครึ่ง ชม แต่คำตอบคือต้องรอตรวจสอบก่อน ……. แต่ สรุป สุดท้ายก็นั่งโทรหาคอลเซ็นเตอร์ที่สาขานั่นแหละ ไม่ถึง10 นาที เสร็จ
คอลเซ็นเตอร์กับสาขาต่างๆเค้ามีการแบ่งหน้าที่กันทำ ไม่ให้ทับซ้อนกัน มันก็เป็นไปได้ที่คอลเซ็นเตอร์จะทำบางอย่างได้เร็ว แต่ก็มีสิ่งที่คอลฯทำไม่ได้ เช่น การเปิดบัญชี การซื้อเช็ค การแลกเปลี่ยนเงินตราตปท.
ดูเหมือนว่าธนาคารจะพยายามบีบให้คนมาใช้ออนไลน์มากขึ้น เพราะปัจจุบันยอดคนใช้ออนไลน์จริงๆยังไม่สูงเท่าที่ต้องการมั้ง อย่างเวลาผ่านสาขาของธนาคารต่างๆก็ยังเห็นคนเข้าไปใช้บริการกันไม่น้อย ซึ่งคนที่เข้าไปใช้ก็เป็นหนุ่มๆสาวๆคนทำงานทั้งนั้น
คิดกันในมุมพนักงาน และ คนอื่นๆ ลองคิดในมุมองค์รวมของประเทศสิครับ คนรุ่นต่อไป จะทำงานยังไง เศรษฐกิจจะเป็นยังไง การหาเงินของชาวบ้านจะเป็นยังไง ถ้าธนาคาร มีวิสัยทัศน์ แบบนี้ พวกคุณที่โพสๆ ในนี่วันนึงจะลำบากก็เป็นได้ครับ วิสัยทัศน์ ธนาคารสะท้อนอนาคตประเทศ ผมกลับมองว่าน่ากลัว ธุรกิจหลาย อย่างมีแนวโน้มจะยืนอยู่ยาก
รูปแบบการใช้ชีวิตของผมเปลี่ยนแล้วครับ ก็ต้องยอมรับกันไป ทุกคนก็ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ทุกวันนี้เดินห้างหรือเดินตลาดคลองถม ก็เดินเล่นเฉยๆ กลับมาซื้อของในโลกออนไลน์มากขึ้น เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ทั่วๆไป มีให้เลือกหลากหลาย อัพเดทใหม่ตลอดเวลา ราคาถูกกว่าเยอะ ลดการใช้เงินสดลงได้มาก แล้วยังแอพต่างๆที่ใช้จ่ายเงินโดยไม่ต้องพึ่งธนาคารก็มี สำหรับผมติดต่อกับทางธนาคารก็เรื่องสินเชื่อ ที่ยังต้องพึ่งอยู่
อันนี้ น่ากลัวนะ
ลองนึกว่าธนาคารทุกแห่งปรับลดจำนวนพนักงานลงสัก 30-40% จะมีคนถูกลอยแพอีกหลายหมื่นคน
นี่แหละครับผมถึงเลือกทำรัฐวิสาหกิจ ผลตอบแทนค่อนข้างดีงานมีทั้งช่วงสบายและไม่สบาย ถามว่ามีโอกาสโดนปลดไหมมีครับแต่ยากกว่าเอกชนมากๆๆๆๆๆ
ผมว่าอีกหน่อยถ้า AI ฉลาดมากขึ้นเท่าไหร่คนยิ่งตกงานมากขึ้นเท่านั้นล่ะครับ คงเหลือใว้แต่สายอาชีพเฉพาะทางจริงๆจึงจะอยู่รอดได้ในตลาดแรงงาน
เค้าไม่ได้ไล่พนักงานออกนะครับ แค่ไม่รับคนเพิ่มเท่านั้นเอง แล้วก็ย้ายพนักงานไปรวมกันในสาขาอื่น ที่ลำบากขึ้นคงเป็นการเดินทางของพนักงานน่ะครับ
เมื่อคอมพิวเตอร์มาช่วยทำงาน นอกจากธนาคารธุรกิจอื่นก็เป็นตามมาครับ งานเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ขององค์กรต่าง ๆ มันจะมีแนวโน้มลดลง ต้องลองศึกษาอาชีพอื่นที่จะเกิดขึ้นตามมาครับ ลูกหลานจะได้ไม่ตกงานในภายภาคหน้าครับ
เรื่องคนลาออกมันก็เป็นสิ่งที่เค้ายกมาอ้าง จริงเท็จแค่ไหนเราคนนอกไม่มีทางรู้ได้
อาชีพใหม่ๆที่ว่าว่าจะเกิดขึ้น ตอนนี้เห็นหรือยังว่ามีอะไรบ้าง
ส่วนเรื่องอาชีพเฉพาะ เช่น หมอฟัน ทุกวันนี้มีร้านหมอฟันเปิดกันให้เกลื่อนไปหมด Over Supply หรือเปล่า
เห็นด้วยลดคน ช่วยประหยัดได้เยอะ สาขาเช่าเปลือง บางทีคนช้ามากๆ กว่าระบบที่ดี ประหยัด