สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในตอนนี้เรียกได้ว่ามีตัวเลือกให้เลือกเยอะมาก แถมยังมีอยู่หลายช่วง หลายราคา แต่ละรุ่นก็มีสเปคและดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้บริโภคนั้นเลือกไม่ถูกเลยว่าจะซื้อรุ่นไหนดี วันนี้เราจึงนำสมาร์ทโฟนรุ่นที่น่าสนใจในแต่ละช่วงราคามานำเสนอให้ผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนตัวใหม่อยู่ ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่สมาร์ทโฟนที่มีราคาเอื้อมถึงไปจนถึงรุ่นเรือธงกระเป๋าฉีก โดยแต่ละรุ่นนั้นเป็นรุ่นที่ทางทีมงานได้เคยลองเล่น ลองสัมผัสกันจริงๆ มาแล้ว และถือว่าผ่านในเกณฑ์ในช่วงราคานั้นๆ

อัพเดท แนะนำสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ประจำเดือนพฤษภาคม 2016 ออกมาแล้วนะครับ ไปดูกันได้

ไม่ต้องลากเยอะ กดที่นี่เพื่อไปดูแต่ละแอนดรอยด์ที่แนะนำในแต่ละช่วงราคา

ราคา 4,000 – 7,000
ราคา 7,000 – 10,000
ราคา 10,000 – 15,000
ราคา 15,000 – 20,000
ราคา 20,000 บาทขึ้นไป

สำหรับในเดือนนี้ เราจะขอตัดช่วงราคาต่ำกว่า 4,000 บาททิ้งไปนะครับ เพราะในช่วงราคานี้จะเจอสมาร์ทโฟนเฮาส์แบรนด์ของแต่ละเครือข่ายมือถือกินไปซะเกลี้ยง และส่วนมือจะซื้อตามโปรซะมากกว่าครับ

อ่านสักนิดก่อน

เราจะค่อยๆ แนะนำเรียงกันขึ้นไปตามราคา จากถูกไปแพงนะครับ โดยแต่ละตัวนั้นจะไม่ได้นำมาเปรียบเทียบฟันธงว่าตัวไหนดีกว่าตัวไหน เพราะจากการทดสอบของทีมที่ได้ลองจับมาแล้ว ทุกตัวที่เลือกมาน่าใช้พอๆ กันในระดับราคาใกล้ๆ กัน แถมบางตัวยังเป็นรุ่นรือธงที่มีราคาลดลงจากเดิมอีกด้วย เลยจะเป็นการดึงจุดเด่นน่าสนใจมาบอกเล่าเท่านั้น ที่เหลือคือคุณเป็นคนตัดสินว่าเองว่าตัวไหนเข้ามือ หน้าตาแบบไหนที่อยากจะถือมันยาวๆ อีกเป็นปีๆ ส่วนข้อมูลลึกๆ ลองไปอ่านต่อจากรีวิวของพวกเราในลิงก์ที่ให้ไว้ได้ครับ

สำหรับใครที่ยังอ่านสเปคไม่เป็น งงๆอยู่ว่ารุ่นไหนจะเหมาะกับเรา ขอเชิญไปอ่านที่

ทุกความสงสัยจะกระจ่างให้บทความเดียวครับ:)

 

4,000 – 7,000 สเปคเล่นลื่นๆในราคาประหยัด
ช่วงราคานี้ถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ แถมสมัยนี้แบรนด์แต่ละแบรนด์ก็มีการแข่งขันผลิตสมาร์ทโฟนราคาประหยัดออกมากันมากขึ้น ทำให้สเปคนั้นเรียกได้ว่าไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว แข่งกันจนผู้บริโภคยิ้มว่าช่วงราคาแบบนี้แต่ได้สเปคแบบนี้ คุ้มค่าจริงๆ โดยรุ่นที่ยกมาแนะนำก็เป็นรุ่นที่ทางทีมงานได้ลองเล่นกันมาแล้ว และรู้สึกว่ามันโอเคครับ
 

Meizu m2 note

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • IPS 5.5” (1080 x 1920)
  • MediaTek MT6753 Octa-core 1.3GHz
  • RAM 2GB
  • ROM 16GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 3,100 mAh
  • ราคา 5,990 บาท

