หลังจากเพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนน้องใหม่ของค่ายอย่าง OnePlus 3T ไปเมื่อวาน ล่าสุด OnePlus เดินหน้าโปรโมทน้องใหม่ทันที ด้วยการปล่อยคลิปวีดีโอโชว์เทคโนโลยี Dash Charge หนึ่งในฟังก์ชั่นเด่นของรุ่น มาชาร์จเทียบกับ Google Pixel XL ขุนพลตัวใหม่ของทาง Google งานนี้ใครจะเด่นกว่ากันไปชมกัน!
หลังจากงาน Pwn2Own จบลงไปโดยมี Nexus 6P และ iPhone โดนเจาะระบบไปทั้งคู่ แล้ว Pixel ที่เป็นมือถือใหม่ล่าสุดรุ่นแรกจาก Google หละ? หลายคนคงสงสัย ล่าสุดในงาน PwnFest ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ก็ได้มีการให้กลุ่ม White Hat Hacker หรือกลุ่มแฮคเกอร์ทำประโยชน์ (อารมณ์ประมาณ พ่อมดขาวแกนดาล์ฟ) มาแข่งกันแฮคระบบและอุปกรณ์ต่างๆ กันอีกรอบ ซึ่งในงานนี้ Pixel ของเราก็โดนเจาะเป็นที่เรียบร้อยภายในเวลาไม่ถึง 60 วินาที
ถ้านับระบบชาร์จแบตเร็วในปัจจุบันตอนนี้ฝั่ง Android นั้นมีหลากหลายมาตรฐาน เรียกว่าเยอะจนยุ่งเหยิงไปหมด ทั้งฝั่งของผู้ผลิตชิป Qualcomm Quick Charge, Mediatek Pump Express แล้วยังมีทางแบรนด์ผู้ผลิต Oppo VOOC, OnePlus Dash Charge, Huawei SuperCharge, Samsung Adaptive Fast Charging และ Motorola Turbo Charge ปาเข้าไป 8 แบบ ถึงแม้บางตัวจะมีหลักการคล้ายกันแต่หลังๆ มานี่เริ่มจะใช้ด้วยกันยากแล้ว ล่าสุด Google ก็เลยออกมาบังคับกลายๆ ผ่านเอกสารความเข้ากันได้ของ Android ว่าให้มาใช้มาตรฐานการชาร์จของ USB Type C กันซะให้หมด
อาจจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้สำหรับก่อนหน้านี้ ที่เวลาถกเถียงกันว่ามือถือระบบไหนมีความปลอดภัยสูงกว่า คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็จะสรุปว่าทาง iOS ของฝั่ง iPhone นั้นปลอดภัยกว่า แต่ล่าสุด ภายในงานประชุมด้านความปลอดภัยโลกไซเบอร์ O’Reilly Security Conference วิศวกรความปลอดภัยแอนดรอยด์ Adrian Ludwig จากทางกูเกิลไปประกาศว่า ณ เวลานี้ ในเรื่องของความปลอดภัยนั้น Google Pixel กับ iPhone นั้นแทบจะไม่หนีห่างต่างกันเลย และในอนาคต Android จะเหนือกว่าแน่นอน
หลังจากวางขาย Pixel และ Pixel XL มาได้ระยะหนึ่งก็มีผู้ใช้พบว่า Pixel รุ่นจอ 5 นิ้วนั้นไม่สามารถชาร์จไฟเข้าเครื่องได้เกิน 15 วัตต์ ทั้งที่ตอนต้นทางกูเกิลได้โฆษณาว่าทั้ง Pixel และ Pixel XL สามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 18 วัตต์ ทำให้ทาง android police สอบถามไปยังทางกูเกิล และทางกูเกิลได้ปรับสเปคที่โฆษณาไว้จากเดิมกลายเป็น 15-18 วัตต์ ซึ่งก็ยืนยันได้ว่าสเปคการชาร์จไฟของ Pixel จะเป็น 15 วัตต์ ซึ่งชาร์จช้ากว่า Pixel XL
