ยังคงเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่องสำหรับ “แท็กซี่” และ “แกร็บ” ที่ฝ่ายนึงภาพลักษณ์การบริการไม่ดี แต่ถูกกฎหมาย และอีกฝ่ายยังไม่มีกฎหมายรองรับแต่ภาพรวมบริการดีกว่า คาราคาซังและเห็นการประท้วงอยู่เรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดนี้แท็กซี่ได้บุกไปกรมขนส่งฯเพื่อขอขึ้นราคาหากดันให้แกร็บถูกกฎหมาย แต่อาจต้องมีสะอึกเล็กน้อยเมื่อมีคนทวงถามว่าทำไมไม่ไปสมัครแกร๊บและอยู่ร่วมกันไปเลย หรือเป็นเพราะแท็กซี่กลุ่มนี้ติดประวัติเสียจนถูกแบนออกจากระบบไปแล้ว
จากที่กลุ่มแท็กซี่บุกไปขนส่งเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมานี้ มีความต่างจากการประท้วงครั้งก่อนๆ ที่ต้องการให้ดำเนินการเอาผิดกับแกร๊บ แต่ต้องการมารับรู้ว่าข้อกฎหมายอาจจะเกิดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลใหม่นี้ จะส่งผลต่อกลุ่มสหกรณ์แท๊กซี่หรือไม่และจะมีทิศทางไปในด้านใด เพราะปัจจุบันมีรถแท็กซี่กว่า 8 หมื่นคันในระบบ การผลักดันนโยบายให้แกร็บถูกกฎหมายอาจส่งผลกระทบต่อการประกอบการอาชีพอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดีทางรองอธิบดีกรมขนส่งทางบกก็ได้ชี้แจงว่า “ยังไม่มีการร่างกฎหมายรับรองแกร๊บให้ถูกต้องในตอนนี้ มีเพียงการศึกษาความเป็นไปได้ก่อนเท่านั้น”
4 ข้อเรียกร้องจากกลุ่มแท็กซี่ หากจะให้แกร็บถูกกฎหมาย
- หากดำเนินการเรื่องนี้แล้วมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ จะต้องเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรม คือถ้าให้แกร็บถูกต้องตามกฎหมาย แล้วมีผลต่อคนขับแท็กซี่ เช่น ไม่มีผู้โดยสาร เงินที่ได้ไม่พอใช้ รัฐบาลหรือขนส่งจะต้องช่วยเหลือ เยียวยาตรงจุดนี้ด้วย
- ต้องปราบปรามรถผิดกฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ ทำโทษรถที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะแกร็บหรือแท็กซี่ ที่ไม่มีการลงทะเบียนอย่างถูกต้อง จะต้องมีบทลงโทษตามที่ได้มีการกำหนดขึ้น (ในที่นี้น่าจะหมายถึงการเอารถป้ายดำที่ไม่ได้จำทะเบียนรับจ้างมาให้บริการ ทำให้มีต้นทุนที่ถูกกว่า ทั้งค่าประกัน ภาษีต่างๆ รวมถึงไม่ต้องไปรายงานที่ขนส่งฯเหมือนแท็กซี่ทั่วไป จะเรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมก็ว่าได้)
- ให้ทบทวนนโยบายโครงการแท็กซี่โอเค เนื่องจากไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ได้ประกาศไว้ จากที่ได้มีโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์รถแท็กซี่ธรรมดาให้มีผู้โดยสารใช้บริการ กลุ่มแท็กซี่หลายรายได้เข้าเข้าร่วมโครงการนี้แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คือไม่มีผู้โดยสารใช้บริการเหมือนเดิมแต่ได้มีการลงทุนติดอุปกรณ์ต่างๆตามที่กำหนดเอาไว้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