Meizu แบรนด์จีนที่แนะนำให้หลายๆคนไปในครั้งแรกถึงกับทำหน้างงและไม่มั่นใจ แต่ว่าเมื่อได้ลองใช้จริงกลับชอบใจกันหมด ด้วยสเปคแบบจัดเต็ม ในราคาที่ย่อมเยา ไม่ว่าจะแบตที่ใช้งานได้ยาวนานและหน้าจอที่ละเอียดไม่แพ้ตัวแพงๆ ใช้งานจริงลื่นไหลดีมาก จะมีงงๆกับการควบคุมด้วยปุ่ม mTouch และ Flyme OS ในช่วงแรกๆ แต่เมื่อชินแล้วก็จะพบว่ามันสะดวกสบาย และทำงานได้ดีมากเลย

อ่านข่าวและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Meizu m2 note

 

Asus Zenfone Max

  • Android 5.0 (Lollipop)
  • IPS 5.5” (720 x 1080)
  • Snapdragon 410 Quad-core 1.2GHz
  • RAM 2GB
  • ROM 16GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 5,000 mAh
  • ราคา 6,490 บาท

เป็นรุ่นที่เหมาะกับคนชอบความอึด เพราะ Asus Zenfone Max มีแบตเตอรี่ขนาดมหึมาถึง 5,000 mAh แถมยังใช้หน้าจอความละเอียดแค่ HD ทำให้แบตนั้นอึดแบบสุดๆ อยู่ได้ 2-3 วันแบบสบายๆ ไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมด เรียกได้ว่าเป็นที่มาของชื่อ Max เลย เพราะสามารถใช้งานได้แบบเต็ม Max จริงๆ ส่วนปุ่มต่างๆ ก็ย้ายมาอยู่ด้านข้างของตัวเครื่องแล้ว ทำให้กดได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเอื้อมมือขึ้นไปกดข้างบนเหมือนแต่ก่อน แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับ fast charge ทำให้เวลาชาร์จนั้นนานราว 4-5 ชั่วโมงเลยทีเดียว (อ้างอิงจากแบตต่ำกว่า 10% จนเต็ม 100%)

พรีวิวของ Asus Zenfone Max

 

 

Samsung Galaxy J2

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • sAMOLED 4.7” (540 x 960)
  • Exynos 3475 Quad-core 1.3GHz
  • RAM 1GB
  • ROM 8GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 5MP / กล้องหน้า 2MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 2,000 mAh
  • ราคา 4,990 บาท

อย่าเพิ่งงงว่าทำไมถึงเอาตัวที่สเปคต่ำขนาดนี้มาแนะนำ ราคาเทียบกับคู่แข่งแล้วมันสู้กันไม่ได้เลยก็จริง แต่ว่าที่เลือกมาเพราะรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมาก มีปัญหาอะไรก็ถามคนที่ใช้งานรุ่นอื่นพอได้ และเมื่อนำมาใช้งานจริง มันก็ไม่ได้เลวร้ายเลย แถมยังลื่นกว่าที่คิดด้วยซ้ำไป ซึ่งสาเหตุจะมาจากที่เค้าลดสเปคหลายๆ อย่างลงไปให้มันสัมพันธ์กัน แนะนำว่าถ้าอยากได้เครื่องที่มีแบรนด์ มีศูนย์บริการแน่นอนก็ยังถือว่าน่าสน แต่ถ้าอยากได้แรงๆ ก็ควรต้องผ่านไป

 

Wiko Pulp FAB 4G

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • IPS 5.5” (720 x 1080)
  • Snapdragon 410 Quad-core 1.2GHz
  • RAM 2GB
  • ROM 16GB + microSD สูงสุด 64GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 2,820 mAh
  • ราคา 4,990 บาท

ในช่วงราคาเบาๆ Wiko เป็นค่ายทีมีรุ่นน่าสนใจมากตลอดตั้งแต่สมัย Ridge และ Ridge FAB 4G แล้ว และตอนนี้ก็มี Wiko Pulp FAB 4G ที่ทำเสปคออกมาได้คุ้มค่าคุ้มราคาอีกรุ่นนึง กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 5 ล้าน ตัว ROM เบาลื่นไหล เพราะไม่ได้ใส้แอพอะไรมาเยอะแยะให้รกเกินไป แถมแบตเตอรี่ก็ให้มาเยอะถึง 2,820 มิลลิแอมป์อีกต่างหาก

 

