Micron ผู้ผลิตหน่วยความจำเบอร์ต้น ๆ ของโลก ประกาศเปิดตัว SSD PCIe Gen 6 รุ่นแรกของโลก ที่ทำความเร็วการอ่านแบบ Sequential Read ได้สูงถึง 26 GB/s ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลขนาดใหญ่เร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การตัดต่อวิดีโอ การเรนเดอร์กราฟิก การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือนำไปช่วยเทรน AI
SSD มาตรฐาน PCIe 5.0 มีออกมาสู่ตลาดให้เราได้ซื้อกันง่าย ๆ สักพักหนึ่งแล้ว และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น พีซี โน้ตบุ๊ก ก็ต่างรองรับแล้ว แต่กลับไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้กันเท่าไหร่ แม้ว่าความเร็วแรงจะทะลุหลักหมื่น MB/s ไปแล้วก็ตาม เพราะความร้อนที่ SSD PCIe 5.0 ปล่อยออกมานั้นมีเยอะมาก ทำให้ต้องใช้ชุดระบายความร้อนขนาดใหญ่ หรือต้องเป็นชุดระบายความร้อนแบบพัดลม ถึงจะคุมความร้อนอยู่ ทำให้ติดตั้งยากกินพื้นที่มากกว่า SSD มาตรฐาน PCIe 4.0
สืบเนื่องจากประเด็นที่ Attingo ออกมาให้ข้อมูลว่าปัญหา SanDisk Portable SSD ข้อมูลหายแบบกะทันหัน เกิดจากข้อบกพร่องด้านการออกแบบและการบัดกรีที่ไม่ดี ทำให้มีจุดเปราะที่ภายใน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา – ล่าสุด Western Digital บริษัทแม่ของ SanDisk ออกแถลงการณ์ตอบโต้ผ่าน PetaPixel โดยระบุว่า “ไม่เชื่อว่าปัญหามาจากฮาร์ดแวร์“ ตามที่ถูกกล่าวหา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ข้อมูลจาก Attingo ในออสเตรเลีย ระบุว่า พบต้นตอของปัญหา SanDisk Portable SSD ข้อมูลหายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่เริ่มมีรายงานตั้งแต่ช่วยกลางปีแล้ว โดยสาเหตุเกิดจากการออกแบบภายในที่ไม่เหมาะสม และกระบวนการบัดกรีที่ไม่ได้มาตรฐานของโรงงานผลิต ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบที่ SanDisk พยายามทำ
Kingston เปิดตัว SSD พกพารุ่นใหม่ XS1000 ที่มาพร้อมไซส์เล็กจิ๋วกะทัดรัด ตอบโจทย์คนที่ต้องการความคล่องตัวในการพกพา แถมน้ำหนักยังเบามาก ๆ ไม่ถึง 29 กรัม ใช้ได้กับทั้ง Windows, macOS, Android, iOS และ iPadOS 13 ผ่านสาย USB 3.2 Gen 2 โดยมีตัวเลือกทั้งหมด 2 ความจุ 1TB และ 2TB วางจำหน่ายในไทย ราคาเริ่มต้น 2,990 บาทเท่านั้น
น่าจะเป็นฝันร้ายของหลาย ๆ คนเลย ถ้าเกิดวันนึงพวกข้อมูลสุดแสนสำคัญที่เราเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ หรือ SSD อยู่ ๆ ก็หายไปเกลี้ยง (คนที่ไม่ได้แบคอัปไว้ยิ่งสยองขวัญหนักเข้าไปอีก) เอาเป็นว่าตอนนี้ใครที่ใช้อุปกรณ์ประเภท SSD พกพาจาก SanDisk กันอยู่ก็เตรียมหาที่สำรองข้อมูลใหม่ไว้ด้วยนะ เพราะช่วงหลัง ๆ มานี้มีผู้ใช้งานหลายรายออกมาโวยว่าอยู่ ๆ ข้อมูลที่บันทึกไว้ก็หายไปเกลี้ยง ทั้ง ๆ ที่ SSD ดังกล่าวพึ่งใช้ไปไม่นาน
เชื่อว่าหลายคนที่เคยใช้งาน Flash Drive มักจะคุ้นเคยกับ Flash Drive ธรรมดา ราคาหลักร้อยบาท ความจุไม่สูง เช่น 8GB, 16GB, 32GB ใช้งานเพื่อ Copy ไฟล์เล็ก ๆ จากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่งแค่นั้น ถ้าต้องการความจุสูง ๆ ก็คงจะหันไปมอง External HDD อันหนา ๆ ใหญ่ๆ มากกกว่า แต่รู้หรือไม่จริง ๆ แล้วทุกวันนี้มีแฟลชไดร์ฟอันเล็กความเร็วสูงไม่แพ้ SSD มาขายแล้วนะ
ประเด็นเรื่อง MacBook รุ่นใหม่ได้ความเร็ว SSD ลดลงมีมาตั้งแต่ตอน MacBook Pro (M2) 256GB ปี 2022 ที่ตอนนั้นโดนหยิบมาเทียบกับรุ่นชิป M1 ตัวเก่า พบความเร็วทั้งอ่านและเขียนลดลงกว่าเดิม 50% และ 30% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนมาใช้ชิป NAND Flash แบบตัวเดียวก้อนเดียว ส่งผลให้ทำงานได้ช้ากว่าโมเดลอื่นที่ใช้ชิปสองตัววางต่อกันให้ทำงานแบบขนาน (parallel) ทำให้วิ่งได้ความเร็วเต็มที่มากกว่า
Backblaze ผู้ให้บริการคลาวด์สตอเรจระดับโลก (บริษัทเดียวกับที่ทำสำรวจเทียบอายุการใช้งานระหว่าง SSD vs ฮาร์ดดิสก์ ประจำทุกปี) ได้ออกมาเปิดเผยผลสำรวจราคาต้นทุนของสตอเรจประเภทฮาร์ดไดรฟ์ ที่บริษัทฯ ซื้อใช้ทำบริการอยู่ พบว่าปัจจุบันมีราคาถูกลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นสำรวจในปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่สตอเรจแบบ NAND Flash (ใช้ทำ SSD) เริ่มเข้ามาแทนที่ในตลาดพอดี
นาทีทองแบบนี้ไม่ได้มีง่าย ๆ เพราะนอกจากราคาการ์ดจอจะเริ่มทยอยปรับลดจนเป็นปกติแล้ว SSD เองก็เป็นอีกหนึ่งฮาร์ดแวร์ที่ช่วงนี้เจอวิกฤตล้นตลาดหนักเหมือนกัน ทำให้ราคาทยอยดิ่งลงตามกันมาอย่างต่อเนื่อง แถมยังมาเกิดในช่วงที่ซีพียูและการ์ดจอใหม่หลายค่ายเปิดตัวเพิ่มอีก ซึ่งก็เป็นผลดีหลายเด้งให้กับชาวพีซีที่อยากเริ่มประกอบคอมใหม่กันช่วงนี้