- ต้องปรับอัตราค่าโดยสารให้เป็นธรรม และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง กรมขนส่งทางบกจะต้องพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารให้กับแท็กซี่ เพราะปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นมากมาย ทำให้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
หลายคนตั้งคำถามทำไมคนขับแท็กซี่กลุ่มนี้ถึงไม่เข้าร่วมแกร็บ
ใครที่ได้ขึ้นแท็กซี่เป็นประจำหรือเคยเรียกใช้บริการ Grab อยู่เรื่อยๆ น่าจะพอทราบกันดีว่าก็มีคนขับแท็กซี่จำนวนมากที่มีความสุขดีและอยู่ร่วมกับ Grab ได้อย่างไม่มีปัญหา เมื่อข่าวนี้ออกมาก็ทำให้หลายคนที่ทราบข่าวก็เกิดข้อสงสัยว่าทำไมแท็กซี่ที่มาโวยวายเรียกร้องนี้ถึงไม่ยอมเข้าร่วมขับกับแกร๊บไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ซึ่งในเพจของทาง Amarin ต้นทางที่แชร์ข่าวนี้มา มีผู้มาให้ข้อมูลเรื่องนี้ให้ผ่านทางคอมเม้นต์ ระบุว่าเขาทำงานอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ตรวจสอบประวัติอาชญากร ซึ่งคนที่จะสมัคร Grab ต้องไปขอเอกสารรับรองกับหน่วยงานเขาก่อนเสมอ ถ้าใครมีคดีติดตัว Grab น่าจะไม่รับเลย พร้อมสรุปว่ากลุ่มคนที่ไม่ยินดีกับแกร็บ ที่จะให้แกร็บถูกกฎหมายอาจเป็นเพราะสมัครแกร็บไม่ผ่าน ด้วยเหตุผลมีคดีติดตัว และมีความเสี่ยงต่อผู้โดยสาร ดูกร่างและน่ากลัวตามที่เห็นในการประท้วงนี้ ส่วนกลุ่มคนที่ไม่อยากทำเอกสารให้วุ่นวาย ก็แนะนำว่ามาทำให้เสร็จได้ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีก็เรียบร้อย มีค่าธรรมเนียม 100 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ดีในเวลาถัดมาคอมเม้นต์ดังกล่าวก็ถูกลบทิ้งออกไป ซึ่งก็ไม่มีทางพ้นเหล่านักแคปที่เก็บข้อมูลนี้ไว้แล้ว พร้อมทั้งตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าผู้คอมเม้นต์นี้น่าจะทำงานที่สนง.ตำรวจจริง แต่ก็ไม่ใช่เป็นแถลงการอย่างเป็นทางการ อาจจะเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้นก็เป็นได้
ทั้งหมดนี้ก็ต้องมารอดูกันว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นการประท้วงครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ ปัญหานี้ยุติและลงเอยอย่างไร แกร็บจะถูกทำให้ถูกกฎหมายได้ตามนโยบายที่ถูกหาเสียง โดยที่ทางแท็กซี่ก็ได้รับคำตอบจากปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างน่าพอใจและเป็นธรรมหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วนโยบายการทำให้แกร๊บถูกกฎหมายจะเป็นเรื่องที่ถูกลืมไป ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป
สรุปคือมีพวกคดีติดตัวมาประกอบอาชีพ แบ้วยังคงใช้สันดารโจรที่เคยมีมาทำผิดกฏหาย ไม่กดมิเตอร์ ขูดรีดประชาชน
แบบนี้แล้วควรยกเลิกแท็กซี่ ให้แก๊บเข้ามาแทน
แล้วรัฐก็จัดการเรื่องภาษีจากแก๊บอีกทีไม่ง่ายกว่ามานั่งคุมแท็กซี่ที่คอยสร้างแต่เรื่องเสื่อมเสียไม่ดีหรือ?