 

 

 

 

7,000 – 10,000 จ่ายแต่พอดี มีเงินเหลือเก็บ
เป็นช่วงที่การแข่งขันเริ่มโหดขึ้นเรื่อยๆ แต่ละรุ่นเริ่มมีการใช้วัสดุที่พรีเมี่ยมขึ้น แถมบางรุ่นยังมาพร้อมกับตัวสแกนลายนิ้วมือแล้วด้วย เชื่อว่าช่วงนี้จะเป็้นช่วงราคาที่คนให้ความสนใจไม่น้อยเลย

Samsung Galaxy J7

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • sAMOLED 5.5” (1080 x 1920)
  • Exynos 7580 Octa-core 1.5GHz
  • RAM 1.5GB
  • ROM 16GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 3,000 mAh
  • ราคา 8,900 บาท

เป็นอีกรุ่นที่สเปคดูด้อยกว่าคู่แข่งแต่ใช้งานจริงได้น่าพอใจ เห็นสาวกผลไม้มักซื้อมาเป็นเครื่องสำรอง ด้วยแบตที่ใช้งานได้อึด หน้าจอที่ใหญ่ ใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหลดี มีกระตุกหรือค้างบ้างหลังใช้งานไปนานๆ ตัวอย่างภาพถ่ายที่ออกมาก็ดูไม่ได้แย่เมื่อนำไปเทียบกับ iPhone 6s ดูได้จากการทดสอบ Blind Test แม้อาจจะไม่ได้ดีหรือสวยเท่าแต่พอลองคิดว่าราคามันถูกกว่ากันถึง 3-4 เท่าแล้วก็น่าจะให้อภัยได้ไม่ยากเลย เช่นเดิมว่าถ้าใครมองข้ามเรื่องแบรนด์และดูสเปคเป็นหลักแล้ว น่าจะต้องผ่านเจ้าตัว J7 ไปเพราะด้อยกว่าคู่แข่งเยอะมาก

อ่านต่อ รีวิว Samsung Galaxy J7

 

OPPO F1  

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • IPS 5.0” (720 x 1080)
  • Snapdragon 616 Octa-core (Quad 1.7GHz + Quad 1.0GHz)
  • RAM 3GB
  • ROM 16GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 8MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 2,500 mAh
  • ราคา 8,990 บาท

ยี่ห้อนี้แน่นอนว่าขึ้นชื่อเรื่องกล้องสวย โดยเจ้า OPPO F1 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ทาง OPPO เปลี่ยนสโลแกนมาเป็น camera phone ส่วนฉายาของเจ้า F1 ก็เป็น “Selfie Expert” ที่ทำออกมาเอาใจสาวๆ เพราะสามารถถ่ายภาพกล้องหน้าออกมาได้สวย ส่วนวัสดุตัวเครื่องก็ใช้เป็นโลหะ ขนาดของก็อยู่ในระดับที่พอดีมือไม่ใหญ่จนเกินไป RAM 3GB ก็สามารถใช้งานได้ลื่นไหล ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยทั้งราคาและความสามารถ

อ่านต่อ พรีวิว OPPO F1 และ รีวิว OPPO F1

 

Lenovo K4 Note (A7010)

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • IPS 5.5” (1080 x 1920)
  • MediaTek MT6753 Octa-core 1.3GHz
  • RAM 3GB
  • ROM 16GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 3,300 mAh
  • ราคา 7,590 บาท

ตัวเด่นที่ได้รับความสนใจตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว ด้วยรูปลักษณ์หน้าตา สเปค และ”ราคา” ..มีจุดเด่นที่ลำโพงคู่หน้าให้เสียงแบบสเตอริโอ พร้อมระบบ Dolby Atmos และยังมีตัวสแกนลายนิ้วมือที่ปลดล็อคหน้าจอได้เร็วมากๆ แตะปุ๊บ ติดปั๊บ ไม่งกสเปคใส่มาให้แม้แต่ NFC ส่วนสเปคอื่นๆก็เรียกได้ว่าจัดมาเต็ม ดับเครื่องชนรุ่นที่ขายแพงกว่ามันเป็นเท่าตัวได้สบายๆ เท่าที่ลองใช้งานทั่วไปก็ดีงาม กลายเป็นรุ่นที่น่าแนะนำที่สุดในช่วงราคานี้พอๆกับ Zenfone ไปเรียบร้อย