หลังจากไปร่วมพัฒนากับค่ายผู้ผลิตมือถือเพื่อปั้น Nexus มานานหลายปี ล่าสุดทาง Google ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวมือถือเครื่องแรกภายใต้ชื่อของตนเองแล้วทั้ง Google Pixel / Google Pixel XL ซึ่งสองรุ่นนี้หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะแตกต่างกันแค่ขนาดหน้าจอระหว่าง 5” และ 5.5” กับแบตของรุ่นใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งเมื่อเปิดขายปุ๊บของก็ขาดตลาดปั๊บ .. แหมมม ของเขาดีจริง ห๊ะ ดียังไงเหรอ เดี๋ยวเก่งบอกให้ค่ะ :]
ช่างซ่อมมือถือ (และช่างซ่อมคอม) สมัยนี้คงจะปวดหัวกับการแงะแกะอุปกรณ์ต่างๆออกมาซ่อม โดยสมาร์ทโฟนและโน้ตบุ๊คบางรุ่นชิ้นส่วนเชื่อมกันด้วยกาวทั้งหมด ทำให้ถอดชิ้นส่วนออกมาแล้วอาจจะประกอบกลับคืนไม่ได้ (หรืออาจพังไปเลย) ต้องขอบคุณเว็บ iFixit ที่นำอุปกรณ์ไอทีตัวหลักๆมาทดลองแงะและทำขั้นตอนการแกะแต่ละเครื่องมาให้เสร็จสรรพ นอกจากนี้ยังมีการให้คะแนนความง่ายในการซ่อมมาอีกด้วย อุปกรณ์บางอันที่ใช้กาวเชื่อมกันเยอะๆจะได้คะแนนต่ำมาก
การมาของสมาร์ทโฟนนั้นทำให้เราสามารถจะทำงานต่างๆ ได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการติดต่อผู้คนและเจรจาธุรกิจข้ามโลกได้ในไม่กี่วินาที นอกจากนั้นยังมีเกมและสื่อหลากหลาย จนคนแทบจะไม่ได้ใช้มือถือสำหรับโทรหากันเหมือนแต่ก่อนแล้ว แน่นอนว่าแอพพลิเคชั่นและเกมนั้นยังช่วยเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถเขียนแอพหรือเกมต่อยอดขึ้นมากลายเป็นธุรกิจทึ่เติบโตเร็วที่สุด แถมยังมีลูกค้าจากทั่วโลก ซึ่งทาง Google เองก็พร้อมที่จะสนับสนุนนักพัฒนาจากทุกมุมโลกให้สามารถผลักดันแอพหรือเกมออกไปสู่ตลาดโลกด้วยเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ทั้ง Android ที่ครองตลาด 80% และ Google Play ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน
Google ไม่ได้มาเล่นๆ แถมจริงจังอีกต่างหากสำหรับ Pixel และ Pixel XL มือถือรุ่นแรกจากบริษัท โดยในงานเปิดตัวนั้น Google พูดชัดเจนว่า เป้าหมายของ Pixel คือ iPhone ของ Apple ล่าสุดตอกย้ำความจริงจังโดยการโพสต์วิดีโอขึ้น YouTube 2 คลิป แนะนำวิธีการย้ายจาก iPhone มาใช้ Pixel พร้อมแนะนำวิธีการใช้งานเบื้องต้นด้วยเลย
เหล่าผู้ใช้งาน Pixel ใน reddit ต่างพบปัญหาเดียวกันคือกล้องของ Pixel นั้นถ่ายภาพติด Lens flare, แสงแฟลร์ หรือวงแหวน Halo ง่ายมาก (ตัวอย่างภาพที่ผมถ่ายก็มีติดมาภาพนึง) โดยแสงนั้นเกิดจากมุมตกกระทบบนตัวเลนส์จากตำแหน่งของจุดกำเนิดแสงในมุมใดมุมหนึ่ง ซึ่ง Lens flare นั้นหลายคนก็ชอบเพราะมันสวยดี บางคนก็ใช้ในการแต่งภาพ แต่ถ้ามันเกิดง่ายและบ่อยเกินไปในจุดที่เราไม่ต้องการนั้นมันก็ทำให้ภาพนั้นหมดสวยไปเลยเช่นกัน