เรียกร้องซะเยอะแยะเลย แต่ไม่ได้บอกว่าตัวเองจะแก้ไข ปรับปรุงอะไรบ้างเลย อันนี้น่าขำยิ่งนัก
รู้จักคำว่า "การแข่งขันกันอย่างเสรี" มั๊ยอ่ะ มันสะท้อนการเรียนรู้ของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
แหล่งรวมอาชญากรชั้นดีเลยนะ ถึงไม่กล้าไปตรวจประวัติและขึ้นทะเบียน
แท๊กซี่ที่ขับแกรปก็ใช่ว่าจะรอดนะครับ
ถ้าเจอเรียกตรวจ แล้วไม่เปิดมิเตอร์ ก็โดนข้อหา
ถ้าเปิดมิเตอร์ แล้วเกิดค่ารถในมิเตอร์ต่ำกว่าในแอพ ก็มีปัญหากันอีก
ลองดูแถวพัทยา แท็กซี่จากพัทยากลางไปแหลมบาลีฮาย
ถ้าเรียก Grab คงไม่ถึง 50 บาท แต่เค้าเหมากัน 300 บาท
ถ้า Grab วิ่งได้ แท็กซี่พวกนี้จะเสียผลประโยชน์ขนาดไหน
ตัดประเด็นเรืองแทกซี่เรื่องมาก แทกซี่โกงมิเตอร์ออก
เปิดใจมองนั้นแทกซี่มิเตอร์นั้นก็มีข้อเสียเปรียบที่ไม่เป็นธรรมต่อ Grab จริงๆครับ
เพราะรถแทกซี่มิเตอร์ ต้องจดทะเบียนเป็นรถแทกซี่ พ่นสีตลกๆ มีอายุใช้งาน 9 ปี
ค่าประกันภัยแพงกว่า ดอกเบี้ยโหดกว่า และจำกัดเป็นรถ C Segment แถมมีกฎหมายควบคุมห้ามนู่นนี่นั่นอีก
แสดงถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายๆต่าง ค่าเสียโอกาสของรถแทกซี่ที่สูงกว่า
ในขณะที่ รถ Grab เอารถบ้าน เอารถอีโคคาร์ มาวิ่งได้เลย และไม่ติดข้อจำกัดอะไรซักอย่าง
ผมก็ว่าปัญหาน่าจะมาจากจุดนี้แหละ
ผมเห็นแทกซี่ดีๆไปขับ grab หรือไลน์แทกซี่ทั้งนั้นอ่ะ พวกที่ไม่ขับนี้คือมีปัญหาซะ 90% ซึ่งไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรทำไมถึงไม่ไปขับ
แล้ว grab มันก็มีให้เลือกจะเอาแทกหรือรถบ้าน ทำไมไม่ร้องให้ตัดเหลือแต่ grab แทกละคิดไม่ได้?
เคยดูนายกสมาคมมันให้สัมภาษ์ณไหมแม่งกุ้ยข้างถนนดีๆนี่ละ บ่งบอกได้ถึงคุณภาพของสมาคม
พูดถึง grab เอารถบ้านมาขับนี้ ต้องวนไปดูรถอู่ผีต้นทุนแม่งถูกกว่าอีโคคาร์อีก
แล้วนายกสมาคมทำไมไม่ทำเรื่องเอาแทกซี่เข้าระบบ grab ให้หมด ใครทำไม่เป็นอะไรยังไงมีหน่วยช่วยเหลือสินี้
สรุปคือพวกพูดเอาแต่ได้ กลัวเสียผลประโยชน์
ลืมอีกอย่างใบอนุญาติบ้างคันแม่งก็ไม่ตรง
ผมก็ไม่ได้ขับแทกซี่ หรือเชียร์หรอกนะครับ
แค่ยกตัวอย่างแบบตัดตัวแปรยิบย่อยออก
คุณทำธุรกิจรูปแบบเดียวกัน คนนึงลงทุนล้านกว่าบาทแถมมีข้อบังคับมากมาย
กับอีกคนลงทุนห้า-หกแสน และไม่มีข้อจำกัดเลย แค่นี้ก็สู้กันไม่ได้อยู่แล้ว
นี่คือความไม่เป็นธรรมทางธุรกิจ ประเด็นของผมมีเท่านี้ครับ
มันคือช่องทางเรียกรถ คำถามทำไมคนขับทั้งหลายถึงไม่ไปใช้ จะอ้างทำไมว่าต้นทุนถูกหรือแพง แล้วทำไมถึงไม่ร้องให้ตัดรถธรรมดาไป เหลือไว้แต่แทกซี่
ข้อเสนอผมถือว่าเป็นธรรมไหม? นี้อ่ะทางออกที่โคตรดี อย่างไลน์แทกซี่อ่ะ ทำไมไม่ทำให้เป็นแบบนั้นทำไมไม่สนับสนุน แต่ไปโวยวายจะเอาค่าชดเชิยอันนี้คือ???