 

Asus Zenfone Selfie

  • Android 5.0 (Lollipop)
  • IPS 5.5” (1080 x 1920)
  • Snapdragon 615 Octa-core (Quad 1.4GHz + Quad 1.0GHz)
  • RAM 3GB
  • ROM 32GB + microSD สูงสุด 64GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 13MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 3,000 mAh
  • ราคา 8,990 บาท

เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นของในตระกูล Zenfone ที่ให้สเปคค่อนข้างคุ้มค่ากับราคาไม่เกินหมื่น นอกจากนี้ก็ยังให้ฟีเจอร์เอาใจคนรักการเซลฟี่มาแบบจัดเต็ม สามารถปรับได้ทุกโหมดที่กล้องหลังทำได้ นอกจากนี้ภาพที่ออกมาคุณภาพถือว่าใช้ได้เลย แต่แอบติดนิดหน่อยตรงหน้าจอที่ไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ เวลาออกไปกลางแจ้งเปิดสุดยังไม่ค่อยเห็นเลย 

 

10,000 – 15,000 บาท ของดีราคามิตรภาพ

ตัวเลือกในช่วงนี้มีแม้มีราคาขยับขึ้นพ้นหมื่น แต่ความสามารถเค้าเลยกันไปไกล ไม่ต้องจ่ายแพงจ่ายเต็มก็ได้ของดีมีคุณภาพไปใช้ได้

 

OPPO R7s

  • Android 5.1.1 (Lollipop)
  • AMOLED 5.5” (1080 x 1920)
  • Snapdragon 615 Octa-core (Quad 1.5GHz + Quad 1.0GHz)
  • RAM 4GB
  • ROM 32GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 8MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 3,070 mAh
  • ราคา 14,990 บาท

มือถือรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งของ OPPO ด้วยวัสดุและงานออกแบบระดับพรีเมียม แถมจัด RAM มาแบบเต็มที่ 4GB คุณภาพและฟีเจอร์ขอกล้องหน้าและกล้องหลังก็เป็นจุดเด่นอีกจุดหนึ่งของ OPPO R7s เหมือนกัน แบตเตอรี่ขนาด 3,070 mAh สามารถใช้งานได้เต็มวัน พร้อมกับรองรับ VOOC Charge ที่ทำให้สามารถชาร์จแบตได้อย่างรวดเร็ว

ลองอ่าน รีวิว OPPO R7s ดูก่อนก็ได้นะ

 

Samsung Galaxy A5 / A7 (2016)

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • sAMOLED 5.2” / 5.5” (1080 x 1920)
  • Exynos 7580 Octa-core 1.6GHz
  • RAM 2 / 3GB
  • ROM 16GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 2,900 / 3,300 mAh
  • ราคา 13,900 / 15,900 บาท

เล่นเอาคนซื้อ Galaxy S6 ถึงกับต้องหันหลังมาดูเลยกับ Samsung Galaxy A5/A7 (2016) เพราะมีการเปลี่ยนทั้งวัสดุมาใช้เป็นกระจกและโลหะ แถมยังมาพร้อมกับตัวสแกนลายนิ้วมืออีกด้วย แบตเตอรี่ก็ถือว่าอึดใช้ได้ อยู่ได้เต็มวัน พร้อมทั้งยังรองรับ fast charge ส่วนจะซื้อรุ่นไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบแล้วละว่าจะชอบจอเล็กหรือจอใหญ่ แต่จอไหนก็โอเคทั้งคู่ จะขาดก็แค่ haptic feedback เมื่อกดหน้าจอและกดปุ่ม capacitive เท่านั้น

ไปอ่านต่อ Galaxy A5/A7 (2016) ส่วน รีวิว Galaxy A5 (2016) ก็มีให้อ่านแล้ว

 

 

Sony Xperia C5 Ultra

  • Android 5.0 (Lollipop)
  • IPS 6.0” (1080 x 1920)
  • MediaTek MT6752 Octa-core 1.7GHz
  • RAM 2GB
  • ROM 16GB + microSD สูงสุด 200GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 13MP
  • รองรับ 3G/4G
  • 2,930 mAh
  • ราคา 12,990 บาท

