ช่วงหลังๆ นี้จะสังเกตเห็นได้ว่ามักจะมีข่าวทำนองที่บริษัทบิ๊กเนมอย่าง Google, Apple, Facebook, Microsoft และ Amazon จ้างพนักงานไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายใน มานั่งฟังคลิปเสียงของผู้ใช้งานที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ช่วยอัจฉริยะของแต่ละค่าย หลายฝ่ายเริ่มออกมายอมรับแบบจำนนต่อหลักฐานกันบ้างแล้ว รายล่าสุดก็คือ Apple ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษ พร้อมกับปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่

นโยบายใหม่นี้จะยุติการบันทึกบทสนทนาต่างๆ ที่ผู้ใช้งาน Apple ได้พูดคุยกับ Siri โดยทางบริษัทจะเปลี่ยนไปใช้เป็นระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ช่วยอัจฉริยะรายนี้แทน จากเดิมที่จ้างคนนอกเข้ามาคอย (แอบ) ฟัง นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมโครงการพัฒนา Siri หรือไม่ ซึ่งหากใครยินยอมเข้าร่วมก็หมายความว่ายินยอมที่จะให้ Apple ฟังบทสนทนาของพวกเขาและ Siri ได้นั่นเอง โดยในส่วนนี้ผู้เข้าร่วมสามารถออกจากโครงการพัฒนานี้ได้ตลอดตามต้องการเลย

อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ในตอนแรกครับว่า Apple ถือเป็นหนึ่งในบริษัทเทค ฯ ยักษ์ใหญ่ที่ถูกจับได้ว่าไปจ้างคนนอกมาแอบฟังคลิปเสียงที่ผู้ใช้งานได้พูดคุยไว้กับผู้ช่วยอัจฉริยะดิจิตอล โดยผู้บริโภคตาดำๆ อย่างเราไม่เคยทราบถึงข้อเท็จจริงนี้มาก่อน ซึ่งจากการรายงานของ The Guardian พบว่าคนนอกที่ Apple ไปจ้างมานั้น ได้แอบฟังคลิปเสียงต่อวันกว่า 1,000 ไฟล์! แถมบางไฟล์นั้นก็เต็มไปด้วยข้อมูลส่วนตัวมากมายเลย คาดว่า Siri น่าจะถูกกระตุ้นให้ทำงานหลังจากได้ยินเสียงที่มีโทนคล้ายกับคำว่า “Hey Siri” นั่นเอง

นอกจากนี้ Apple อธิบายเพิ่มเติมว่า คนที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงคลิปเสียงของผู้ใช้งานกับ Siri นั้นจะมีเพียงแค่พนักงานของ Apple เท่านั้น อีกทั้งทีมงานก็พยายามลบคลิปเสียงทุกคลิปที่อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri เด้งขึ้นมาโดยที่ผู้ใช้งานไม่ได้ตั้งใจเรียกนั่นเอง โดยกฎระเบียบนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่ที่ Apple เปลี่ยนแปลง เราสรุปมาให้เป็นหัวข้อให้อ่านง่ายๆ ดังนี้..

  • Apple จะไม่บันทึกเสียงบทสนทนาของผู้ใช้งานกับ Siri เป็นค่าเริ่มต้น แต่จะยังมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการถอดเสียงอยู่
  • ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะช่วยพัฒนาศักยภาพ Siri หรือไม่ โดยการเข้าร่วมโครงการ Grading โดยผู้เข้าร่วมสามารถถอนตัวออกจากโครงการดังกล่าวนี้ได้ตลอด
  • จะมีเพียงพนักงาน Apple เท่านั้นมีสามารถเข้าถึงคลิปเสียงที่ผู้ใช้งานคุยกับ Siri นอกจากนี้บริษัทจะทำการลบคลิปเสียงต่างๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นเรียก Siri ขึ้นมา เวลาที่ผู้ใช้งานไม่ได้ตั้งใจเรียก

การเปลี่ยนแปลงใหม่ครั้งนี้จะมีผลในการอัพเดทซอฟต์แวร์ครั้งหน้าของ Apple นะครับ คาดว่าน่าจะปล่อยออกมาราวๆ ไม่เกินสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน

ก็ต้องบอกว่าเป็นเจ้าที่กล้าออกมายืดอกยอมรับและรีบทำการแก้ไขให้ชัดเจน ไม่ได้ตีเนียนทำต่อแบบไม่บอกกล่าว และน่าจะเป็นบรรทัดฐานให้กับบริษัทเทคเจ้าอื่นๆให้ทำตามอีกด้วย ส่วนผู้ใช้อย่างเราๆเค้ามีขึ้นมาให้ตอบรับแบบนี้แล้วก็อ่านและพิจารณากันนิดนึงก่อนตอบตกลงกันด้วยละกัน

 

ที่มา: TheVerge