กลับกันผมกลับมองว่าแท๊กซี่ถ้าปรับตัวตามสิ่งที่มันเกิด กลับได้เปรียบกว่าด้วยซ้ำ
รับลูกค้าข้างทางได้ ถ้าลูกค้าโบก หรือรับผ่านแอปได้กรณีที่ระหว่างขับหาลูกค้าแล้วไม่เจอลูกค้าเลย แต่รถบ้านทั่วไปต้องรอรับผ่านแอปอย่างเดียว
อีกอย่างผมว่า grab เหมือนเป็นตัวช่วยคัดกรองแท๊กซี่อีกขั้นด้วยซ้ำ รถเก่า มีกลิ่น แอร์ไม่เย็น คนขับไม่สุภาพ มีเรทติ้งคัดชัดเจน แต่ถ้ารัฐจะทำให้ถูกกฎหมายจริง ๆ คงไม่ปล่อยให้ป้ายดำวิ่งเฉย ๆ หรอกครับ มันต้องมีเสียค่านุ่นนี่เพิ่มเติมเหมือนแท๊กซี่นี่แหละ
ปล. ผมก็ไม่ชอบเหมือนกันที่จะดันแกรปให้ถูก แต่กลับกันอยากให้ทำแอปใหม่ขึ้นมาใช้ในประเทศจริง ๆ จัง ๆ เพื่อชนกับแกรปไปเลย ดันให้เป็น unicorn startup อีกเจ้าไปเลย หรือให้เป็นแอปขนส่งหลักของประเทศไปจะดีกว่า เอกชนบ้านเราทำแอปดี ๆ มีเยอะมาก
grab ถูกกว่าเยอะครับ 🙂 🙂
ปัญหาคือเรื่องต้นทุนแหละ และก็เป็นต้นทุนของเจ้าของอู่มากกว่าที่จะเดือดร้อน แต่คนมาโวยเป็นแค่ตัวแทน
แต่มองในมุมของแท๊กซี่เอง มันก็มีความไม่ยุติธรรมอยู่นะ ผมเคยถามคนขับแท๊กซี่เขียวเหลืองแบบว่าใหม่เอี่ยม วิ่งยังไม่ถึงหมื่นโลเลยว่าจ่ายไปเท่าไหร่ ถึงได้รู้ว่า Altis คันนี้ราคาเหยียบ Camry เลยนะ (มองแบบใสๆโลกชมพูก่อนละกันนะ เพราะผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมมันถึงแพงขนาดนั้น แต่นั่นคือที่เขาต้องมาผ่อนจริงๆ) ต่างกันไม่ถึงแสน เพราะ ถ้าเอามาทำแท๊กซี่ นี่แหละที่เขาถึงอยากได้ค่าชดเชย
ก็ไปขับ grab ขับไลน์แทกสิครับ ขับพวกนี้รายได้ดีกว่าขับแทกซี่ปกติอีก วิ่งครบรอบมีเงินให้พิเศษ ติดสติกเกอร์มีค่าโฆษณาให้ ผมยังหาเหตุผลที่แทกซี่ไม่ไปขับไม่ออก
ทำงานบริการ ให้สมกับการบริการ แล้วค่อยเรียกร้องคงมีคนเห็นใจกว่านี้เยอะ
นี่คือไปไหนก็ไม่ไป คือถ้าโบกแล้วไปทุกรอบ คงไม่มีคนด่าที่ออกมาเรียกร้อง
นี่แม่งเรียก 10 ไป 1 แม่งจะจ่ายตังค์ยังต้องเสี่ยงดวง
ผมเห็นหลายคนตอบเวลาแท็กซี่ไม่ไปว่า "ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมเรียกgrabแทน"
มันคือไอ้พวกอยากเอาเปรียบลูกค้าตามว่านั่นแหละ
มันตลกตรงที่ แทนที่คนส่งจะดูแลแท็กซี่ให้ดี กลับเป็นว่าต้องให้แก๊บมาดูแล แล้วแก๊บผิดกฎหมาย แต่ก็วิ่งกันหน้าบาน แท็กซี่ไม่ดีก็ว่ากับไปอีกเรื่อง