 มือถือตระกูลเซลฟี่ภาคต่อจากโซนี่ที่มาพร้อมกล้องหน้ากล้องหลังสเปคเท่ากันคือ 13 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้างที่ทำให้เซลฟี่ได้ง่ายเก็บคนในภาพครบไม่ตกหล่น อีกจุดเด่นคือหน้าจอที่เรียกได้ว่าไร้ขอบข้าง เป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้ Xperia C5 Ultra ดูน่าหลงใหลทีเดียว สำหรับสเปคด้านอื่นๆ ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่นัก สูสีกับมือถือระดับกลางจากเจ้าอื่นๆ ถ้าสนใจล่ะก็ ในเว็บเราก็มีข้อมูลเพิ่มเติมอีก เช่น การทดสอบเซลฟี่ และอื่นๆ ดูได้ตามหัวข้อที่เกี่ยวกับ Xperia C5 Ultra เลยครับ

Asus Zenfone 2 Deluxe

  • Android 5.0 (Lollipop)
  • IPS 5.5” (1080 x 1920)
  • Intel Atom Z3580 Quad-core 2.3GHz
  • RAM 4GB
  • ROM 128GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 3,000 mAh
  • ราคา 12,990 บาท

ถึงแม้จะเปิดตัวมาซักพักแล้ว แต่ Zenfone 2 ก็ยังเป็นรุ่นที่คนยังให้ความสนใจแบบเรื่อยๆ แถมยังมีหลายรุ่นให้เลือกอีกด้วย ซึ่งถ้าเอาอยากจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น Zenfone 2 Deluxe ที่ให้ ROM มาถึง 128GB แถมยังสามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 128GB ในราคาที่กำลังดี เหมาะกับคนที่ชอบเก็บพวกรูป เพลง หรือวีดิโอไว้ในเครื่องเยอะๆ 

อ่านต่อ Zenfone 2 หรือไปดู เปรียบเทียบสเปค Zenfone 2 แต่ละรุ่นอย่างละเอียด ถ้ามึนๆ เลือกไม่ถูก

 
15,000 – 20,000 บาท รุ่นท็อปแบรนด์จีน กับตัวแรงราคาลง

ช่วงราคาที่เหล่าแบรนด์จีนจับเอาตัวท็อปมาหย่อนทำราคาดักแบรนด์ดังๆ ปล่อยของกันเพียบ และจะเจอรุ่นที่เคยเด่นแต่ราคาร่วงลงมาให้สามารถจับต้องได้อยู่พอสมควร

Huawei P8 Max

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • IPS 6.8” (1080 x 1920)
  • Kirin 935 Octa-core (Quad 2.2GHz + Quad 1.5GHz)
  • RAM 3GB
  • ROM 64GB + microSD สูงสุด 64GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 4,360 mAh
  • ราคา 18,990 บาท

ถ้าสมาร์ทโฟนขนาด 5-6 นิ้วยังใหญ่ไม่พอสำหรับคุณ ต้องมามองตัวนี้ เพราะเค้าให้มาใหญ่เบิ้มถึง 6.8″ ไซส์เกือบกลายเป็น Tablet ไปแล้ว แต่ว่าตัวเครื่องมีการทำขอบให้บางทั้งซ้ายขวาบนล่าง จึงไม่ได้มีขนาดใหญ่เวอร์จนพกไม่ได้ แต่สำหรับคุณผู้ชายทั้งหลายจะเอาเข้ากระเป๋ากางเกงอาจจะรู้สึกถึงความตุงๆของมันอยู่ ครั้นจะเอาไว้กระเป๋าหลังก็จะโดนหยิบขโมยไปได้ง่ายเสียเหลือเกิน ซึ่งถ้ามองข้ามเรื่องนี้ไปได้แล้ว เพื่อนๆที่ลองใช้งานอยู่มีแต่บอกว่าประทับใจทั้งลื่นไหลและแบตอึดมากมาย

 

Asus Zenfone Zoom

  • Android 5.0 (Lollipop)
  • IPS 5.5” (1080 x 1920)
  • Intel Atom Z3590 Quad-core 2.5GHz
  • RAM 4GB
  • ROM 128GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 3,000 mAh
  • ราคา 16,990 บาท

รอคอยมานานแสนนาน กว่าจะเปิดตัวกว่าจะขายก็ครบปีพอดี แต่ Zenfone Zoom ก็มาพร้อมเทคโนโลยีกล้องใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ Optical Zoom 3X ที่ไม่ยื่นออกมา เสริมความหรูด้วยแกนกลางโลหะและฝาหลังหนังแท้ ตัวเครื่องจะหนักและหนากว่ารุ่นก่อนๆ แต่ในส่วนของซอฟท์แวร์ ก็ยังคงความลื่นไหลของ Zenfone อยู่เหมือนเดิมครับ 

พรีวิว Asus Zenfone Zoom

 

 

Samsung Galaxy S6/S6 edge

  • Android 5.0 (Lollipop)
  • sAMOLED 5.1” (1440 x 2560)
  • Exynos 7420 Octa-core (Quad 2.1GHz + Quad 1.5GHz)
  • RAM 3GB
  • ROM 32 / 64GB
  • กล้องหลัง 13MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G
  • 2,550 / 2,600 mAh
  • ราคา 19,900 / 20,900 บาท

ถึงแม้ว่าจะวางขายมาเกือบปีแล้วแต่ก็ยังคงเป็นรุ่นที่น่าซื้ออยู่ดี แถมตอนนี้ราคาก็ตกลงมาอยู่ในช่วงราคาต่ำกว่าสองหมี่นแล้ว ด้วยดีไซน์ที่มองยังไงก็ยังสวย และกล้องก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ครบครันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เปิดกล้องได้ไวด้วย Quick Launch ถ้าหากว่าหาโปรโมชั่นดีๆ อาจจะยิ่งถูกกว่านี้

อ่าน มินิ-รีวิว Samsung Galaxy S6 และ จุดเด่นของทั้งสองรุ่น ได้เลย

 

Sony Xperia Z5 Compact

  • Android 5.1.1 (Lollipop)
  • IPS 4.6” (720 x 1280)
  • Snapdragon 810 Octa-core (Quad 2.0GHz + Quad 1.5GHz)
  • RAM 2GB
  • ROM 32 + microSD สูงสุด 200GB
  • กล้องหลัง 23MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G
  • 2,700 mAh
  • ราคา 19,900 บาท

รุ่นมินิของกลุ่ม Xperia Z5 Series สเปคโดยรวมแม้ว่าจะไม่ได้แรงเหมือนราคา แต่ว่ามีดีที่กล้องและซอฟท์แวร์ที่ยกมาให้เหมือนรุ่นใหญ่ในซีรีย์ และมีการปรับปรุงมาให้ถ่ายรูปออกมาได้ดีงามแล้ว การใช้งานทั่วไปก็ไม่พบปัญหาอะไร ดีงาม เล่นสบาย แบตอยู่ได้วันนึงสบายๆ ตอบโจทย์คนที่ต้องการเครื่องกระทัดรัดแต่สเปคแรงเป็นที่สุด

อ่านต่อ รีวิว Sony Xperia Z5 compact มือถือรุ่นท็อป ที่หน้าจอไม่ต้องใหญ่เหมือนใคร

 
 
20,000 บาทขึ้นไป จ่ายไม่อั้นเพื่อลุคและสุดยอดนวัตกรรม

สำหรับการจ่ายเงินเกินสองหมื่นบาท แต่ละคนที่รู้จักมาสเปคไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่เป็นเรื่องประสบการณ์การใช้งานโดยรวม ฟีเจอร์สุดล้ำ นวัตกรรมใหม่ล่าสุด บริการหลังการขายที่ดี รวมถึงภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเราเมื่อเห็นเราถือเครื่องนั้นๆ

Galaxy Note 5

  • Android 5.1 (Lollipop)
  • Exynos 7420 Octa-core (Quad 2.1Ghz + Quad 1.5 GHz)
  • Ram 4GB
  • Mem 32 /64GB
  • sAMOLED 5.7” (2560×1440)  
  • กล้องหลัง 16MP/หน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G 1sim
  • 3,000 mAh
  • ราคา 23,900 / 27,900 บาท

Note 5 / S6 Edge สองรุ่นนี้เปิดตัวมาพร้อมๆกัน สเปคแทบจะทุกกระเบียดนิ้วเท่ากันเกือบทั้งหมด ต่างที่ตัวนึงมีจอโค้ง อีกตัวมีปากกาเท่านั้น แต่ความนิยมดูแล้ว Note 5 จะดีกว่ามาก ปัจจุบันหาโปรดีๆสามารถหาซื้อได้ที่ต่ำกว่า 2 หมื่นพอได้ ก่อนหน้าอาจจะเคยมีปัญหาจุกจิกให้ได้ยิน แต่ก็มีการแก้ไขมาเรื่อยๆจนใช้งานได้โอเค ด้วยความสามารถที่มี กล้องที่เด็ด ปากกาที่เขียนได้ติดมือ ก็ทำให้ Samsung Galaxy Note 5 ยังน่าใช้อยู่นะ

อ่านต่อ ข่าวและข้อมูลการใช้งาน Galaxy Note 5 

Sony Xperia Z5 / Z5 Premium

  • Android 5.1.1 (Lollipop)
  • IPS 5.2” (1080 x 1920) / 5.5” (2160 x 3840)
  • Snapdragon 810 Octa-core (Quad 2.0GHz + Quad 1.5GHz)
  • RAM 3GB
  • ROM 32GB + microSD สูงสุด 200GB
  • กล้องหลัง 23MP / กล้องหน้า 5MP
  • รองรับ 3G/4G
  • 2,900 / 3,430 mAh
  • ราคา 22,990 / 25,990 บาท

เปิดตัวมาพร้อมกับเสียงตอบรับที่ดีมากๆจากคนทั่วไปและสาวก เพราะว่ากล้องของโซนี่มีดีเทียบเรือธงเจ้าอื่นสักที นอกจากนี้แล้วยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่างที่สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power ที่ทำงานได้ฉับไวระดับที่สื่อนอกต้องชม และเป็นเรือธงรุ่นแรกด้วยที่มาพร้อมช่อง microUSB กันน้ำ ไม่ต้องมาห่วงปิดจุกอีกต่อไป

สำหรับระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่นั้น Xperia Z5 ก็ยังคงคอนเซปท์โซนี่ที่สามารถใช้งานข้ามวันได้จริงถ้าหากไม่ได้ใช้งานหนัก ส่วน Xperia Z5 Premium จอ 4K นั้นมาพร้อมแบตที่มีความจุสูงกว่าและการแสดงผลจอ Full-HD เมื่อไม่ได้ดูวิดีโอ 4K ก็ทำให้แบตอยู่ได้นานกว่า Xperia Z5 อีกด้วย

ลองไปอ่านข่าวและสรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xperia Z5 Series นี้ต่อได้ มีเรื่องน่าสนใจอีกเพียบ

 

Huawei Mate 8

  • Android 6.0 (Marshmallow)
  • IPS 6.0” (1080 x 1920)
  • Kirin 950 Octa-core (Quad 2.3GHz + Quad 1.8GHz)
  • RAM 4GB
  • ROM 64GB + microSD สูงสุด 128GB
  • กล้องหลัง 16MP / กล้องหน้า 8MP
  • รองรับ 3G/4G 2SIMs
  • 4,000 mAh
  • ราคา 23,990 บาท

หลายๆ คนเห็น Huawei Mate 8 แล้วชื่นชอบตั้งแต่ตอนเปิดตัวแล้ว แต่พอหลายคนเห็นราคาแล้วอาจจะมีช็อคไปบ้าง เพราะบ้านเราเอารุ่นพรีเมี่ยมเข้ามาวางจำหน่าย แต่ถ้าได้ลองสัมผัสจริงๆ แล้วก็จะรู้ว่ามันไม่ธรรมดาเพราะนอกจากจะมาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow แล้วในส่วนของกล้องถ่ายภาพก็ทำงานได้เร็วขึ้น โฟกัสเร็วด้วย Hybrid Autofocus กดปุ๊บถ่ายปั๊บ ภาพจากกล้องก็เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น แต่ที่เด่นๆ เลยก็คือ ROM ที่การใช้งานลื่นไหลและจากการทดสอบมา 10 กว่าวันก็ยังไม่เจออาการค้างหรือรีสตาร์ทเลย แถมแบตเตอรี่ก็ทั้งใหญ่ทั้งอึด ของแบบนี้แนะนำให้ลองครับ

อ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจได้ที่ รีวิว Huawei Mate 8

 

และนี่คือรุ่นแนะนำทั้งหมดจากทุกช่วงราคานะครับ ใครมีอยากจะเสริมตัวไหนสามารถมาบอกเพิ่มเติมหรือชี้เป้ากันได้ใน Comment เลยครับ 😀